เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 600 องค์ชายแปด

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 600 องค์ชายแปด

องค์หญิงจิ้งชูรู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าฮ่าวตุ้นถูกจัดการได้นางรู้สึกมีความสุขมาก ฉื่อซื่อไม่หยุดมือจนกระทั่งองครักษ์รักษาพระองค์มาถึง

“มันลักพาตัวเปิ่นกงจู่มา! จับมันไปขังไว้” องค์หญิงจิ้งชูพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยม องครักษ์ส่วนพระองค์จับตัวฮ่าวตุ้นไป

ถังหลี่ขี่ม้าไปกับจิ้งชูภายใต้การคุ้มครองขององครักษ์ องค์หญิงจิ้งชูโอบแขนกอดรอบเอวของถังหลี่ไว้

“ถังหลี่ เจ้าน่าทึ่งมากเลย”

ตอนที่องครักษ์ของถังหลี่ต่อสู้กับชายคนนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแรงกว่ามาก หากถังหลี่ไม่ลงมือล่ะก็คงไม่สามารถเอาชนะผู้ชายคนนั้นได้ หัวใจของจิ้งชูเต้นแรงมาก นางชอบถังหลี่ คิดอยู่เสมอว่าอีกฝ่ายฉลาดมากพอที่จะทำให้จินเซ่อเกลียดชังนับจากตอนนั้นแล้วจิ้งชูก็ยิ่งชอบถังหลี่มากขึ้น

ถ้าหากนางแข็งแกร่งเท่าถังหลี่ล่ะก็…

เมื่อเห็นทักษะที่น่าเกรงขามของถังหลี่แล้ว จิ้งชูต้องกล้าหาญและฝึกฝนตัวเองมากกว่านี้!

องค์หญิงจิ้งชูพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดในขณะที่ถังหลี่เพียงแต่ยิ้มและฟัง

“ท่านรู้ไหมว่าคนเถื่อนผู้นั้นเป็นใคร?” ถังหลี่ถาม

เมื่อพูดถึงคนเถื่อน องค์หญิงจิ้งชูสายพระเนตรเย็นชาขึันทันที

“มันเป็นใคร? แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ข้าจะฆ่ามัน!”

“เขาคือฮ่าวตุ้น องค์ชายรองเผ่าฮั่น” ถังหลี่กระซิบ

“คนที่ต้องการสู่ขอข้า? นี่เขาอยู่ในเมืองหลวงจริงหรือ?” องค์หญิงจิ้งชูตกใจมาก

คนป่าเถื่อนน่าขยะแขยงผู้นั้นเทียบกับกู้หวนจิ่นไม่ได้เลย ไม่สิ เขาไม่สมควรที่จะถูกเทียบกับกู้หวนจิน! หากนางต้องแต่งงานกับชายคนนี้ล่ะก็นางยอมตายเสียดีกว่า

“ใช่แล้ว ดังนั้นคราวหลังเวลาออกมาข้างนอกระวังตัวด้วยล่ะ” ถังหลี่กล่าว

“ข้าจะระวัง แต่เพราะเขาเป็นองค์ชายรอง อย่างไรเสียเสด็จพ่อคงไม่สามารถทำอะไรเขาได้” องค์หญิงจิ้งชูที่แก้มพองเหมือนปลาทอง

“ดีนะที่ข้าเพิ่งจัดการเขาไป!” องค์หญิงจิ้งชูพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างกังวล

“เขาจะทูลเสด็จพ่อไหม? แล้วเจ้าจะเดือดร้อนหรือเปล่า?”

“เราไม่รู้ว่าเขาคือองค์ชายรองนี่นะ อีกอย่างคนในคณะราชทูตของซยงหนูสามารถลักพาตัวองค์หญิงแห่งต้าโจวกลางถนนได้หรือ?” ถังหลี่ถาม องค์หญิงจิ้งชูพยักหน้า นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ได้เวลาสู้กลับแล้ว!”

องครักษ์รักษาพระองค์นำตัวฮ่าวตุ้นไปตามถนนในเมือง ดึงดูดให้ประชาชนชาวต้าโจวมองมาอย่างถ้วนหน้า ทำให้ฮ่าวตุ้นอับอายเป็นอย่างมาก การกระทำเช่นนี้ราวกับว่าเขาเป็นอาชญากร เขาไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต! สักวันหนึ่งเขาจะฆ่าชาวต้าโจวที่มองเขาเป็นตัวตลกให้ได้!

ที่ชั้นสองของเหลาอาหาร

ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น เขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับองค์ชายรอง ดวงตาของเขาหรี่ลง ริมฝีปากยกโค้งขึ้น ท่าทางดูมีความสุข ชายหนุ่มคนนั้นคือองค์ชายแปดของเผ่าฮั่นมีนามว่าพั่วหนู

มีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง” กล่าวคือฮ่าวตุ้นนั้นเหมือนตั๊กแตนที่พยายามกอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง ส่วนพั่วหนูนั้นคือนกขมิ้นที่เตรียมจัดการตั๊กแตนอยู่ด้านหลังนั่นเอง

ช่วงนี้เขากำลังติดตามฮ่าวตุ้นอยู่ วันนี้จึงได้เห็นฉากที่น่าอับอายเช่นนี้

ความคับแค้นของเขาและฮ่าวตุ้นนั้นไม่มีวันยุติลงได้ เปรียบได้ว่าพวกเขาเกลียดกันจนเข้ากระดูก เมื่อเห็นอีกฝ่ายขายขี้หน้าแบบนี้ ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดีมากขึ้น สายตาของพั่วหนูกวาดมองไปทันใดนั้นเองเขาก็ชะงักค้างไปเมื่อเจอสตรีผู้หนึ่ง

“เป็นนาง..” เขาพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ

ถังหลี่ขี่ม้าอยู่ที่ด้านหลัง นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนจ้องมอง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นร่างหนึ่งแต่เป็นเพราะม้าที่กำลังเดินไปด้านหน้า เมื่อมองขึ้นไปอีกครั้งร่างนั้นก็หายไปเสียแล้ว นางถอนสายตาออกละความสนใจ

หญิงสาวลืมไปอย่างรวดเร็ว

ฮ่าวตุ้นถูกจับเข้าห้องขัง

เมื่อราชทูตซยงหนูได้ทราบเรื่อง พวกเขารีบขอเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ทันที แต่ฮ่องเต้โจวปฏิเสธที่จะปล่อยตัวเขา เพราะชายคนนี้กล้าฉกอัญมณีล้ำค่าโปรดของเขากลางถนน เป็นปกติที่โทษย่อมร้ายแรงมาก!

ราชทูตจึงจำใจเปิดเผยตัวตนของฮ่าวตุ้น ฮ่องเต้โจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยฮ่าวตุ้นไป เมื่อราชทูตกลับไปแล้ว ฮ่องเต้โจวเสด็จไปหาองค์หญิงจิ้งชู ทันทีที่นางเห็นบิดาดวงตาของหญิงสาวเป็นสีแดงทันที

“เสด็จพ่อตอนที่ข้าโดนพาขึ้นหลังม้าข้ากลัวแทบตาย ข้ากลัวว่าจะไม่ได้เจอท่านพ่ออีกแล้ว” องค์หญิงจิ้งชูพูดด้วยความเสียพระทัย

ฮ่องเต้โจวลูบศีรษะของนางเขาทุกข์ใจาก

“อาจื่อน้อย บิดาผิดไปแล้ว”

“เสด็จพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับคนเถื่อนผู้นั้นกันแน่”

ดวงตาของฮ่องเต้โจวดูไร้หนทาง

“อาจื่อ คนเถื่อนผู้นั้นคือองค์ชายรองของเผ่าฮั่น ข้าต้องขอโทษเจ้า แต่ข้าไม่อาจเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟังได้ในตอนนี้ได้” องค์หญิงจิ้งชูพยักหน้าตามว่าง่าย

“ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อลำบากพระทัย ไม่เป็นไรเพคะ”

“อาจื่อน้อย..เจ้าเข้มแข็งจริงๆ” ฮ่องเต้โจวพึมพำ

“แต่ข้าจะจดจำแค้นครั้งนี้ไว้ และไม่ลืมที่จะชำระให้เจ้าอย่างแน่นอน”

…..

