บทที่ 598 เป็นไปตามแผน
เดิมทีฮ่องเต้โจวต้องการส่งราชทูตไปต้าฉีอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นที่เขาคิดวางตัวเอาไว้เป็นอู่อวี้ ใต้เท้าอู่เป็นผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบดี มีความเฉลียวฉลาดรู้จักยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ แต่ทว่าฝีปากล้วนไม่เอาไหน
ราชทูตที่ดีต้องมีวาทะศิลป์ในการเจรจาที่เป็นเลิศ เขาต้องหาคนที่พูดจาเก่งกาจ แต่ก็ยังไม่เจอผู้ที่เหมาะสม กู้หวนจิ่นมาเข้าเฝ้าในจังหวะนี้พอดี เขาจึงตัดสินใจเลือกอู่อวี้และกู้หวนจิ่นไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เรื่องนี้จะชักช้าเนิ่นนานไม่ได้
พระบรมราชโองการของฮ่องเต้ได้กำหนดให้พวกเขาเร่งออกเดินทางในทันที กู้หวนจิ่นแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับไปจวนเพื่อร่ำลาด้วยซ้ำ เขาจึงได้แต่เขีบนจดหมายกลับไปที่บ้าน
องค์หญิงจิ้งชูตกพระทัยมาก เหตุใดกู้หวนจิ่นไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเพียงครั้งเดียวถึงได้ถูกส่งไปยังแคว้นต้าฉีเสียแล้ว? นางจับมือกู้หวนจิ่นไว้อย่างอาลัยอาวรณ์
เขาสามกอดนางแนบแน่น หายใจเข้าลึก
“กู้หวนจิ่น…ไม่ไปได้ไหม?”
“อาจื่อ นี่เป็นโอกาสเดียวที่ข้าได้รับพระราชทานจากฝ่าบาท หากข้าทำสำเร็จพระองค์จะพระราชทานอภิเษกสมรสให้พวกเรา” กู้หวนจิ่นปล่อยนางออกจากอ้อมแขน ประคองใบหน้านางเอาไว้ สายตามุ่งมั่น
“ต้าฉีไกลมาก…” องค์หญิงจิ้งชูขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องกังวล เชื่อใจข้านะ”
กู้หวนจิ่นพูดอย่างจริงจัง ทำให้นางรู้สึกไว้วางใจ ชายหนุ่มตบเบาๆ ที่แผ่นหลังของจิ้งชู แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะปล่อยนางออกจากอ้อมกอด แต่ก็ต้องกัดฟันเอ่ยกระซิบว่า
“อาจื่อ..เด็กดี ข้าต้องไปแล้วนะ”
องค์หญิงจิ้งชูปล่อยกู้หวนจิ่นอย่างไม่เต็มใจ
เขาทอดมองนางอย่างอ้อยอิ่ง จุมพิตที่หน้าผากของนางเบาๆ
“อาจื่อ รอข้ากลับมานะ” หลังจากพูดจบเขาหันหลังเดินจากไป
ที่จวนอู่โหว
หลังจากที่ได้รับพระบรมราชโองการเว่ยฉิงรีบกลับบ้านทันที เหตุการณ์เป็นไปอย่างกะทันหัน เหตุใดจึงต้องส่งราชทูตไปยังต้าฉี? ทั้งไม่รู้ว่าต้องไปนานเพียงใด ตอนนี้ต้าฉีกำลังหาพันธมิตร ราชทูตที่ไปต้าฉีย่อมมีอันตรายไม่มากก็น้อย ถังหลี่ใช้เวลาสักพัก กว่าจะทำใจได้
“สามี” ถังหลี่เงยหน้าเขา
เว่ยฉิงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ไม่มีข่าวดีจากราชทูตของต้าโจวที่ไปยังต้าฉู่ ฮ่องเต้คงอยากเตรียมการทั้งสองฝั่ง อย่างไรก็ต้องไป”
แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่เว่ยฉิงไม่อยากไปเลย เขาทนไม่ได้ที่จะต้องลาจากกับภรรยา แต่เขาไม่ได้มีอำนาจในราชสำนักมากขนาดนั้น อีกทั้งถ้าหากทั้งสองแคว้นมีการร่วมมือกันขึ้นมา ต้าโจวคงถูกโจมตี แผ่นดินจะตกอยู่ในความวุ่นวาย ราษฎรจะยากลำบาก หากเอาชนะต้าฉู่และต้าฉีได้ ราษฎรจึงจะปลอดภัย
หญิงสาวพยักหน้า จากนั้นจึงได้เข้าไปเก็บข้าวของ เว่ยฉิงเดินตามเข้าไปโอบกอดนางเอาไว้ ไม่ช้าสัมภาระสองห่อถูกส่งมอบให้เขา
เว่ยฉิงรับไว้ ถังหลี่เดินตรงเข้ามาหา นางเขย่งเปลายเท้า ขึ้นจูบเขาเว่ยฉิงตอบรับอย่างเต็มใจ ทั้งสองคนจูบกันอย่าเร่าร้อนและดูดดื่ม เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ ไม่นานนักมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นายท่านขอรับ คุณชายสามกู้รออยู่ด้านนอกขอรับ”
“เข้าใจแล้ว” เสียงของชายหนุ่มแหบแห้ง
เว่ยฉิงเดินไปที่เปลบีบแก้มของเด็กน้อยทั้งสอง
“พ่อกำลังจะเดินทางไกล รักษาตัวกันให้ดีเล่า”
ทั้งสองไม่เข้าใจในคำพูดของบิดา พวกเขาได้แต่กะพริบตา เว่ยฉิงจุมพิตเด็กน้อยทั้งสองคน จากนั้นจึงเดินจูงมือถังหลี่ออกไปนอกจวนอู่โหว
ที่ด้านนอกมีรถม้าจอดอยู่ ด้านหน้ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนรอ เขาคือกู้หวนจิ่น
เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกมา กู้หวนจิ่นเดินเข้าไปหา เขาอธิบายภารกิจในนี้
“ขอบคุณน้องเขยที่ร่วมเดินทางไปกับข้า” กู้หวนจิ่นกล่าว ถังหลี่มองไปยังชายหนุ่มทั้งสอง พวกเขาเป็นสามีและพี่ชายของนาง ย่อมมีความสำคัญกับนางทั้งคู่
“พี่ชายท่านต้องระวังตัวด้วยนะ”
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องสามีของเจ้าเอง” กู้หวนจิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก” เว่ยฉิงกอดอกพึมพำ
“ข้าจะรอท่านกลับมา” ถังหลี่ยิ้ม กู้หวนจิ่นเดินจากไปสองก้าวแล้วก็หันหลังกลับมาอีกครั้ง
“น้องสาว…ช่วยดูแลอาจื่อให้ข้าด้วย..”
แม้น้องสาวของเขาจะอายุน้อย แต่นางน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ ถังหลี่พยักหน้ารับ
“พี่ชายไม่ต้องห่วง”
เว่ยฉิงและกู้หวนจิ่นเข้าไปในรถม้า ทั้งสองออกเดินทางไปยังประตูเมือง ถังหลี่เดินตามรถม้าอยู่อย่างไม่หยุด จนกระทั่งลับสายตาไป นางยืนอยู่นิ่งอยู่เช่นนั้นสักครู่จึงได้เดินกลับจวนอู่โหว
เมื่อสามีจากไปถังหลี่รู้สึกว่างเปล่า นางเข้าไปในห้องเห็นเด็กน้อยทั้งสองคนทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ถังเป่าเปามองมารดาด้วยดวงตากลมโต นางยื่นมือออกมาจับนิ้วหัวแม่มือของมารดาเอาไว้ เด็กน้อยคลี่ยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่ามารดากำลังเล่นกับน้องสาว เสี่ยวมู่คลานไปหามารดา
ถังหลี่จิ้มไปที่แก้มกลมป่องของเขา เด็กน้อยพึงพอใจมากเขาเอียงศีรษะมองมารดาอย่างออดอ้อน
“พ่อของพวกเจ้าเพิ่งจากไป..” ถังหลี่พึมพำ
“แม่ก็คิดถึงเขาแล้ว”
ถังหลี่รู้สึกว่าตนเองเริ่มเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผ่านช่วงเวลาที่นางต้องแยกจากสามีมาถึงสองปีแล้ว ตอนนี้หญิงสาวหวังให้มีเพียงเว่ยฉิงอยู่ข้างกายของนางเท่านั้น เด็กทั้งสองไม่เข้าใจพวกเขาเอาแต่ยิ้มให้มารดาของตนเอง
“เจ้าเด็กโง่เอ๊ย” ถังหลี่ลูบศีรษะพวกเขา
ในคืนนั้นเองถังหลี่นอนหลับไม่สนิท นางมีรอยคล้ำที่ใต้ตา
เช้าวันรุ่งขึ้นองค์หญิงจิ้งชูเสด็จมาเยี่ยม นางมีรอยคล้ำที่ใต้ดวงตามากกว่าถังหลี่เสียอีก ทั้งสองคนมองหน้ากันพลางหัวเราะออกมา
“ถังหลี่ เจ้าบอกว่ากู้หวนจิ่นไม่เคยเดินทางไปไหนใช่ไหม? นี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของเขา ซ้ำยังไปถึงต้าฉีอีก …เขาจะสบายดีไหม ไหนจะสภาพอากาศ…” องค์หญิงจิ้งชูขมวดคิ้ว นางเต็มไปด้วยความกังวล
ถังหลี่อดหัวเราะไม่ได้
แม้ว่ากู้หวนจิ่นจะเป็นหนุ่มเสเพลแต่เขาใช่ว่าไร้ความสามารถ ในชาติที่แล้วของเขายามที่องค์หญิงจิ้งชูแต่งงานกับองค์ชายซยงหนู กู้หวนจิ่นเป็นคนพานางไปที่นั่น เขาสุขุมและพึ่งพาได้ แต่นางไม่อาจจะพูดเรื่องเช่นนี้ออกไปได้
“แม้ว่าพี่สามจะอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด แต่เขาก็มีความสามารถ ต่อให้ไม่คุ้นเคยอย่างไร เขาก็สืบสายเลือดมาจากบรรพบุรุษสกุลกู้เช่นกัน”
ใช่แล้วกู้หวนจิ่นเป็นบุตรชายสกุลกู้ แม้จะเป็นสตรีหากมาจากสกุลกู้ก็ย่อมมีความแข็งแกร่งดั่งเช่นถังหลี่
องค์หญิงจิ้งชูคิดมากจนนอนไม่หลับ นางมีความคิดมากมายฟุ้งซ่านอยู่ในหัว
“กู้หวนจิ่นและสามีเจ้าเป็นคนหน้าตาดี หากมีบุตรสาวขุนนางที่นั่นชอบเขาล่ะ เขาจะไม่ถูกขอตัวเป็นไปเขยหรือ? แลกกับการเป็นพันธมิตรกับต้าฉี” ยิ่งคิดมากเพียงไหนก็รู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างมาก
นางเคยคิดว่ากู้หวนจิ่นหน้าตาหล่อเหลา เป็นที่ชื่นชอบของนางมาก แต่ในตอนนี้หากเขาจะอัปลักษณ์ลงบ้างน่าจะเป็นการดีมากกว่า
เมื่อคิดถึงใบหน้าของสามีแล้วถังหลี่รู้สึกถึงความเป็นไปได้เช่นกัน
“ถึงทั้งคู่จะหน้าตาดี แต่มีความหนักแน่น แม้จะมีหญิงสาวมาหมายปอง พวกเขาย่อมหาทางหนีทีไล่ได้เป็นแน่”
“หากพวกเขาความจำเสื่อมจำพวกเราไม่ได้ล่ะ?” ถังหลี่ขบขัน
“อาจื่อ เจ้ากำลังเขียนนิทานอยู่หรือ? คิดมากขนาดนี้ได้อย่างไรเนี่ย” องค์หญิงจิ้งชูสีพระพักตร์แดงก่ำ เมื่อได้ยินที่ถังหลี่กระเซ้า
นางฟุ้งซ่านไปมากมายใหญ่โต
จิ้งชูอยู่สนทนากับถังหลี่ตลอดเช้า เมื่อเห็นถังหลี่สงบใจได้เช่นนั้น นางจึงเบาพระทัยลงไปได้ นางออกจากจวนอู่โหวไปในยามบ่าย
ตอนที่องค์หญิงจิ้งชูเสด็จออกมานอกจวน จู่ๆ ก็มีม้าควบตรงรี่มาหานาง มีคนยื่นมืออกมาคว้าตัวนางขึ้นม้าหนีไปอย่างรวดเร็วจนแม้แต่องครักษ์ที่ติดตามไม่มีเวลาได้ตอบโต้!