บทที่ 617 จุดจบของจินเซ่อ
วันถัดมา
เว่ยฉิงไปที่กรมอาญา หลังจากที่เขาถูกส่งไปแคว้นต้าฉีเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนทำให้มีงานค้างที่กรมอาญาเป็นกองพะเนิน เขาจึงยุ่งวุ่นวายมาก
ส่วนถังหลี่ไปดูร้านอาหารหนิงเฟิ่ง ตอนนี้ร้านอาหารของนางได้ขยายสาขาไปทั่วแคว้นต้าโจวแล้ว ในเมืองหลวงก็มีถึงสองสาขา
นางได้ทำเลก่อตั้งร้านในบริเวณที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวงทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสายสร้างกำไรหลายพันตำลึงทุกวัน
ถังหลี่ก้าวลงจากรถม้า สายตาของนางมองไปที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม นางจำได้ว่าหลังจากที่ร้านอาหารหนิงเฟิ่งเปิดไม่นานร้านอาหารตรงข้ามก็เปิดขึ้นมาทันที
ในตอนแรกดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งกัน ทว่าร้านอาหารหนิงเฟิ่งได้เปรียบในเรื่องรสชาติมากกว่า ไม่นานนักกิจการของคู่แข่งก็ซบเซาลง แม้จะลดราคาแล้วก็ไม่สามารถกอบกู้กิจการขึ้นมาได้ ตอนนี้ร้านอาหารตรงข้ามกำลังปลดป้ายร้านลง เมื่อกิจการถูกรื้อถอนไป ต่อไปก็คงจะเป็นเจ้าของอื่นมาแทน
“ทำอะไรน่ะ หยุดนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
ถังหลี่หันไปมอง มีคนลงมาจากรถม้าคันนั้น นางเดินตรงไปยังร้านอาหารทันที สตรีผู้นี้สวมหน้ากาก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ถังหลี่จำได้ทันทีว่านางเป็นใคร พระชายารุ่ยอ๋อง…จินเซ่อ…
จินเซ่อเงียบหายไปตั้งแต่วันที่ลิขิตสวรรค์ทิ้งนางไป มีข่าวว่านางถูกกักขังอยู่ในจวนรุ่ยอ๋องไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้บังเอิญเจอกัน เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ของจินเซ่อในตอนนี้แล้ว นางคงไม่มีความเป็นอยู่ที่ดีนัก จินเซ่อรีบเดินไปหยุดที่หน้าร้าน
“หยุดนะ เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”
“เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าคือพระชายารุ่ยอ๋อง!”
“นี่เป็นคำสั่งของพระสนมพะย่ะค่ะ ข้าน้อยแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” สองสามคนที่อยู่ตรงนั้นพูดขึ้น คนเหล่านี้เป็นบ่าวรับใช้ของจวนรุ่ยอ๋อง เมื่อพระชายาหมดอำนาจพวกเขาจึงยินดีที่จะทำตามคำสั่งของหลู่เหนียงทันที
ท่านอ๋องไม่ได้เสด็จไปตำหนักพระชายารุ่ยอ๋องมาหลายเดือนแล้วอีกทั้งยังรับสนมเข้ามาเพิ่มใหม่อีกสองสามคน ในยามที่พระชายาไปหาท่านอ๋อง พระองค์ทรงหลบเลี่ยงไม่ให้นางเข้าพบ
ตอนที่นางถูกพระสนมคนอื่นกลั่นแกล้ง ท่านอ๋องทรงเข้าข้างพระสนมผู้นั้น ทั้งยังสั่งลงโทษพระชายาอีกด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้ว่าพระชายาหมดสิ้นความโปรดปรานจากรุ่ยอ๋องแล้ว คำว่าพระชายาจึงเป็นเพียงแค่ตำแหน่งเลื่อนลอยเท่านั้น
นอกจากนี้ในตอนที่พระชายามีอำนาจ นางใจร้ายกับบ่าวรับใช้ เมื่อมีโอกาสพวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะฉวยโอกาสนี้เหยียบย่ำนาง
สีหน้าของจินเซ่อภายใต้หน้ากากบิดเบี้ยวน่าเกลียด…
ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้จินเซ่อมีชีวิตที่ยากลำบาก นางไม่ได้รับความรักและเมตตาจากทานอ๋อง ตอนนี้หลู่เหนียงมีอำนาจควบคุมจวนรุ่ยอ๋อง นางถือโอกาสแก้แค้นจินเซ่ออย่างหนัก ทำให้จินเซ่อต้องนำเงินสินสอดของตัวเองมาประคับประคองชีวิต แต่อย่างไรก็ตามเงินส่วนตัวของนางลดน้อยลงไปทุกวัน
จินเซ่อไม่ได้รับเงินเดือนเลย นางถูกกักตัวอยู่แต่ในวัง
เมื่อได้ยินว่าร้านอาหารกำลังจะถูกปิดลง จินเซ่อโกรธมาก จึงรีบออกมาจากจวนทันที
“ไม่มีการรื้อถอนอะไรทั้งนั้น” จินเซ่อพูดอย่างเย็นชา
“ท่านอ๋องสั่งให้พวกข้าเชื่อฟังคำสั่งของพระสนมเท่านั้น พระชายาต้องไปทูลเรื่องนี้กับท่านอ๋องเองพะย่ะค่ะ”
ในขณะที่พูดพวกเขาก็ยังคงไม่หยุดมือ แผ่นป้ายโลหะถูกปลดลงตกไปที่พื้นจนร้าว จินเซ่อมองดูป้ายร้านของนางด้วยแววตาเศร้าสร้อย ไม่ใช่แค่ป้ายร้านเท่านั้น แต่ทุกสิ่งที่นางสร้างมาก็พังทลายลงเช่นเดียวกัน ตอนแรกนางมีกองกำลังองครักษ์ของตน นางฝึกฝนจนแข็งแกร่ง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ยามที่ความรักของนางและองค์ชายสามยังหวานชื่น จินเซ่อไม่ลังเลที่จะบอกเล่าให้เขาฟัง กองกำลังนี้ทั้งสองจึงใช้ร่วมกัน
หลังจากสูญสิ้นความโปรดปราน องค์ชายสามก็เข้ายึดครองทุกสิ่งที่นางถือไว้และมอบให้กับหลู่เหนียง ชายคนนั้นหักปีกทั้งหมดของนางทิ้ง มอบสิ่งที่นางพยายามสร้างมาอย่างยากลำบากให้กับหญิงอื่น! หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดนางก็ตาสว่าง จ้าวชูไม่เคยรักนางเลยแม้แต่นิด
จินเซ่อปวดร้าวในอก นางโง่มากทั้งที่มีชีวิตมาถึงสองชาติ ขนาดนี้แล้วยังหลงเชื่อผู้ชายอีกจนได้! นางเงยหน้าขึ้นน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ฉับพลันนางสังหรณ์ใจ
หันศีรษะไปมองฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นว่าเป็นถังหลี่ดวงตาของนางระแวดระวังแฝงไว้ด้วยอันตรายทันที
ถังหลี่เป็นศัตรูของนาง ยามที่อยู่ต่อหน้า นางย่อมไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอของตนออกมาให้อีกฝ่ายเห็น จินเซ่อยืดตัวตรงขึ้นพร้อมกับหันไปหาถังหลี่ นางพูดน้ำเสียงไม่เป็นมิตรออกมา
“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า”
“จูชุนเจียว!”
สีหน้าของจินเซ่อเปลี่ยนไปทันที นางรีบสัมผัสใบหน้าตัวเอง ตอนนี้นางสวมหน้ากากอยู่แล้ว ถังหลี่รู้ได้อย่างไร? จินเซ่อมองไปรอบๆ ก่อนจะโล่งใจเมื่อไม่เห็นใครให้ความสนใจ
“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ” จินเซ่อพูดนิ่งๆ
ถังหลี่หัวเราะเบาๆ “เจ้าคิดว่าซ่อนตัวเองได้มิดหรือ? เพียงแค่พบกันครั้งแรกข้าก็จำได้แล้วว่าเป็นเจ้า ถึงหน้าตาจะเปลี่ยนไปก็ตาม” สีหน้าของถังหลี่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางจ้องไปที่อีกฝ่ายด้วยความเลือดเย็น
“แต่ดวงตาและจิตใจที่อำมหิตของเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนไป”
ริมฝีปากของจินเซ่อเม้มเข้าหากันแน่น นางพบถังหลี่ครั้งแรกที่วังหลวง นั่นหมายถึงอีกฝ่ายจำนางได้ตั้งแต่วันนั้น…
จินเซ่อคิดว่าถังหลี่ไม่รู้จักนาง นางเป็นเหมือนเงาที่ซุ่มอยู่ทำให้มีโอกาสที่จะโค่นถังหลี่ลงได้ แต่…ถังหลี่กลับจำนางได้ตั้งนานแล้ว จินเซ่อเหมือนตัวตลกที่น่าขัน
“แล้วอย่างไร เจ้าต้อนข้าจนมุมแต่ข้าก็รอดมาได้จนกลายเป็นพระชายาของรุ่ยอ๋อง” จินเซ่อพูด
“จากนั้นเจ้าก็ตกลงมาในบ่อโคลน”
จู่ๆ จินเซ่อก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ นางจ้องไปที่ถังหลี่อย่างมาดร้าย
“คืนนั้นที่อาคารหยานชุนเจ้าวางยาข้า!” เมื่อคิดดูแล้วหลู่เหนียงจะทำแบบนี้ได้อย่างไร ต้องเป็นถังหลี่แน่นอน
ร้ายกาจนัก!
นางมันโง่ที่ถูกศัตรูเล่นงานแบบนี้ !
“ถึงข้าจะตกลงไปในบ่อโคลนแต่สักวันข้าจะลุกขึ้นมาได้ คอยดูเถอะ สักวันหนึ่งข้าจะเหยียบเจ้าให้แหลก!” จินเซ่อกัดฟัน ถังหลี่ไม่มีท่าทีคุกคาม นางหัวเราะเย้ยหยันจินเซ่อทันที
“ลุกขึ้นมาหรือ? เจ้าจะใช้อะไรที่จะเป็นหลักลุกขึ้นมาได้เล่า? ลิขิตสวรรค์ของเจ้าก็ทิ้งเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
ใบหน้าของจินเซ่อซีดเผือดลงทันทีนางโพล่งออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ข้าไม่เพียงแต่รู้ว่าเจ้ามีลิขิตสวรรค์คอยช่วยเหลือ แต่ข้ารู้ด้วยว่าเจ้ากลับชาติมาเกิดใหม่ ทว่าเจ้าไม่ได้เรียนรู้บทเรียนเลย เจ้าเอาแต่ทำร้ายคนอื่นเท่านั้น คนที่ทำร้ายผู้อื่นไหนเลยจะมีจุดจบที่ดีได้ ? จูชุนเจียวเจ้าต้องรับผลจากการกระทำของเจ้า” ถังหลี่พูดอย่างเย็นชา
ท่าทีของจินเซ่อแปรเปลี่ยนไป ถังหลี่รู้เรื่องของนางทั้งหมด!
เดิมทีนางคิดว่าเมื่อตัวเองกลับมาเกิดใหม่นางได้รับการช่วยเหลือจากเทพเซียน จินเซ่อจึงไม่ใส่ใจการมีตัวตนของถังหลี่เลย นางคิดไม่ถึงว่าถังหลี่จะรู้ทุกอย่างจนนางกลายเป็นตัวตลกแบบนี้
ดวงตาคู่นั้นของถังหลี่จ้องมอง ราวกับเห็นทุกสิ่งได้ทะลุปรุโปร่ง จินเซ่อรู้สึกตื่นตระหนก นางรีบหันหลังเดินหนีไปทางรถม้าของตัวเองทันที
ถังหลี่ยืนนิ่งเฝ้ามองรถม้าเคลื่อนตัวออกไป หลังจากเรื่องราวที่ผ่านมา นางรู้ว่าใบหน้าของจูชุนเจียวย่อมกลับไปเป็นเหมือนเดิม นางจึงต้องสวมหน้ากากเช่นนี้ เมื่อลิขิตสวรรค์ของจินเซ่อยอมแพ้ นางจะไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีกครั้งแน่นอน !