บทที่ 43 ฝีมือการใช้มีดที่น่าสะพรึง
บทที่ 43 ฝีมือการใช้มีดที่น่าสะพรึง
ท่าทีนอบน้อมของผู้จัดการหวงเป็นการให้เกียรติต่อเชฟใหญ่หลิว ทราบกันดีว่าหน้าที่คนทั้งสองคือจัดการส่วนงานของใครของมัน ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน วันนี้พบเห็นผู้จัดการหวงมีท่าทีเช่นนี้ แสดงว่าต้องการให้เชฟใหญ่แข่งขันกับอีกฝ่ายอย่างแรงกล้า
ทำเชฟใหญ่หลิวจึงเกิดความสงสัย สายตาหันมองยังอู๋ฝานและกล่าว “คิดจะแข่งกับฉันจริงงั้นเหรอ? ฝีมือของฉันอาจไม่ใช่จุดสูงสุดของทั้งประเทศ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายอะไรขนาดนั้น”
“ให้ผมได้รับชมฝีมือทำอาหารของเชฟใหญ่หลิวด้วยครับ” อู๋ฝานกล่าวตอบ
เดิมอู๋ฝานก็ไม่ได้คิดแข่งขันอะไรอยู่แล้ว แต่เพื่อเงิน 20,000 หยวน เขาจึงต้องแข่งขัน
“ก็ได้ งั้นมาแข่งกัน” เชฟใหญ่หลิวตอบรับ
เวลานี้ อาหารที่ห้องส่วนตัวสั่งจัดเตรียมเสร็จสิ้นแล้ว เชฟใหญ่หลิวจึงมีเวลาว่าง ในความเห็นของเขา หากว่าอู๋ฝานกล้ายืนยันการท้าแข่ง ย่อมต้องพอมีฝีมืออยู่บ้าง การได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่นก็ถือเป็นการเพิ่มความสามารถของตัวเขาเองด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องเห็นแก่หน้าผู้จัดการหวง มันเป็นเพียงเรื่องรอง
ไม่ช้าจึงเริ่มจัดเตรียม โดยแบ่งพื้นที่ให้อู๋ฝานและเชฟใหญ่หลิว ทางด้านเชฟใหญ่หลิวรับฟังข้อกำหนดการแข่งขันจากผู้จัดการหวง โดยเขาไม่โต้แย้งใด
เชฟใหญ่หลิวเตรียมพร้อมทำอาหาร เขานำเอาเนื้อชิ้นใหญ่ออกมาและเริ่มหั่น ฝีมือการใช้มีดของเชฟใหญ่หลิวนั้นยอดเยี่ยม เนื้อทุกชิ้นมีขนาดเท่ากันอย่างพอดิบพอดี
อู๋ฝานยังคิดไม่ออกว่าตอนนี้ควรทำเมนูใด หลังได้ฝึกงานกับป้าใหญ่หวัง เขาก็มีเมนูอาหารในใจไม่ใช่น้อย ดังนั้นอู๋ฝานจึงทราบวิธีการทำอาหารหลากหลาย
เพียงแต่ หลังพบเห็นเชฟใหญ่หลิวลงมือ เขาจึงคว้าหมูสามชั้นขึ้นมาเฉือนหั่น
เชฟใหญ่หลิวเปรยสายตามอง เมื่อเห็นการกระทำของอู๋ฝาน เขาชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกโกรธขึ้นมา
อู๋ฝานเลือกที่จะทำเมนูเดียวกับเขาเอง ซึ่งเป็นการท้าทายซึ่งหน้า หากว่าพ่ายแพ้ในเมนูอาหารที่ต่างกัน เช่นนั้นยังพอกล่าวถึงรสนิยมด้านรสชาติ ว่าอาจชอบเมนูนี้มากกว่าอีกเมนูหนึ่ง
เพียงแต่เมื่อต้องทำเมนูเดียวกัน มันจะไม่เกิดปัญหาเช่นที่ว่า
ช่างเป็นคนหนุ่มที่โอหัง!
เชฟใหญ่หลิวหันศีรษะกลับมา เดิมเขาคิดที่จะทำอะไรก็ได้ไปเรื่อย แต่ยามพบเห็นความโอหังของอู๋ฝาน เขาจึงตัดสินใจทุ่มเทความสามารถทั้งหมดเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้
คนอื่นเข้าใจความคิดของอู๋ฝานเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างคิดอยู่ในใจว่าการทำเมนูเดียวกับเชฟใหญ่หลิวมันถือเป็นความโอหังของอู๋ฝาน
เพียงแต่หลี่ปิงและผู้จัดการหวงคิดต่างออกไป อู่ฝานเลือกเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดี เพราะในยามที่อู๋ฝานพ่ายแพ้ ย่อมไม่มีข้อแก้ตัว
แต่แล้ววินาทีถัดมา กลุ่มคนที่รับชมพลันต้องชะงัก
อู๋ฝานใช้มือซ้ายกดชิ้นเนื้อ มือขวาถือมีด ก่อนจะเริ่มหั่นเนื้อ เนื้อทุกชิ้นที่อยู่บนเขียงมีขนาดและรูปลักษณ์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าของเชฟหลิว!
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของอู๋ฝาน มือขวาใช้มีดหั่นอย่างต่อเนื่อง ทุกคนถึงกับพบเห็นว่าแทบจะเป็นภาพติดตา ชิ้นเนื้อที่มือด้านซ้ายกดเอาไว้เริ่มลดขนาดลงต่อเนื่อง ชิ้นเนื้อที่หั่นแล้วบนเขียงกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ความเร็วมีดอันน่าทึ่ง! ฝีมือใช้มีดอันน่าตะลึง!
ตอนอู๋ฝานบอกว่าฝีมือทำอาหารตนเองดีกว่าเชฟใหญ่ของที่นี่ ทุกคนนึกคิดไปว่าพูดเล่น แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น รสชาติเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ เพียงแค่เห็นการการใช้มีด ก็ไม่มีอะไรที่ด้อยไปกว่าเชฟใหญ่หลิว กระทั่งว่าดูดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้เป็นอาจารย์พละศึกษาเหรอ? เหตุใดใช้มีดได้คล่องถึงขนาดนี้?
ในใจทุกคนต่างเกิดความสงสัยเช่นเดียวกัน
“บางที อาจมีดีแค่ฝีมือการใช้มีด ขณะที่ฝีมือส่วนอื่นก็แค่งั้นงั้น รสชาติของอาหารไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฝีมือการใช้มีดนี่” หลี่ปิงและผู้จัดการหวงต่างคิดเช่นเดียวกัน
ส่วนทางฝั่งเชฟใหญ่หลิว ตอนนี้กำลังตื่นตะลึงกับฝีมือการใช้มีดของอู๋ฝาน
คนอื่นที่รับชมก็ตื่นเต้น แต่มุมมองของผู้แข่งขัน ผู้อื่นคงคิดเพียงว่าฝีมือการใช้มีดของอู๋ฝานอยู่ในระดับดี มีเพียงเชฟใหญ่หลิวที่ได้เห็นฝีมือการใช้มีดของอู๋ฝานเป็นอื่น ไม่ใช่แค่ตัวเขา ต่อให้เฟ้นหาทั่วทั้งประเทศ ก็ยังมีน้อยคนจะเทียบเปรียบได้หากไร้ซึ่งการฝึกฝนหลัก 10 ปี ตัวเขาไม่มีทางมีฝีมือใช้มีดถึงระดับนี้ได้
อีกฝ่ายอายุเท่าไหร่กัน เหตุใดมีฝีมือการใช้มีดดีเยี่ยมเพียงนี้ได้?
ก่อนหน้านี้เชฟใหญ่หลิวมีความมั่นใจเปี่ยมล้น เขาเกิดรู้สึกถึงภัยคุกคามเป็นครั้งแรก เขาไม่กล้าหย่อนความระวังอีก แต่รีบยับยั้งอาการในใจ เพื่อมุ่งสมาธิกับการทำอาหารของตนเอง
อู๋ฝานคิดสนใจความเห็นของคนอื่นรอบด้าน ตัวเขาจมจ่อมไปกับโลกของตัวเอง มีเพียงตัวเขาและวัตถุดิบที่อยู่ตรงหน้า
ที่ร้านบาร์บีคิวก่อนหน้านี้ ตัวเขาได้แสดงฝีมือทำอาหารเบื้องต้นไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรการทำบาร์บีคิวก็ไม่อาจแสดงทักษะการทำอาหารระดับสูงได้อย่างเต็มที่ จนวันนี้เขาได้แสดงความยอดเยี่ยม ผู้คนรอบด้านอาจเกิดความสงสัย แต่ตัวเขาเอาแต่เอาจริงเอาจังกับงานตรงหน้าพร้อมกับอาการตื่นเต้นที่ได้ทำอาหาร
ทั้งสองทำหมูตุ๋นซอสถั่วเหลือง มันเป็นอาหารพื้นบ้าน เรียกได้ว่าคนธรรมดามากมายก็ทำได้ แต่เพราะเป็นอาหารพื้นบ้านจึงทำให้พบเห็นระดับฝีมือการทำอาหารที่ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ มีน้อยคนที่จะทำให้มันมีรสชาติแห่งความอร่อยที่แท้จริง
จากนั้นหมูตุ๋นถูกส่งลงหม้อ คนทั้งสองจึงเริ่มทำอาหารจานถัดไปแทบจะในเวลาเดียวกัน และครั้งนี้ทั้งสองเลือกปลากระรอกทอดซอสเปรี้ยวหวาน เป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่
ปลากระรอกที่เลือกยังมีชีวิตเพื่อให้คงความสดเอาไว้ที่สุด
อู๋ฝานได้แสดงฝีมือการใช้มีดอันน่าทึ่งให้ทุกคนได้เห็นอีกครั้งหนึ่ง
อู๋ฝานโยนปลากระรอกขึ้นบนอากาศพร้อมกับมีดที่ ‘กวัดแกว่ง’ ไปมา เมื่อปลากระรอกร่วงหล่นลงสู่เขียงด้านล่าง เกล็ดทั้งตัวของมันก็ถูกเลาะจนหมด ท้องถูกผ่า เมื่อเปิดหน้าท้อง เครื่องในและก้างปลาน้อยใหญ่ล้วนถูกเลาะหมดสิ้น ทั้งตัวปลาจึงสะอาดหมดจด มีสีขาว และเนียนนุ่ม
ถัดจากนั้น เพียงอู๋ฝานสะบัดมือขวา เกล็ด เครื่องใน และก้างทั้งหมดที่อยู่บนมีดจึงร่วงลงถังขยะที่อยู่ข้างกายโดยไม่หลงเหลือส่วนใดแม้แต่น้อย
มันเป็นไปได้อย่างไร?
ตอนนี้เองที่แต่ละคนต่างเกิดอาการตื่นตกใจยิ่งกว่าก่อนหน้า พวกเขาล้วนทราบดีถึงวิธีการเลาะเกล็ดและก้างปลา แต่ใครบ้างเห็นอู๋ฝานใช้วิธีการเหล่านั้น? นี่มันงดงามเกินไปไหม? ทุกคนต่างไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาทำได้อย่างไร ไม่ทันไรกล็ดปลาก็หายไปหมดแล้ว
แท้จริงแล้ว อู๋ฝานไม่ได้ใช้เพียงส่วนของการใช้มีดในทักษะการทำอาหาร แต่ยังใช้วิชาชำแหละเพื่อแยกเนื้อปลาและส่วนอื่นออกจากกัน ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ทุกคนเห็น พวกเขาจึงตื่นตะลึงจนเกิดหวาดกลัวเสียด้วยซ้ำ
เชฟใหญ่หลิวชะงักงัน หากว่าก่อนหน้านี้เขาตื่นตกใจต่อฝีมือการใช้มีดของอู๋ฝาน ตอนนี้ก็กลายเป็นความประทับใจต่อฝีมือการใช้มีด รสชาติการทำอาหารเป็นอย่างไรยังไม่อาจทราบ เพียงแค่ด้านการใช้มีด เชฟใหญ่หลิวก็ทราบแล้วว่าตนเองด้อยกว่า ไม่ได้อยู่ในระดับที่มีน้อยคนจะเทียบได้ แต่อยู่ในระดับที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้ต่างหาก
ชายคนนี้เป็นใครกัน? เหตุใดมีฝีมือมีดถึงเพียงนี้ได้? เป็นศิษย์ของตระกูลมีชื่อเสียงสักตระกูลงั้นหรือ?