ฮ่าวตุ้นกลับไปยังศาลาฮุ่ยตงในตอนกลางคืน เขาอับอายมาก วันนี้นับเป็นวันที่แสนโชคร้ายของเขา ไม่เพียงแต่ต้องทุกข์ทรมานกับความอัปยศที่เกิดขึ้น ตัวตนของเขายังถูกเปิดเผยอีกด้วย!

การที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยเช่นนี้เท่ากับว่าเขากลายเป็นดาบอีกหนึ่งเล่มของฮ่องเต้โจว! เขาโกรธจนแทบอยากจะพังห้องทิ้ง!

……

เมื่อถังหลี่ได้ข่าวตอนเช้าว่าฮ่าวตุ้นถูกปล่อยตัว ซึ่งก็ตรงกับที่นางได้คาดเดาเอาไว้

ในสถานการณ์ตอนนี้หลังจากที่ฮ่องเต้โจวรู้ตัวตนของฮ่าวตุ้นแล้ว พระองค์ย่อมไม่ทำอะไรให้เป็นที่ผิดใจแน่นอน หากฮ่าวตุ้นถูกลงโทษอย่างรุนแรงก็เท่ากับว่าต้าโจวเลือกที่จะเผชิญหน้ากับพวกซยงหนู

ในตอนนั้นถ้าเผ่าฮั่นเลือกที่จะหันไปร่วมมือกับต้าฉี นั่นจะเกิดเป็นผลเสียมาก

เพราะเหตุนี้เองถังหลี่จึงปล่อยให้ฉื่อซื่อจัดการกับฮ่าวตุ้นอย่างหนักเพื่อระบายความโกรธ สามีและพี่สามของนางต้องทำให้สำเร็จ หากพันธมิตรของต้าฉีและต้าฉู่พังทลายลง ซยงหนูจะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองเพิ่งจะออกเดินทางไปเมื่อคืนก่อนเท่านั้น การเดินทางในครั้งนี้จะต้องใช้เวลากว่าสิบวัน ยิ่งไปกว่านั้นการเกลี้ยกล่อมต้าฉีย่อมไม่ง่าย น่าเสียดายที่นางทำได้เพียงกังวลอยู่ที่บ้านไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้

“ฮูหยินขอรับ มีคุณชายท่านหนึ่งมาขอพบที่ด้านนอกขอรับ” บ่าวรับใช้มารายงาน

“คุณชายจวนไหน?” ถังหลี่ถาม

“คุณชายดูอายุประมาณยี่สิบปี เขาบอกว่าฮูหยินเคยช่วยเขาไว้ตรงนอกเมืองฉินโจวขอรับ” บ่าวรับใช้รายงานต่อ

อายุประมาณยี่สิบ….นอกเมืองฉินโจว….

ในหัวใจของถังหลี่มีชื่อคนหนึ่งผุดขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่า….

ถ้าเป็นเขาจริง ..จะดีมาก!

“เชิญคุณชายท่านนั้นเข้ามา”

ไม่นานนักชายหนุ่มผู้หนึ่งถูกเชิญเข้ามาในห้อง ถังหลี่จ้องหน้าเขาสักพักในตอนนั้นเองนางก็คิดว่าใช่เขา!

ตอนที่หญิงสาวเจอพั่วหนูครั้งแรกเขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่ม แต่ตอนนี้ใบหน้าของพั่วหนูดูคมคายหล่อเหลามากขึ้น รอยแผลเป็นบนใบหน้าทำให้เขาดูสมชายชาตรี

แววตาของอีกฝ่ายดูเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนี้เขาดูเหมือนลูกหมาป่า แต่หลังจากพายุฝนผ่านไปมันเย็นชาและเด็ดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น พั่วหนูจ้องมาที่ถังหลี่และยิ้ม ทันใดนั้นเองใบหน้าของชายหนุ่มก็ดูอ่อนโยนขึ้น

“ถังหลี่….พี่สาว เราเจอกันอีกแล้วนะ”

องครักษ์องพั่วหนูต่างตกใจ เขาอยู่กับองค์ชายแปดมาห้าปีแล้ว และไม่เคยเห็นด้านอ่อนโยนเช่นนี้ขององค์ชายมาก่อนเลย!!

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท