บทที่ 5 นี่มันรางวัลอะไรกัน
บทที่ 5 นี่มันรางวัลอะไรกัน
“เกม? เกมอะไร?” หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราถามขึ้นพลางมองอู๋ฝานด้วยความงุนงง
อู๋ฝานมองชายชรากลับ จากนั้นเขาก็จำได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงร่าง ‘ระบบ’ ไม่ใช่ชายชราคนก่อนหน้า เพราะวิธีพูดของพวกเขาแตกต่างกัน
“อย่าสนใจเลย ว่าแต่ไม่มีอาวุธเทพ สัตว์เทพ หรือของรางวัลอะไรเลยเหรอครับ?” อู๋ฝานถาม
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น” หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราโคลงศีรษะพลางตอบกลับ
“ไม่มีอะไรเลย?!” อู๋ฝานสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา “ผมทำงานให้คุณเสร็จแล้ว แต่กลับไม่มีของรางวัลอะไรให้ ไม่ใช่ว่าคุณอยากฮุบไว้เองหรอกนะ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการจ้องมองที่ด้วยความสงสัยของอู๋ฝาน ชายชรารู้สึกคล้ายกับกำลังโดนจับผิด “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ข้าจะขโมยอะไร? เห็นข้าเป็นคนแบบนั้นหรือยังไง?”
อู๋ฝานมองชายชราด้วยสายตาระแวดระวัง มือลูบคางและกล่าวคำว่า “ก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริง”
คำพูดของอู๋ฝานทำให้ชายชราหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ร่างกายสั่นเทา เขาหยิบม้วนหนังสือออกจากใต้เสื้อและโยนไปให้อู๋ฝาน “นี่ไง รับไปสิ”
“คุณอยากฮุบไว้เองจริงด้วย! แก่แล้วยังนิสัยแย่อีก” อู๋ฝานรับม้วนหนังสือที่ผูกด้วยด้ายและพูดกับชายชราด้วยสีหน้าที่ปั้นไม่ถูก
“เอาไปเลย! แล้วไปไหนก็ไป!” ชายชรารำคาญอู๋ฝานจนแทบอยากขาดใจตายเสียตรงนี้
“ได้สิ” ของรางวัลอยู่ในมือแล้ว แม้จะไม่ใช่อาวุธวิเศษหรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้รับอะไรเลย อู๋ฝานไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ เมื่อรับรางวัลมาแล้วจึงเดินจากไป
ชายชรามองทิศทางที่อู๋ฝานจากไป เขาสบถกับตัวเองด้วยความโกรธที่ยังคงอยู่ “เฮ้อ นี่ข้าถูกเด็กคนนั้นยั่วยุจนต้องมอบมรดกตกทอดของครอบครัวไป ช่างมัน ถือเสียว่าเป็นของขวัญสำหรับเขาแล้วกัน”
ในอีกด้านหนึ่ง อู๋ฝานคลี่ม้วนหนังสือออกด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม อยากรู้เต็มประดาว่ามันคืออะไร
เมื่ออู๋ฝานเปิดม้วนหนังสือออก หนังสือในมือกลายเป็นแสงสีแทงและบินเข้าสู่ร่างกายของเขา จากนั้นเขาได้ยินเสียงกลดังขึ้นในโสตประสาทอีกครั้ง
[ขอแสดงความยินดีที่ได้เรียนรู้วิชาตรวจสอบ]
อู๋ฝานเปิดจอค่าสถานะของตัวเองทันที เขาพบว่ามีรายการทักษะเพิ่มเข้ามาในคุณลักษณะตัวละครของเขา ซึ่งเวลานี้มีเพียงวิชาตรวจสอบเพียงรายการเดียว
วิชาตรวจสอบ : เมื่อใช้งานกับเป้าหมายที่กำหนดจะสามารถรับข้อมูลของอีกฝ่ายได้ และระดับรายละเอียดของข้อมูลที่ได้รับจะสอดคล้องกับช่องว่างของอำนาจระหว่างทั้งสองฝ่าย
