บทที่ 627 ท่านประมุขฟื้นแล้ว
จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้น มีคนวิ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องตะโกน
“ผู้คุมกฎ! คุณชายสี่กับอนุเป่ยทะเลาะกัน ตอนนี้อนุเป่ยจะฆ่าคุณชายสี่แล้วขอรับ”
อนุเป่ยเป็นสตรีที่ก้าวร้าวและดุร้าย ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยทะเลาะกันมาก่อน ในขณะที่บ่าวได้ไปฉุดกระชากลากตัวสตรีโมโหร้ายออกมา พวกเขากลับโดนอนุเป่ยทุบตีเข้าให้ หนำซ้ำนางยังหันไปใช้วาจาฟ้องออดอ้อนคุณชายสี่ที่หน้าตาบวม มีรอยฟกช้ำ จนทำให้คุณชายสี่หันมาเล่นงานพวกเขาแทน
ตอนนี้จึงเป็นที่รู้กันในหมู่บ่าวรับใช้ว่า หากตนเข้าไปห้ามปรามจะโดนทั้งคุณชายสี่และอนุเป่ยเล่นงาน พวกเขาจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือห้ามปราม แต่ครั้นจะพากันนิ่งเฉยแล้วปล่อยให้คุณชายสี่โดนทุบตีจนตาย คงเป็นไปไม่ได้ บ่าวรับใช้จึงได้แต่วิ่งมาหาผู้คุมกฎ
หากอนุเป่ยต้องการสังหารคุณชายสี่ นั่นไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎสกุลเหยียนหรอกหรือ
เหยียนเฟยฉวงขมวดคิ้ว นางร้อนใจแต่หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงเห็นว่า สมควรจะต้องไปจัดการเรื่องคุณชายสี่ ก่อน เพราะอย่างไรท่านประมุขก็ยังคงหมดสติอยู่คงอาจหลบหนีไปไหนได้
เหยียนเฟยฉวงหันหลังเดินกลับลงไปที่ชั้นล่าง เมื่อไปถึง นางเห็นคุณชายสี่กำลังวิ่งหนีหญิงสาวผู้หนึ่งไปรอบๆ อย่างตื่นกลัว หญิงสาวผู้นั้นถือมีดทำครัวถลกกระโปรงวิ่งไล่เขาราวกับกำลังจะเหินบิน รูปร่างของหญิงสาวสูงโปร่งดูแข็งแรงมาก
“ข้าผิดไปแล้ว! ต่อข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว” คุณชายสี่ร้องขอความเมตตาในขณะที่วิ่งเขาก็เอามือกุมหัวตัวเองไปด้วยเช่นกัน
เหยียนเฟยฉวงเข้าใจแล้วเป็นเพราะคุณชายสี่ไปจับมือถือแขนกับสาวใช้ ทำให้อนุเป่ยโกรธมากจนแทบอยากจะเชือดเขา
ท่านประมุขเหยียนไม่ชอบนิสัยเจ้าชู้ของคุณชายสี่ เห็นว่าผิดธรรมเนียมของสกุลเหยียน แต่เหยียนเฟยฉวงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ ตราบใดที่คุณชายสี่ยังหาเงินเข้าตระกูลได้
หญิงแซ่เป่ยผู้นี้เป็นเพียงอนุภรรยาที่ขี้อิจฉาและดุร้ายมากเกินไป เหยียนเฟยฉวงสั่งให้บ่าวรับใช้ไปคุมตัวนางเป่ยมาลงโทษทันที แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า คุณชายสี่จะหันกลับมาขอร้องอย่างลำบากใจเมื่ออนุเป่ยกล่าวว่าจะไม่ทำร้ายเขาแล้ว เขาจึงมาขอร้องเหยียนเฟยฉวง
ดวงตาของคุณชายสี่ที่มีต่ออนุเป่ยเต็มไปด้วยความรัก จึงรู้ได้ว่าคุณชายสี่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับสตรีผู้นี้เป็นอย่างมาก
เหยี่ยนเฟยฉวงยังต้องการแรงสนับสนุนจากคุณชายสี่อยู่ นางจึงปล่อยตัวอนุเป่ยไป เมื่อได้รับการปล่อยตัว คุณชายสี่รีบวิ่งมาประคองให้นางลุกขึ้น
“มือของเจ้าบอบบางเช่นนี้ไม่สมควรต้องมาโดนจับ…ข้าผิดไปแล้วคนดี ข้าจะไม่แตะต้องหญิงคนอื่นอีกแล้ว”
คุณชายสี่จับมืออนุเป่ย เกลี้ยกล่อมให้นางกลับไปที่ห้อง
เมื่อถูกขัดจังหวะด้วยเรื่องนี้ สุดท้ายเหยียนเฟยฉวงจึงไม่ได้ไปขึ้นไปยังหอคอย แต่ปลีกไปทำธุระของตัวเองแทน
ในเวลาเดียวกัน
หมอซูไม่ได้สนใจเรื่องภายนอกอย่างสิ้นเชิง เขาพุ่งสมาธิไปกับการกำจัดกู่ ในที่สุดหนอนกู่ที่น่าเกลียดก็ออกมาตามจมูกของท่านประมุขเหยียน ด้วยสายตาที่รวดเร็วประกอบกับมือที่คล่องแคล่วทำให้เข็มเงินของเขาไม่พลาดที่จะแทงไปยังตัวหนอนกู่ได้ทันที ก่อนจะโยนลงไปในชาม หมอซูถอนหายใจหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
“หมดแล้ว” หมอซูกล่าว
ดวงตาของฮูหยินเหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดง นางขอบคุณหมอซูครั้งแล้วครั้งเล่า แทบจะก้มลงคุกเข่าให้หมอซูด้วยซ้ำ พวกเขาสองคนช่วยกันแต่งตัวให้กับท่านประมุขเหยียน หมอซูหยิบโสมชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปากของเขา ตอนที่ถังหลี่เข้ามา หมอซูกำลังจับชีพจรของนายท่านเหยียนดูอีกครั้ง
“ชีพจรเขาดีขึ้นมาก”
ฮูหยินเหยียนหันไปกอดถังหลี่แน่น
“ช่างเป็นข่าวดีเหลือเกิน!”
หมอซูเหน็ดเหนื่อยมาก ถังหลี่จึงขอให้เขาพักผ่อน หมอซูพยักหน้าจากนั้นจึงได้นอนหลับไปอย่างอ่อนเพลียบนตั่งภายในห้อง
“เสี่ยวถัง เจ้าก็ควรพักผ่อนด้วยนะ” ตอนนี้ฮูหยินเหยียนและถังหลี่สนิทกันดั่งพี่น้อง สรรพนามที่ใช้จึงได้เปลี่ยนไป ถังหลี่รู้สึกเหนื่อยจากการเฝ้าระวังมาทั้งคืน นางจึงได้ผล็อยหลับไป
ส่วนฮูหยินเหยียนนอนไม่หลับ นางนั่งลงที่ขอบเตียงจับมือของสามีเอาไว้ นางมองหน้าสามีด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
สองสามวันผ่านไป หมอซูยังคงฝังเข็มให้ท่านประมุขเหยียนอย่างต่อเนื่องในเวลากลางคืน ส่วนในระหว่างช่วงกลางวัน เหยียนเฟยฉวงมักจะมาเยี่ยมท่านประมุขบ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสใดๆ เพิ่มเติม
คุณชายห้าขึ้นมาเยี่ยมประมุขเหยียนเช่นกัน โดยมีเหยียนเฟยฉวงแอบส่งคนมาลอบฟังพวกเขา เพื่อต้องการที่จะรู้ว่าท่านประมุขเหยียนได้แอบมอบกุญแจห้องลับให้แก่คุณชายห้าหรือไม่? แต่สุดท้ายแล้วก็ได้ยินแต่เรื่องของเหยียนเสี่ยวต้วนเท่านั้น ทำให้เหยียนเฟยฉวงค่อยๆหมดความอดทน
เหยียนเสี่ยวต้วนยังถูกคุมขังอยู่เช่นนั้น แต่เขาได้รับอาหารแล้ว ไม่ว่าเขาจะกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเพียงใด ก็ไม่กระทบกับการอยากอาหารของเขาเลย แต่เมื่อเขากินอิ่มก็จะกลับมากังวลเรื่องความปลอดภัยของหมอซูและถังหลี่อีกครั้ง ต่อมาท่านอาห้าของเขากล่าวว่าทั้งสองคนหนีออกไปจากคุกใต้ดินได้แล้ว เขาจึงโล่งใจ
ดีแล้วที่ทั้งสองรอดหนีไปได้ แต่ท่านพ่อ…
ท่านพ่อคงจะหมดหวังที่จะฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง..
เหยียนเสี่ยวต้วนกอดเข่าซุกหน้าของตนลง ท่าทางสิ้นหวัง
สิบสองวันผ่านไปราวกับพริบตา หมอซูเคยบอกว่าประมุขจะฟื้นตืนสติเร็วที่สุดภายในสิบวัน นับตั้งแต่วันที่สิบเป็นต้นมา ฮูหยินเหยียนจึงได้ตั้งตารอ สายตาของนางจับจ้องไปที่สามีตลอดว่าเมื่อไหร่เขาจะฟื้นขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะรอเพียงใดเขาก็ยังคงยังไม่ได้สติ
ทุกครั้งก่อนที่จะผล็อยหลับไป ฮูหยินเหยียนจะเอื้อมมือของตนเองไปวางไว้บนอกของสามี เพื่อสัมผัสถึงหัวใจที่ยังคงเต้นเป็นจังหวะของเขาเสมอ จากนั้นจึงได้วางใจที่จะหลับตาลงได้
วันที่สิบเอ็ดนายท่านเหยียนก็ยังคงไม่ตื่นขึ้นมา ฮูหยินเหยียนรู้สึกกังวล เป็นไปได้หรือไม่ว่า ร่างกายของสามียังคงมีความผิดปกติอยู่ นางจึงเปิดปากคุยกับสามีที่ยังคงนอนหลับไหลอยู่
“ข้าเข้ามายังสกุลเหยียนเป็นครั้งแรกตอนที่อายุได้แค่สิบสามปีเท่านั้น ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ล้วนแต่เคยได้ยินคนพูดว่าท่านเป็นคนเจ้าอารมณ์ มีนิสัยเย็นชา ทำให้ข้าหวาดกลัวจนแอบหนีออกไป วันที่ข้าพยายามจะหนีบังเอิญได้เจอกับพี่ชายหน้าตาดีผู้หนึ่งเข้า ข้าเป็นคนขี้อายแต่ก็ยังอดเข้าไปคุยกับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจข้าก็ตาม”
“ข้าคิดว่าพี่ชายผู้นั้นไม่ชอบข้า ต่อมาเมื่อเมื่อบิดาของเขาถามว่าเขาชอบพอสตรีนางไหน พี่ชายกลับเลือกข้า ข้าถึงได้รู้ว่าเขาก็ชอบข้าเช่นกัน”
ฮูหยินเหยียนหวนนึกถึงอดีตที่พวกเขาได้เจอกันครั้งแรกจนกระทั่งต่อมาจึงได้แต่งงานกัน
“ท่านพี่..ในคืนแต่งงานหลังจากได้ดื่มสุรามงคลร่วมกันแล้ว ท่านพูดว่าจะตามใจข้าเสมอ ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนรักษาสัญญา แต่ตอนนี้ท่านหลอกลวงข้า ท่านพี่..ข้าโดนผู้อื่นรังแก…”
-ขณะที่ฮูหยินเหยียนกำลังพูด จู่ๆ พลันรู้สึกได้ว่ามือของนางถูกกุมเอาไว้อย่างอ่อนโยน นางตัวสั่น มองไปยังมือของตนที่โดนจับเอาไว้ จากนั้นจึงได้มองไปสบตาของผู้ที่นอนหลับไหลไม่ได้สติ จึงเห็นว่าเขาได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว!