เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 630 กลับบ้าน

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 630 กลับบ้าน

ไม่กี่วันต่อมาประมุขเหยียนยังคงยุ่งอยู่การเก็บกวาดเรื่องราวต่างๆ ในสกุลเหยียน

ส่วนถังหลี่และหมอซูได้รับการดูแลเป็นอย่างดี นางได้ยินมาว่า การรับรองอย่างสมเกียรติเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับประมุขสกุลโม่ และสกุลซุนที่สืบทอดศาสตร์ทางกลไกเท่านั้น

ถังหลี่ได้ยินเรื่องที่นายท่านรองสกุลเหยียนได้เสียชีวิตจากการถูกลงทัณฑ์ และเหยียนเฟยฉวงมีอาการปางตายหลังจากถูกขับไล่ออกจากสกุลเหยียน

นางรู้เรื่องนี้จากเป่ยเหยียน เขากลับมาใส่เสื้อบุรุษสีขาว ดูสง่างามอีกครั้ง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วในบรรดาคนที่ถังหลี่รู้จัก ทั้งเป่ยเหยียนและตู้เย่ต่างเป็นบุรุษที่มีหน้าตานุ่มนวล งดงาม แต่มีความแตกต่างกัน หากจะเปรียบเทียบเป่ยเหยียน เขาให้ความรู้สึกเหมือนเป็นดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ ในขณะที่ตู้เย่มากไปด้วยสีสัน

ไม่น่าแปลกใจที่คุณชายสี่จะตกหลุมรักเป่ยเหยียนมากเช่นนั้น ยามที่เขาสวมเสื้อผ้าสตรีดูช่างงดงาม แม้แต่ตัวถังหลี่ยามที่ได้เห็นเขาในชุดสตรีครั้งแรก ยังอดตื่นตะลึงไม่ได้

ส่วนฮูหยินเหยียนนั้นก็มักมาพูดคุยกับถังหลี่อยู่เสมอ

ก่อนหน้านี้ในตอนที่ท่านประมุขยังหมดสติอยู่นั้น หัวข้อการสนทนาของพวกนางยังเป็นเรื่องทั่วๆ ไปเพื่อฆ่าเวลา แต่เมื่อได้สนทนากันอย่างลึกซึ้งถึงเรื่องในแคว้นต่างๆ ถังหลี่จึงได้เปิดหูเปิดตามากขึ้น

เดิมทีถังหลี่คิดว่าโลกใบนี้แบ่งเป็นสามแคว้นใหญ่ ทั้งสามต่างเกื้อหนุนพึ่งพากัน แต่จากคำบอกเล่าของฮูหยินเหยียน จึงทำให้รับรู้ว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนมีหลายตระกูลได้ศึกษาศาสตร์หลายแขนงเพื่อแข่งขันกัน เวลาผ่านไปมีหลายตระกูลได้ล้มเลิกไป แต่ก็มีหลายตระกูลเช่นกันที่ได้ศึกษาศาสตร์เหล่านั้นจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ไม่ได้มีการเปิดเผย อาทิเช่น สกุลเหยียน สกุลโม่และสกุลซุนเป็นต้น

กฎของสกุลก็ย่อมแตกต่างกันไป บางสกุลก็เลือกที่จะสันโดษ บ้างก็เปิดเผยตัวตน หลายบุคคลที่มีชื่อเสียงจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ก็มาจากสกุลเหล่านี้เช่นกัน

ถังหลี่ได้เรียนรู้ว่ามีเผ่าพันธุ์พิเศษอยู่ในโลกใบนี้ เช่นสกุลไป่เยว่ที่ถือสันโดษอยู่ในภูเขาลึก และป่าทึบ ผู้คนในสกุลนี้จะมีลักษณะที่พิเศษ นั่นคือพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนปกติทั่วไป จู่ๆ ถังหลี่ก็คิดถึงสามีของนางและซานเป่าบุตรสาว

แต่เว่ยฉิงมีบิดาเป็นฮ่องเต้ มารดาเป็นคุณหนูสกุลเซียว ส่วนซานเป่าเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งหลังจากที่มารดาแท้ๆ ของนางให้กำเนิดน้องชาย นางมักจะไปวิ่งเล่นที่บ้านของเว่ยฉิงบ่อยๆ จนกระทั่งเขารับนางเป็นบุตรบุญธรรม เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะเป็นคนสกุลนี้

ถังหลี่นั่งฟังเรื่องราวเหล่านี้อย่างสนุกสนาน พลางคิดว่าเว่ยจื่ออี้จะต้องสนใจเรื่องนี้มาก

ตอนนี้สกุลเหยียนไร้เรื่องราวที่ต้องวิตกกังวลแล้ว ถังหลี่คิดถึงบ้านมาก สามีของนางย่อมต้องคิดถึงนางมากเช่นกัน หญิงสาวคิดถึงอ้อมกอดของเขา หากในโลกใบนี้มีโทรศัพท์มือถือที่สามีวีดีโอคอลหากันได้ก็คงจะดี ตอนนี้นางไม่ได้เจอหน้าสามีและลูกน้อยทั้งสองมากกว่าสิบวันแล้ว

จู่ๆถังหลี่ก็คิดถึงคำพูดของสามีที่ว่า หากนางไม่อยู่นานๆ เด็กทั้งสองอาจจะจำนางไม่ได้ ถังหลี่เกิดวิตกขึ้นมาว่าเด็กแฝดจำนางไม่ได้เช่นกัน

“เรื่องของเหยียนโจว เป็นเพราะสุขภาพของท่านประมุขเหยียนยังไม่แข็งแรงดี เขาจึงมอบให้เสี่ยวต้วนไปจัดการแทนแต่ว่าเขายังเด็กเกินไปต้องมีผู้ใหญ่ตามดูแล” ฮูหยินเหยียนเปรยขึ้นมา

“คุณชายห้ายังคงยุ่งกับกิจการในบ้าน ส่วนคุณชายสี่จู่ๆ ก็ป่วยขึ้นมากะทันหัน อาจจะต้องให้ท่านประมุขเป็นคนไปกับเขา คงต้องรออีกสักสองวัน” ถังหลี่พยักหน้า นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรออีกสองวัน

แต่คุณชายสี่..ถังหลี่จำได้ว่าตอนที่เป่ยเหยียนปลอมตัวเป็นสตรีเขาเป็นอนุฯของคุณชายสี่ไม่ใช่หรือ? ครั้งสุดท้ายที่นางได้เห็น คุณชายสี่เป็นชายหนุ่มรูปงามอายุราวยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปีดูเป็นคนมีสุขภาพดีแข็งแรง เหตุใดจึงล้มหมอนนอนเสื่อไปได้? นางอดไม่ได้จึงถามออกไปสองสามคำ

“ข้าเองก็ไม่รู้ เขาเอาแต่นอนเฉยๆ บนเตียงราวกับคนไร้วิญญาณไม่ยอมกินไม่ยอมดื่ม” นางเหยียนกล่าว

ถังหลี่อดทนรออีกสองวัน แต่นางไม่คาดคิดว่าเย็นวันนั้นเหยียนเสี่ยวต้วนจะมาบอกว่าพรุ่งนี้จะออกเดินทาง

“ท่านประมุขเหยียนทำงานเสร็จแล้วหรือ?” ถังหลี่มีความสุขปนประหลาดใจ

“ไม่ๆ อาสี่จะไปกับข้า” เหยียนเสี่ยวต้วนตอบ

ถังหลี่พยักหน้า นางไม่ได้คิดอะไรถึงเรื่องนี้ แต่กลับกันเป่ยเหยี่ยนที่ยืนสวมชุดสีขาวเฝ้าอยู่ที่ประตูกลับมีท่าทีประหลาดใจมากแทน

เขาไม่กลัวหรือ?

เป็นเพราะร่างกายของประมุขเหยียนยังไม่ฟื้นตัวดี หมอซูจึงต้องอยู่ดูแลเขา ส่วนถังหลี่ เหยียนเสี่ยวต้วนและเหยียนซื่อเยว่จึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยกัน

วันถัดมา

ประมุขเหยียนและฮูหยินเดินออกมาส่งพวกเขาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีเหยียนอู่เยว่และหมอซูด้วย

“หมอซู ท่านทำงานหนักหน่อยนะ” ถังหลี่กล่าว

“งานหนักอะไรกัน การช่วยเหลือผู้คนเป็นงานที่หมอสมควรทำอยู่แล้ว” หมอซูพูดด้วยรอยยิ้ม

สิ่งเดียวที่เขาคิดถึงคือภรรยาที่รออยู่ที่บ้าน เขาจึงได้เขียนจดหมายยาวเหยียดฝากถังหลี่ไปให้ฮูหยินซู นางเหยียนกอดถังหลี่แน่น

“หากมีโอกาสเจ้ามาเยี่ยมสกุลเหยียนอีกนะ”

“ตกลง” ถังหลี่พยักหน้า

สีหน้าประมุขเหยียนไม่ได้แสดงออกแต่อย่างใด เขานำป้ายหยกของสกุลเหยียนมอบให้กับถังหลี่

“หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ สกุลเหยียนพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่แน่นอน” ถังหลี่รับป้ายหยกมา นี่ไม่ใช่ป้ายหยกธรรมดา หากเป็นสมบัติและคำสัญญาที่ล้ำค่าจากสกุลเหยียน

เหยียนเสี่ยวต้วนมองไปที่บิดาอย่างกระตือรือร้น

“ท่านพ่อ ท่านไม่มีอะไรจะให้ข้าบ้างหรือ?” ประมุขมีสีหน้านิ่งเฉย

“หากเจ้าจัดการได้ไม่ดี กลับมาข้าจะหักขาเจ้าเสีย”

“…..”

ได้เลยท่านพ่อ..ขอบคุณมาก!

พวกเขาออกเดินทางด้วยรถม้าสองคัน ถังหลี่คันหนึ่ง เหยียนเสี่ยวต้วนกับเหยียนซื่อเยว่อีกคันหนึ่ง เป่ยเหยียนนั่งรถม้าไปกับถังหลี่

เป่ยเหยียนที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถม้าเห็นคุณชายสี่กำลังมองมาทางเขา ชายหนุ่มหันไปยกยิ้มให้เหมือนปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่เหยียนซื่อเยว่มองเขาอย่างดุร้าย

ตอนนี้เขาต้องทนกับฝันร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ในฝันตอนที่เขากำลังจะใกล้ชิดกับสาวงามผู้หนึ่ง แต่เมื่อหันกลับมานางก็กลายร่างเป็นบุรุษ ตอนนี้เขาไม่กล้าเข้าใกล้หญิงสาวคนไหนอีกแล้ว เพราะเขากลัวว่านางจะให้เขาเห็น ‘ของรัก’!

ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเป่ยเหยียนแต่ผู้เดียว!

คุณชายสี่โกรธมาก จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยไม่แก้แค้นไม่ได้ เขาจึงยอมลุกจากเตียงเพื่อพาเหยียนเสี่ยวต้วนไปยังเมืองหลวง

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” คุณชายสี่ตะคอกออกมาแล้วหันหลังไปขึ้นรถม้าของตัวเอง

เป่ยเหยียนหัวเราะเบาๆ แต่รอยยิ้มไม่มีความอบอุ่น เขาไม่สนใจคำขู่ของเหยียนซื่อเยว่ แต่หันกลับไปพูดกับคนในรถม้าแทน

“นายหญิง เราจะไปกันแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากด้านใน เป่ยเหยียนจึงสะบัดบังเหียนให้รถม้าเคลื่อนตัวทันที พวกเขายังคงเดินทางบนถนน จากนั้นจึงได้ไปต่อเรือ ภายในเจ็ดวันพวกเขาก็มาถึงเมืองหลวงในช่วงพลบค่ำ

ทันทีที่ถึงประตูเมือง ถังหลี่เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนรออยู่ที่หน้าประตูเมือง ทั้งๆ ที่นางไม่ได้บอกเขาไว้ก่อนเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดนไม่พัก เพราะที่ตั้งของสกุลเหยียนเป็นความลับ อาจจะถูกค้นพบในตอนส่งจดหมาย นางจึงไม่ได้ส่งจดหมายกลับมาบ้านเลย…

แต่สามีของนางกลับมารอนางทั้งที่ไม่รู้ว่านางจะกลับมาถึงวันไหน

ถังหลี่คิดว่าเว่ยฉิงเหมือนกับตนเอง เขามาเฝ้ารอที่ประตูเมืองทุกวัน เมื่อคิดว่าสามีมารอนางอย่างใจจดจ่อ ถังหลี่พลันแสบจมูก นางรีบลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท