บทที่ 40 รสชาติเป็นยังไงบ้าง
บทที่ 40 รสชาติเป็นยังไงบ้าง
“ในเมื่อเขายอดเยี่ยมขนาดนี้ พวกคุณยกลูกสาวให้เขาเลยสิ” เกิ่งหย่าเฟยพูดกับหลี่เทียนและหวังฝู
ทั้งหลี่เทียนและหวังฝูต่างก็มีลูกสาว ลูกสาวของพวกเขามีอายุอยู่ในช่วง 20 ปีพอดี เกิ่งหย่าเฟยพูดคำเหล่านี้ออกมา ซึ่งดูไม่ผิดปกติแต่อย่างใด
เมื่อหลี่เทียนและหวังฝูได้ยินคำของเกิ่งหย่าเฟย พวกเขาจึงคลี่ยิ้มเก้อเขิน ทว่าในใจก็สบถคำออกมา
คิดว่าพวกเราไม่อยากแนะนำลูกสาวให้คุณชายน้อยหลี่หรืออย่างไร? ต่อให้แนะนำไป นายน้อยหลี่ก็ไม่ชอบ
ขณะที่คนทั้งสองกำลังอับอาย บริกรก็เข้ามาพร้อมกับอาหาร
สมกับที่คัลเลอร์แมนเป็นหนึ่งในภัตตาคารที่ดีที่สุดในเจียงโจว ไม่เพียงแต่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา แต่การบริการก็ยังดีที่หนึ่ง ความเร็วในการนำเสิร์ฟและรสชาติของอาหารไร้ที่ติ หลายต่อหลายคนต่างชื่นชม
ในความเห็นของอู๋ฝาน รสชาติของมันยังด้อยกว่าไก่ย่างของป้าใหญ่หวังไปไกลโพ้น
หลี่เทียนกับหวังฝูไม่ลืมที่จะยกยอปอปั้นหลี่ปิงก่อนจะกินอาหาร แม้แต่ซุนเยวี่ยยังลังเลไปชั่วครู่ สุดท้ายก็คว้าแก้วไวน์ขึ้นมา ทว่าอู๋ฝานกับเกิ่งหย่าเฟยหาได้ตอบรับแต่อย่างใดไม่ พวกเขามองข้ามเรื่องพวกนี้ไป
ตอนนี้เองที่หลี่เทียนพูดขึ้นมา “อู๋ฝาน นายควรยืนขึ้นดื่มให้นายน้อยหลี่นะ วันนี้นายน้อยหลี่เป็นเจ้าภาพเลี้ยง ถ้าให้นายน้อยคอยดูแล งานที่มหาวิทยาลัยของนายภายในหน้าจะยิ่งราบรื่น”
หลี่ปิงมองยังอู๋ฝานเช่นผู้เหนือกว่า เขารอคอยให้อู๋ฝานลุกขึ้นยืนแล้วดื่มให้แก่ตัวเอง เขาคิดอยู่ในใจว่าอู๋ฝานยอมทำตามตอนไหน ตอนนั้นเขาจะหักหน้าเอง
ทว่าอู๋ฝานตอบว่า “ผมดื่มไม่เป็นครับ”
“ดื่มแค่นิดเดียวจะเป็นอะไรไป เป็นผู้ชายไม่ดื่มได้ยังไงกัน?” หลี่เทียนยังไม่คิดปล่อยอู๋ฝานรอดพ้น
“ผมไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก่อนครับ” อู๋ฝานตอบรับ
“เสี่ยวอู๋ ขอพูดอะไรกับนายหน่อยก็แล้วกัน ท่าทีแบบนี้ของนายจะยิ่งเข้ากับที่ทำงานแย่ลง สุดท้ายนายจะเป็นคนที่ต้องแบกรับนะ ต่อให้ไม่เคยดื่มมาก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรดื่มบ้างแล้ว” หวังฝูแสดงท่าทีของผู้อาวุโสเป็นการสอนสั่งแก่อู๋ฝาน
“ผมแพ้แอลกอฮอล์ครับ ถ้าดื่มเข้าไป คงต้องเข้าโรงพยาบาล หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น อาจารย์หวังยินดีรับผิดชอบใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามไปยังหวังฝู
“นี่มัน เรื่องนั้น…” หวังฝูถึงกับชะงักไปต่อไม่ถูก
หวังฝูไม่กล้าพูดว่าหากเกิดอะไรขึ้น ตนเองพร้อมรับผิดชอบ ไม่ว่าเรื่องราวจะเล็กหรือใหญ่ ก็ถือเป็นอุบัติเหตุโดยเจตนา เราอาจติดคุกก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
เกิ่งหย่าเฟยหัวเราะเสียงเบา เธอเห็นว่าอู๋ฝานไม่คิดเดินตามเกมของอีกฝ่าย ส่วนเรื่องแพ้แอลกอฮอล์ เธอเชื่อว่าเป็นเรื่องกุขึ้นมา และเธอเห็นอีกว่าหวังฝูไม่กล้าเดิมพันด้วย เพียงชั่วพริบตาก็แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาแล้ว
หลี่ปิงมองอู๋ฝานด้วยสายตาขื่นขม เขาไม่คิดว่าอู๋ฝานจะเจ้าเล่ห์ได้ถึงขนาดนี้ จะบังคับให้ดื่มไวน์ต่อย่อมไม่ใช่เรื่องดี หากว่ายื้อจนเกินไป สุดท้ายอาจกลายเป็นตัวเขาเองที่ต้องอับอาย
หลังคิดได้ดังนั้น หลี่ปิงก็ขยิบตาส่งให้หลี่เทียน
หลี่เทียนตอบรับเข้าใจ เขาวางตะเกียบในมือลงพลางถอนหายใจ “วันนี้นับเป็นการเบิกหูเบิกตา อาหารที่นี่รสชาติดีมากจนเกินไป เกรงว่าหลังจากได้กินมื้อนี้เข้าไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ไปกินอาหารของที่อื่นก็อาจไม่อร่อย”
“ถูกต้องแล้ว นับเป็นเกียรติที่นายน้อยหลี่เชิญมา ไม่อย่างนั้นพวกเราจะมีโอกาสได้นั่งกันที่นี่เหรอ” หวังฝูงเข้าร่วมสมทบ
การแสดงรอบใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เพียงแต่อู๋ฝานไม่คิดว่าหลี่เทียนเปลี่ยนหัวข้ออย่างกะทันหัน เจ้าตัวมุ่งเป้ามายังตนเองทันที
“อู๋ฝาน คิดว่ารสชาติของอาหารที่นี่เป็นยังไงบ้าง? คงไม่เคยได้กินของอร่อยขนาดนี้มาก่อนมั้ง?” หลี่เทียนถามขึ้นมา
นี่มันเป็นโอกาสใช้ดูแคลนอู๋ฝาน คงจะแอบเหน็บแหนมว่าอู๋ฝานไม่เคยพบเห็นโลกภายนอก
คนพูดก็ไม่ต่างกันหรอก!
หลี่เทียนยอมถล่มตัวเองลงมาเพื่อเอาอกเอาใจหลี่ปิงและเอาชนะอู๋ฝาน นับว่าทุ่มเทไม่ใช่น้อย
หลี่ปิงไม่คาดคิดว่าอู๋ฝานจะส่ายศีรษะเป็นการปฏิเสธ “ผมคิดว่าอาหารของที่นี่มีรสชาติทั่วไป ผมเคยกินอาหารรสชาติดีกว่าของที่นี่มาแล้ว”
อู๋ฝานตอบตามความจริง แม้ว่าอาหารของที่นี่รสชาติดี แต่หากเทียบเปรียบกับป้าใหญ่หวัง เรียกได้ว่าห่างไกลโพ้นฟ้า อู๋ฝานยังรู้สึกด้วยซ้ำว่าหากลงมือทำด้วยตนเอง รสชาติคงไม่ดีหรือไม่แย่ไปกว่ากัน
คนอื่นไม่รู้เรื่องราวของอู๋ฝาน พอได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ไม่คิดเชื่อ คิดว่าอู๋ฝานคุยโวโอ้อวด
หลี่ปิงส่งเสียงขึ้นจมูก “นายคุยโวเอาไว้ดีนัก นี่คือหนึ่งในภัตตาคารที่ดีที่สุดในเจียงโจว ต่อให้มีภัตตาคารอื่นที่ดีอีกหลายแห่ง รสชาติอาหารของที่อื่นก็เทียบที่นี่ไม่ได้ แต่นายพูดว่ารสชาติธรรมดางั้นเหรอ? เคยกินอาหารที่รสชาติดีกว่าที่นี่มาแล้วว่างั้น? หน้าด้านและไร้ยางอายสิ้นดี คุยโม้อะไรไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเลย”
ครั้งนี้เกิ่งหย่าเฟยก็ไม่เชื่อคำของอู๋ฝาน เธอเคยไปเยือนภัตตาคารแนวหน้าทั้งหลายในเจียงโจวมาแล้ว รสชาติเป็นเหมือนดังที่หลี่ปิงบอก ส่วนใหญ่ทัดเทียมไม่ต่างกัน อีกทั้งเกิ่งหย่าเฟยมองว่ารสชาติอาหารของภัตตาคารเหล่านั้นยังค่อนข้างดี อย่างน้อยก็ไม่ได้รสชาติธรรมดาเหมือนที่อู๋ฝานบอก
เกิ่งหย่าเฟยไม่คิดเยาะเย้ยอู๋ฝานเหมือนที่หลี่ปิงทำ
“คุยโว? จำเป็นต้องทำแบบนั้นด้วยเหรอ?” อู๋ฝานพูดตอบเสียงเบา “ไม่ต้องพูดถึงที่อื่นก็ได้ รสชาติอาหารที่ผมทำเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของที่นี่”
“นายเนี่ยนะ? ฮ่า ๆ” หลี่ปิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นายรู้อะไรไหม เชฟของที่นี่ต่างก็มีเถ้าแก่จากทั่วประเทศพร้อมซื้อตัวด้วยราคาสูงล้ำ แต่ละคนเทียบเท่าได้กับเชฟใหญ่ อาหารที่นายบอกว่าทำเองควรค่าให้เทียบเปรียบกับพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?”
“เสี่ยวอู๋ คนหนุ่มสมควรเจียมตัวตนเองบ้าง อย่าได้ไม่รู้ความถึงขนาดนั้น” หวังฝูฉวยโอกาสชี้แนะอู๋ฝานอีกครั้ง
อู๋ฝานนึกสงสัยว่าหวังฝูคนนี้แท้จริงมาจากสำนักวิชาการใดหรือไม่ เพราะอะไรถึงเอาแต่ให้คำคมคนอื่นถึงขนาดนี้
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่ ผมก็แค่พูดความจริง” อู๋ฝานยักไหล่ตอบรับด้วยสีหน้าเฉยชา ไม่คิดใส่ใจท่าทีของคนรอบข้างแต่อย่างใด
“อย่าพูดอะไรส่งเดชออกมา นายเทียบกับเชฟใหญ่ของที่นี่ไม่ได้หรอก คิดว่าเราจะพิสูจน์ไม่ได้เหรอ” หลี่ปิงแค่นเสียงขึ้นจมูก “แต่ต้องขอแสดงความผิดหวังด้วย ฉันรู้จักกับผู้จัดการของที่นี่ ฉันขอให้เขาช่วยจัดเตรียมให้ได้ นายจะได้ประลองกับเชฟใหญ่ของที่นี่แน่”
“แล้วทำไมผมต้องไปประลองอะไรนั่นด้วยล่ะ?” อู๋ฝานถามหลี่ปิงกลับ “เมื่อครู่ผมพูดจริงว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองไม่ด้อยไปกว่าเชฟใหญ่ของที่นี่ แต่ไม่ได้พูดว่าต้องการแข่งกับเขา”
“ทำไมล่ะ กลัวเหรอ?” หลี่ปิงยิ่งเผยท่าทีเย้ยหยันรุนแรงมากขึ้น
“ไม่ใช่ว่ากลัว แต่มันไม่ใช่เรื่องจำเป็น” อู๋ฝานตอบกลับ “ผมยังมีเรื่องอื่นให้ต้องไปทำหลังจากมื้อนี้”
อู๋ฝานยังคงครุ่นคิดว่าหากตัวเองมีเวลาหลังมื้อเย็นอยู่บ้าง เขาจะไปตั้งร้านแผงลอย เพราะยิ่งใช้เวลาที่นี่เท่าไหร่ ก็มีเรื่องน่าเบื่อมากขึ้นเท่านั้น มีแต่จะถ่วงช่วงเวลาทำเงินของเขา
หลี่ปิงพยายามท้าอู๋ฝานต่อ แต่ก็ไม่อาจทำให้อู๋ฝานยอมรับการแข่งขัน เขายังไม่คิดยอมแพ้ เขาคิดจะใช้โอกาสที่มีตอนนี้ตบหน้าอู๋ฝานต่อหน้าเกิ่งหย่าเฟย สุดท้ายจึงแอบใช้โทรศัพท์มือถือส่งข้อความเรียกตัวช่วยมา