“วิชาตรวจสอบ? ไม่เลวเลยนี่” หลังจากอ่านบทนำของวิชาตรวจสอบแล้ว อู๋ฝานค่อนข้างพึงพอใจ แม้มันจะไม่ดีเท่าอาวุธเทพ สัตว์เทพ หรือสิ่งของล้ำค่าอื่นๆ แต่วิชาตรวจสอบนี้สามารถนำไปใช้ได้จริง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ด้วยทักษะนี้เขาสามารถรู้ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามได้ก่อน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้เขาเอาชนะอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น
“ไม่รู้เลยว่าหัวหน้าหมู่บ้านคนนั้นยังมีของดีอะไรอีก ถ้ามีโอกาสคงต้องตีหัวเพื่อแย่งชิงมาแล้ว” อู๋ฝานกำลังคิดวางแผนหาสมบัติเพิ่มเติมจากหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชรา แต่หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราจามออกมาทันที ขณะรู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก”
อู๋ฝานกำลังเดินทางไปยัง ‘หมู่บ้านมือใหม่’ แห่งนี้ ทันใดมีไก่สองถึงสามตัวโผล่ออกมาตรงหน้า จิตใต้สำนึกของอู๋ฝานบอกว่าให้โจมตีพวกมันเหมือนกับสัตว์ประหลาดในป่า แต่จู่ ๆ เขาหันไปเห็นหญิงวัยกลางคนพยายามวิ่งไล่จับไก่เหล่านั้น
อู๋ฝานใช้วิชาตรวจสอบกับไก่ จากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
[ไก่ : อายุสองปี ถูกเลี้ยงไว้โดยป้าใหญ่หวัง ลำตัวอ้วนพีและมีเนื้อที่อร่อย]
อู๋ฝานรู้สึกขายหน้า โชคดีที่เขายังไม่ได้ลงมือทำอะไร เห็นได้ชัดว่าไก่พวกนี้ไม่ใช่สัตว์อสูร ถ้าเขาพลั้งเผลอฆ่ามันไป เกรงว่าป้าเจ้าของไก่คงทวงถามค่าเสียหายกับเขาเป็นแน่
“คนหนุ่มเอ๋ย ช่วยข้าหน่อยเถิด ช่วยจับไก่พวกนี้ให้ข้าที” ในเวลานี้หญิงวัยกลางคนหันมาพูดกับอู๋ฝาน
“ผมเหรอ?” อู๋ฝานชี้มายังตัวเองก่อนตอบรับ “ได้ครับ”
อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว อู๋ฝานตระหนักรู้ดีว่านี่คือโลกของเกม เมื่อชาวพื้นเมืองเหล่านี้ขอให้เขาช่วย นั่นก็คือภารกิจ และต้องมีของรางวัลตอบแทนเมื่อทำสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดปฏิเสธ
ถึงกระนั้น เดิมทีอู๋ฝานคิดว่าภารกิจจับไก่นั้นง่ายมาก แต่แท้จริงมันต้องใช้เวลายิ่งกว่าตอนที่เขาสู้กับสัตว์อสูร ไก่พวกนี้ซุกซนจริงๆ พวกมันวิ่งหนีทันทีเมื่อเห็นอู๋ฝานเดินเข้าไปใกล้ ทำให้อู๋ฝานและป้าหวังคนนั้นต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงจะจับไก่ได้ทั้งหมด
“ขอบคุณมากคนหนุ่มเอ๋ย” ป้าใหญ่หวังกล่าวขอบคุณอู๋ฝาน
“ด้วยความยินดีครับ” อู๋ฝานตอบรับอย่างสุภาพ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปยังป้าหวัง เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคอยของรางวัลจากอีกฝ่าย
“รบกวนเวลาเจ้านานเลย ถ้าไม่ตอบแทนข้าคงเสียใจแย่ เช่นนั้นรอตรงนี้ก่อน” พูดจบป้าใหญ่หวังก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน
มาแล้ว มาแล้ว ของรางวัลกำลังมา!
มันจะเป็นอาวุธเทพ สัตว์เทพ หรือว่าทักษะที่ยอดเยี่ยมกันแน่?
หัวใจของอู๋ฝานเต้นรัวด้วยความคาดหวัง
ป้าใหญ่หวังไม่ได้ปล่อยให้อู๋ฝานรอนาน ในไม่ช้าก็เดินออกจากบ้านพร้อมชามใบโตในมือ
“คนหนุ่มเอ๋ย นี่คือเนื้อไก่ที่ป้าทำไว้ก่อนหน้า ลองกินดูสิ” ป้าใหญ่หวังพูดขณะยื่นชามไปตรงหน้าอู๋ฝาน
อู๋ฝานผงะไป มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง แล้วรางวัลของเขาอยู่ไหน? อาวุธวิเศษที่ควรจะได้ล่ะ? ถ้าป้าไม่ให้อาวุธวิเศษ อย่างน้อยก็ให้อาวุธอะไรก็ได้ที่ดีกว่าไม้หักๆ ในมือ แล้วเอาชามไก่มาให้เพื่ออะไร? นี่คือรางวัลที่ได้รับเหรอ?
“เป็นอะไรไป เจ้าไม่ชอบอาหารฝีมือข้าเหรอ?” เมื่อเห็นว่าอู๋ฝานไม่ยอมรับมันไป ใบหน้าของป้าใหญ่หวังก็เปลี่ยนไป และดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจอยู่บ้าง
“ไม่ ไม่ใช่ครับ” อู๋ฝานรีบพูดปัด “ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบไก่ฝีมือป้า ผมแค่ช่วยเหลือนิดหน่อยเอง”
“แล้วยังไงล่ะ ข้าต้องการตอบแทน ถ้าไม่รับไป มันจะเป็นการดูถูกน้ำใจข้า” สีหน้าไม่พอใจของป้าใหญ่หวังดูจะชัดเจนมากขึ้น
เมื่ออู๋ฝานเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับมา เขาจึงยื่นมือออกไปรับพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ขอบคุณมากครับ”
“ยินดีจ้ะ” หลังอู๋ฝานรับไป รอยยิ้มก็กลับมาอยู่บนหน้าป้าใหญ่หวังอีกครั้ง “ถ้าชอบใจฝีมือข้า คราวหน้าก็แวะมาที่ร้านบ่อยๆ นะ”
“ได้ครับ” อู๋ฝานตอบรับ
ป้าใหญ่หวังเดินกลับเข้าไปด้วยความพึงพอใจ ส่วนอู๋ฝานยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าป้าใหญ่หวังไม่มีทีท่าจะเดินออกมาอีกครั้ง เขาจึงเริ่มมั่นใจแล้วว่าชามไก่ในมือคือของรางวัลตอบแทนภารกิจที่ช่วยป้าใหญ่หวังจับไก่เมื่อครู่
“บางที ไก่ตัวนี้อาจวิเศษกว่าที่ตาเห็นก็ได้ หรือว่ากินเข้าไปแล้วจะเพิ่มค่าสถานะกันนะ?” อู๋ฝานคาดเดาอยู่ในใจ
จากนั้นเขาคว้าไก่ชิ้นหนึ่งใส่ปากทันทีด้วยความคาดหวัง
หอม! มันหอมมาก!
ทันทีที่ใส่ไก่เข้าไปในปาก อู๋ฝานรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอบอวลในปาก มันกระตุ้นต่อมรับรสของเขาอย่างมาก ทำให้อู๋ฝานอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงและลิ้มรสของมันด้วยความละเมียดละไม
“ไก่ตัวนี้อร่อยเกินคาด!” เมื่อกลืนไก่ทั้งชิ้นเข้าไปแล้ว อู๋ฝานก็ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจที่มีอยู่มากล้น
ไม่ใช่ว่าอู๋ฝานไม่เคยกินไก่มาก่อน แต่เขาเพิ่งค้นพบวันนี้ว่า รสชาติไก่ที่เขาเคยกินมาโดยตลอดจืดชืดมากเมื่อเทียบกับชิ้นไก่ที่เพิ่งกินเข้าไป หรืออาจเรียกว่าแย่เลยก็ได้ อู๋ฝานกล้าสาบานเลย ไก่ชิ้นที่เขากินเมื่อครู่คือไก่รสเลิศที่สุดเท่าที่เคยกินมาตั้งแต่เล็กจนโต
เมื่อมองไก่ที่เหลืออยู่ในชาม ดวงตาอู๋ฝานเปล่งประกายด้วยความอยากอาหาร เขาไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองว่าจะแย่แค่ไหน จากนั้นเขาหยิบไก่อีกชิ้นขึ้นมากัดเต็มคำ