บทที่ 22 ฝีมือก้าวหน้าขึ้นแล้ว
บทที่ 22 ฝีมือก้าวหน้าขึ้นแล้ว
อู๋ฝานไม่ทราบ ว่าจะมีคนอื่นเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเยี่ยเฟยเฟยผิดไป ภายหลังส่งเยี่ยเฟยเฟยแล้ว เขาจึงมุ่งตรงกลับบ้านเพื่อจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำบาร์บีคิวขายในช่วงเย็น
ในอีกโลกหนึ่ง เขาได้ทำสัญญาที่ดินแล้ว แต่ยังไม่มีเงินใช้ซื้อเมล็ดพันธุ์ ดังนั้นปัจจุบันจึงยังไม่มีหนทางการเพาะปลูก อู๋ฝานเคยได้เห็นมันมาก่อน ว่าเมล็ดพันธุ์เพาะปลูกผักและผลไม้มีขายในร้านขายของชำ แน่นอนว่าร้านขายของชำนั้นควรค่าแก่ชื่อของมัน กล่าวคือมีทุกสิ่งอย่าง รวมทุกสิ่งอย่างมาไว้ แต่เพราะเถ้าแก่ค่อนข้างเห็นแก่ผลกำไร ดังนั้นราคาจึงไม่ใช่ถูก
ปัจจุบันอู๋ฝานมีเงินเก็บอยู่เพียงหนึ่งเหรียญทอง เห็นได้ชัดว่าไม่มากพอจะซื้อเมล็ดพันธุ์จำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแต่ต้องสังหารมอนสเตอร์ให้มากขึ้น เก็บร่างของพวกมันเอามา เพื่อขายเป็นเงินสำหรับซื้อเมล็ดพันธุ์
เมื่อคืนก่อน ตัวเขาได้ขุดถ้ำในภูเขาแห่งหนึ่ง แม้ว่าจนถึงตอนกลับออกมา จะยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจของช่างตีเหล็กซุน เขาก็สังหารหนูขนทองในระหว่างการขุดไม่ใช่น้อย แม้ว่าพวกมันแทบจะเหลือร่างทิ้งเอาไว้ ทำให้ไม่อาจยืนยันจำนวนที่ฆ่าไป ท้ายที่สุดแล้วเหลือซากของพวกมันเพียงแค่สี่ โดยอู๋ฝานใช้วิชาชำแหละแยกร่างของพวกมัน จนได้รับฟัน กรงเล็บ ขน และเนื้อมา เมื่อใดกลับไปที่หมู่บ้านจึงพร้อมนำขาย
ที่ทำอู๋ฝานนึกเสียดาย คือการที่ภายหลังสังหารหนูขนทองไปจำนวนมาก กลับไม่มีดร็อปอุปกรณ์แม้สักชิ้น เห็นได้ชัดว่าโอกาสดร็อปต่ำเตี้ยขนาดไหน
ยามค่ำคืน ก่อนที่จะมืดสนิท อู๋ฝานเร่งรีบขนของไปที่ร้าน
ในเมื่อภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัยใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว กระแสผู้คนจึงเริ่มหลั่งไหลมาที่นี่มากขึ้น คนค้าขายรอบด้านก็ยิ่งมีมากขึ้นเช่นเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องที่อู๋ฝานต้องใส่ใจ แต่ที่ควรต้องกังวล คือการที่มีร้านขายบาร์บีคิวเพิ่มมาอีกสองร้าน มันหมายความ ว่าตัวเขามีคู่แข่งทางการข้าเพิ่มขึ้นอีกสอง
“การแข่งขันยิ่งสูงมากขึ้น กิจการคงไม่ดีแน่” อู๋ฝานพึมพำอย่างรำพึง
เดิมที่นี่มีร้านแผงลอยขายบาร์บีคิวอยู่ไม่น้อย และมีร้านขายบาร์บีคิวจริงจังอยู่จำนวนหนึ่ง แม้ว่าช่วงฤดูร้อนกิจการขายบาร์บีคิวจะค่อนข้างดี แต่มันไม่อาจยืนหยัดกับความจริงที่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการทำกิจการเดียวกัน ท่ามกลางร้านทั้งหลายที่ขายบาร์บีคิว อุปกรณ์ในร้านของอู๋ฝานเรียกได้ว่าดูธรรมดาที่สุด รวมกับฝีมือส่วนตัวที่ไม่ได้ดีเด่น มันจึงทำให้ตัวเขาต้องเสียเปรียบในการแข่งขัน
“แต่วันนี้จะต้องเปลี่ยนไป!” อู๋ฝานนึกคิดเรื่องราวที่ตนเองอยู่ในเกมเมื่อวาน เขาได้เรียนรู้ทักษะทำอาหารระดับสูงจากป้าหวัง เป็นทักษะทำอาหารที่ครอบคลุมทุกสิ่งอย่าง บาร์บีคิวย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น
แท้จริงแล้ว ตอนที่อู๋ฝานเสียบไม้บาร์บีคิวเมื่อตอนกลางวัน เขารับรู้ได้ชัดเจน ว่าตอนที่เสียบไม้เข้าไป เขาทำได้อย่างชำนาญขึ้น ไม้เสียบก็ดูสวยงามมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากฝีมือก่อนหน้าที่เคยทำ
ด้วยความคาดหวัง อู๋ฝานจึงวางทุกสิ่งอย่าง เพื่อรอคอยลูกค้าคนแรกมาเยือน
“เถ้าแก่ ขอเห็ดเข็มทองสองไม้ หมูสามชั้นหนึ่งไม้!”
ภายหลังรอคอยอยู่สิบนาที ลูกค้าคนแรกก็มาเยือน แม้ว่าไม่ได้สั่งมากมาย แต่ตราบเท่าที่ขายออก อู๋ฝานย่อมยินดี
“ได้ครับ”
อู๋ฝานนำเห็ดเข็มทองสองไม้และหมูสามชั้นหนึ่งไม้ออกมา ก่อนจะเริ่มย่างลงบนเตา พลิกไปมา ก่อนจะโรยเครื่องเทศ เพียงไม่นาน กลิ่นหอมฉุยก็ฟุ้งออกมาจากควันเตา
“กลิ่นน่าอร่อยมาก เถ้าแก่ฝีมือพัฒนาขึ้นนะเนี่ย” ลูกค้าที่ยืนตรงหน้าเตาย่าง เผยท่าทีมึนงงและสับสนออกมา
แทบไม่ต้องสงสัย ว่ากลิ่นหอมมาจากอาหารที่อยู่ตรงหน้า เพียงแต่ลูกค้าคนนี้ไม่ได้มาทานบาร์บีคิวร้านของอู๋ฝานเป็นครั้งแรก เขารู้ฝีมือของอู๋ฝานเป็นอย่างดี แต่ที่อู๋ฝานลงมือทำในวันนี้ มันเป็นบาร์บีคิวที่กลิ่นหอมกว่าปกติอย่างชัดเจน ไม่แปลกหากจะบอกว่าฝีมือทำอาหารของอู๋ฝานพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ทำบาร์บีคิวมาเป็นเดือนแล้ว ก็ต้องมีประสบการณ์กันบ้าง” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ ตัวเขาเองก็ดมกลิ่นหอมของอาหารเช่นเดียวกัน พร้อมกับได้ชื่นชมและพึงใจกับฝีมือของตนเอง
‘ทักษะทำอาหารระดับสูง ไม่ใช่คำคุยโวสินะ’ อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง
เพียงไม่นาน อาหารเสียบไม้จึงสุกดี อู๋ฝานจึงส่งให้อีกฝ่าย ลูกค้าที่โดนกลิ่นหอมดึงดูดเย้ายวนอยู่นาน ภายหลังรับมา จึงไม่สนว่ามันจะร้อนหรือไม่ และเริ่มที่จะกินมันเข้าไปอย่างไม่รีรอ
“ระวังด้วย เดี๋ยวก็ลิ้นพอง” อู๋ฝานเอ่ยเตือน
“อืม อืม!” ลูกค้าพยักหน้ารับพลางกินเข้าไป ปากขยับเคี้ยวไปเรื่อยไม่หยุด “อร่อยมากเลย! เถ้าแก่ ฝีมือดีขึ้นมากเลยนะเนี่ย รสชาติดีกว่าครั้งก่อนหลายเท่าเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้แล้ว แค่นี้จะไปพอได้ยังไง ขอแบบเดิมอีกสองชุด!”
เห็นได้ชัด ว่าลูกค้าพึงพอใจกับฝีมือปัจจุบันของอู๋ฝาน กระทั่งสั่งแบบเดิมอีกสองชุดก่อนจะทันกินชุดเดิมหมดเสียด้วยซ้ำ
“ได้ครับ รอสักครู่” อู๋ฝานตอบรับด้วยความยินดี พร้อมกับเร่งรีบย่างบาร์บีคิวต่อ
“กลิ่นอะไรหอมขนาดนี้กัน?”
“เหมือนจะมาจากร้านแผงลอยปิ้งบาร์บีคิวที่ตรงนั้น”
“กลิ่นบาร์บีคิวจริงด้วย ไปกัน กลิ่นหอมขนาดนี้ ได้เวลากินพอดี น้ำลายแทบไหลแล้วเนี่ย”
“พวกเราไปกินร้านนั้นกันหน่อยเป็นยังไง?”
“เอาจริงเหรอ? บาร์บีคิวร้านนั้น ก่อนหน้านี้เคยกินแล้ว ฝีมือเถ้าแก่มือใหม่มาก เรียกได้ว่างั้น ๆ เลยทีเดียว”
“งั้น ๆ เนี่ยนะ? กลิ่นหอมขนาดนี้ เอาอะไรมางั้น ๆ ต้องไปลองถึงจะรู้”
“บางทีมันอาจหอมแค่กลิ่น รสชาติน่ะธรรมดาจริง ก่อนหน้านี้ฉันเพิ่งกินไป”
“นายไม่ไป งั้นฉันไปเอง ของแบบนี้ต้องลองด้วยตัวเอง ถ้าไม่งั้นท้องฉันได้ประท้วงทั้งคืนแน่”
บรรดาคนสัญจรต่างก็ถูกกลิ่นหอมจากอาหารของอู๋ฝานดึงดูด จนอดไม่ได้ที่จะต้องก้าวเท้าเดินกันเข้ามา บางคนที่เคยกินบาร์บีคิวร้านเขา ต่างก็แสดงความสงสัยชัดออกมาผ่านทางสีหน้า
“เถ้าแก่ เอาเนื้อเล็กมาสิบไม้ เห็ดสองไม้ กุยช่ายอีกสองไม้”
“เอาไส้กรอกหนึ่ง ปีกไก่อีกสอง”
“เถ้าแก่ ขอปลาหมึกสองไม้ มะเขือยาวหนึ่งไม้ แล้วก็เนื้อแกะอีกสองไม้”
ยิ่งคนสัญจรถูกกลิ่นหอมดึงดูดเท่าใด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแวะเวียนกันเข้ามาสั่ง
“ครับ ได้เลยครับ” อู๋ฝานยิ้มแย้มเบิกบานตอบรับ
ที่ตรงหน้าแผงปิ้งบาร์บีคิว ปัจจุบันมีคนยืนออกันอยู่ไม่ใช่น้อย พวกเขาต่างก็สั่งกันคนละนิดคนละหน่อย นับตั้งแต่ที่เริ่มขายบาร์บีคิวมา กิจการไม่เคยดีเลยแม้สักวัน ไม่แปลกหากว่าตอนนี้เขาจะอารมณ์ดีจนไม่อาจหุบยิ้ม
ทักษะทำอาหารระดับสูง ทำให้อู๋ฝานไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อย แต่ต่อให้ปิ้งย่างวัตถุดิบหลากหลายโดยพร้อมกัน ก็รับประกันได้ว่าคุณภาพจะยังคงที่ ดังนั้นในเวลานี้ แม้บนเตาเต็มไปด้วยวัตถุดิบหลากหลาย แต่เขาก็ยังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพลิกไม้เป็นไปตามลำดับ ตามด้วยการโรยเครื่องเทศ ทุกสิ่งอย่างมีลำดับแบบแผน ไม่มีความสับสนเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
นอกจากนั้น อู๋ฝายังได้ตระหนัก ว่าความทรงจำของตนเองดีขึ้น แม้มีลูกค้ามากมายเข้ามาพร้อมกัน ทุกคนสั่งไม่เหมือนกันแม้สักคน เขาก็ยังสามารถจดจำที่ทุกคนสั่งได้อย่างชัดเจน ไม่มีการข้ามลำดับคิว ทั้งยังไม่ต้องถามลูกค้าอีกครั้งแต่อย่างใด นับได้ว่าเป็นความสามารถในการจำที่น่าทึ่ง
“บางทีอาจเป็นเพราะค่าสติปัญญาของตัวละครก็เป็นไปได้” อู๋ฝานคาดเดาอยู่ในใจ