จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 546-550

ตอนที่ 546-550

บทที่ 546 : กลับไปสู่แดนอสูร (1)
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงานทั้งสองของตระกูลหลานซึ่งยามนี้ไม่ต่างจากขนมหวานของศิษย์สาว ๆ ในสำนักเวชโอสถ การถูกศิษย์หญิงจำนวนมากห้อมล้อม ทำให้ชายหนุ่มทั้งคู่ต้องซ่อนตัวกันอยู่แต่ในที่พัก
  โชคดีที่วันคล้ายวันเกิดมาถึงเสียทีที่สุดศิษย์หญิงเหล่านั้นก็ยอมหยุดตามตื๊อ ทำให้พี่น้องสองชายแห่งตระกูลหลานโล่งใจขึ้น
  *****
  ค่ำคืนประดับประทีปสว่างเจิดจ้า
  ภายนอกห้องจัดเลี้ยงมีเสียงแสดงความยินดีมากมายทำให้สำนักเวชโอสถมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
  เพราะนับตั้งแต่ไป๋หนิงหายตัวไปที่นี่ก็ไม่เคยจัดงานสังสรรค์ขึ้นอีกเลย …
  ”ผู้นำเผ่าสัตว์อสูรมาร่วมแสดงความยินดี!”
  ”ผู้อาวุโสจากตำหนักเซียนพยับหมอกมาร่วมแสดงความยินดี!”
  ”นายน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์… ”
  เสียงประกาศดังมาเรื่อยๆ ฟังชัดเจนไปทั่วทั้งสำนักเวชโอสถ
  ยามนี้ไป๋หยานกำลังมองไปมองมาด้วยสายตาที่ดูไม่สบายใจนัก งานวันคล้ายวันเกิดเริ่มขึ้นแล้ว ทว่านางก็ยังไม่เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย
  ”ไป๋หยาน”
  ชั่วขณะนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลัง ไป๋หยานขมวดคิ้ว ก่อนจะหันกลับไปมองชายหนุ่มที่เข้ามายืนอยู่ข้างหลังนาง “พี่รอง ท่านสบายดีหรือไม่ ?”
  “อืม”หลานเฉาหยันพยักหน้าอย่างเขินอาย “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังรอน้องไป๋เซียว เขาจากไปแล้ว”
  ”จากไป?”
  ฝ่ามือของไป๋หยานกุมกันแน่น นัยน์ตาของนางเป็นประกาย “เขาจากไปแล้วหรือ ? ด้วยเหตุใดล่ะ ? เขาจะไปที่ใด ?
  เขาเป็นคนแรกที่นางพบเมื่อนางมาเยือนโลกใบนี้!
  ทั้งยังเป็นคนแรกที่นางห่วงใยและทำให้นางไม่อาจลืมได้ตลอดกาล !
  บัดนี้นางมีความสามารถที่จะปกป้องคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยไปชั่วชีวิตก็แล้วเหตุใดเขาถึงจากไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ ?
  ”ไป๋หยานเขาฝากคำพูดมาบอกเจ้า เจ้ากำลังก้าวไปสู่จุดที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ห่างไกลจนเขาตามไม่ทัน ตอนนี้เขาจึงควรจากไปก่อน เขาจะพยายามเร่งตามเจ้าให้ทันด้วยวิธีของเขาเอง เพื่อที่ว่าเจ้าจะได้ไม่ทิ้งห่างเขาจนไกลเกินไปนัก” แววตาของหลานเฉาหยันแลดูซับซ้อน “เขายังกล่าวอีกด้วยว่า … เจ้าคือทั้งชีวิตของเขา เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้า เมื่อใดที่ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากขึ้น เมื่อนั้นเขาจะกลับมาหาเจ้าอย่างแน่นอน”
  หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างเฉียบพลันนางยื่นริมฝีปากบาง ๆ ออกมาเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “เด็กโง่คนนี้นี่ … ”
  ครั้งที่นางไร้สิ้นทางเลือกจำต้องจากเขาไป ปล่อยทิ้งเขาให้อยู่แต่เพียงลำพังตั้งนานหลายปี
  ครานี้นางกลับมาหาเขาทว่าเขากลับจากนางไปแทนงั้นรึ ?
  ”ไป๋หยานเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ไป๋เซียวจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี หากสวรรค์ลิขิต พวกเจ้าจะได้พบกันอีกแน่ในเร็ว ๆ นี้ … ” หลานเฉาหยันทนเห็นสีหน้าผิดหวังของไป๋หยานไม่ได้ เขาจึงพยายามปลอบประโลมนาง หากแต่กลับเห็นริมฝีปากของนางเผยอยิ้มเล็กน้อย
  ”ข้าเชื่อเสมอว่าเซียวเอ๋อ น้องชายของข้านั้นเก่งที่สุดเสมอ !”
  นางเชื่อมั่นในตัวเขาสักวันหนึ่ง หนุ่มน้อยจะกลับมาหานางอีกครั้งพร้อมพลังที่แข็งแกร่ง
  ”ไปกันเถอะ”ไป๋หยานไม่รอให้หลานเฉาหยันกล่าวคำใดต่อ นางยิ้มน้อย ๆ “งานฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านตาข้าเริ่มขึ้นแล้ว เราไปร่วมงานกันก่อนเถอะ”
  นางเบือนหน้าเล็กน้อยมองไปยังความมืดมิดยามราตรีพลันนัยน์ตาสีดำแวววาวก็ดูมั่นคงขึ้น
  เซียวเอ๋อข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า ! อีกไม่นาน เราก็จะได้พบกัน
  *****
  แสงจันทร์สาดส่องทั่วหุบเขาที่เงียบสงบ
  บางคราแสงจันทร์นวลก็ตกลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ก่อให้เกิดประกายสว่างบนพื้นดิน
  ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มผู้ซึ่งกำลังเดินอยู่ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเย็นชาของเขาหันไปมองท้องฟ้ายามราตรีที่อยู่เบื้องหลังพลันแววตาของเขาก็ค่อย ๆ อ่อนโยนลง
  สถานที่แห่งนั้นที่เขาเหลียวมองก็คือสถานที่ซึ่งสำนักเวชโอสถตั้งอยู่…
  ”ไป๋เซียวมีสิ่งใดผิดปกติงั้นหรือ ?”
  ชายหนุ่มผู้ที่เดินอยู่ข้างหน้าตื่นตกใจขณะหันมามองเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีเงินยวง พลางเอ่ยถามอย่างสงสัย
  เด็กหนุ่มถอนสายตากลับมาริมฝีปากบาง ๆ ยกโค้งอย่างอ่อนโยน “ข้าสบายดี เราไปกันเถอะ”
  ”เจ้าอยากไปที่นั่นจริงหรือ? ข้าบอกแล้วว่า … ไม่ควรไป สถานที่แห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ … เจ้า … ”
  ***จบบทกลับไปสู่แดนอสูร (1)***

บทที่ 547 : กลับสู่แดนอสูร (2)
  “ข้าพร้อมจะรับมัน”
  แววตาของเด็กหนุ่มมั่นคงมาก”เจ้านำทางข้าต่อเถอะ ไปถึงที่นั่นแล้วเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอกก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ากับข้า”
  ”ล้อเล่นน่า!” ครั้นชายหนุ่มได้ยินเข้าก็โกรธ “เห็นข้าเป็นคนขี้ขลาดงั้นรึ ? ข้ากล้าแม้จะต้องบุกเข้าถ้ำเสือ แค่สถานที่แห่งนั้น เหตุใดข้าจึงจะไม่กล้าเข้าไปพร้อมเจ้า !”
  เมื่อมองใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังโกรธก็แลเห็นแววตาของชายหนุ่มเปล่งประกายเด็ดเดี่ยว
  พี่สาว…รอข้านะรอให้ข้าแข็งแกร่งพอ วันใดที่ข้าสามารถปกป้องพี่ได้ วันนั้นข้าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน …
  และเมื่อวันนั้นมาถึงข้าจะให้พี่ได้เห็นไป๋เซียวคนใหม่ !
  *****
  งานวันคล้ายวันเกิดของไป๋ฉางเฟิ่งสำนักน้อยใหญ่ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดี ในที่สุดงานเลี้ยงก็จบลงอย่างสมบูรณ์ และไป๋หยานก็ต้องออกเดินทางไปพร้อมกับตี้คัง
  ทันทีที่ไป๋ฉางเฟิ่งรู้ว่าหลานสาวของตนกำลังจะจากไปอีกครั้งน้ำตาของชายชราก็อดไม่ได้ที่จะรินไหล เขากอดไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉิน พร้อมกับร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสังเวช และเมื่อเขาร้องไห้ คนที่เห็นต่างก็แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
  ที่สุดไป๋หยานก็ดึงตัวไป๋เสี่ยวเฉินออกมานางเองก็ร่ำไห้ขณะโบกมือลาไป๋ฉางเฟิ่งผู้ซึ่งอยู่ด้านหลัง ยิ่งไป๋ฉางเฟิ่งเห็นเช่นนี้น้ำตาของเขาก็ยิ่งไหลพรั่งพรูมากขึ้นเรื่อย ๆ
  ”ต้าไป๋เสี่ยวไป๋ พวกเจ้ารอข้าด้วย”
  เหวินหรู่วิ่งไล่ตามมาอย่างรวดเร็วเขาหายใจหอบนิดหน่อย “เจ้าคิดไวทำไวกันเสียจริง ๆ ? ข้าเองก็อยากไปกับพวกเจ้าด้วย”
  ”ไม่ได้!”
  นัยน์ตาของตี้คังแลดูเคร่งขรึมเขาปฏิเสธออกมาอย่างเยือกเย็น
  โม่หลี่ชางผู้ซึ่งตามหลังมาก็จ้องไป๋หยานด้วยแววตาน่าสงสาร
  เขารู้ดีว่าตี้คังคงต้องไม่ยอมเป็นแน่หากแต่เขาก็หวังว่าไป๋หยานจะพาเขาไปด้วย
  ”อย่างไรเสียข้าก็ต้องกลับมาที่นี่อีกเช่นนั้นพวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”
  ไป๋หยานครุ่นคิด
  ไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่งที่จะพาคนทั้งสองติดตามไปยังแดนอสูร
  นัยน์ตาโตๆ ของเหวินหรู่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เขากล่าวว่า “ต้าไป๋ เจ้าไม่ต้องการข้าแล้วหรือ ? ข้าสามารถทำอาหารได้ ข้าสามารถพาแมวไปเดินเล่นได้ ข้าสามารถอุ่น … ”
  คำสุดท้ายว่าเตียงยังไม่ทันหลุดออกมาตี้คังก็รีบพุ่งเข้าไปหาเหวินหรู่ มือของเขาดึงสาบเสื้อของเหวินหรู่ขึ้น ก่อนจะขว้างเหวินหรู่ออกไปอย่างแรง พลันร่างของเหวินหรู่ก็กลายเป็นจุดสว่างวาบ ก่อนจะหายลับไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน
  ”แค่ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะอุ่นเตียง!” ริมฝีปากของตี้คังปรากฏรอยยิ้มที่โหดร้าย
  เขาไม่เคยทำสิ่งใดนอกจากการเข่นฆ่าสังหารทว่าสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้นอกเหนือจากนี้ก็คือการอุ่นเตียง บัดนี้กลับมีคนต้องการขโมยหน้าที่อุ่นเตียง
  เขาจะทนได้เยี่ยงไร
  ”ท่านอาโม่”ไป๋เสี่ยวเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ท่านไม่สามารถไปในที่ที่ป๊ะป๋า และหม่ามี้ของข้าไปได้ หากแต่เฉินเอ๋อจะคิดถึงอาเสมอ อารออยู่ที่นี่นะ”
  โม่หลี่ชางมองไป๋เสี่ยวเฉินทุกครั้งที่เสียงอันนุ่มนวลอ่อนหวานของเด็กน้อยเอ่ยออกมา เขาก็ไม่เคยปฏิเสธได้เลย
  เช่นนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ”ตกลง”
  ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้าไปอวดตี้คังและดูเหมือนจะมีรอยยิ้มน้อย ๆ เขาจับมือของไป๋หยาน พร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข “หม่ามี้…กลับบ้านกันเถอะ”
  บ้าน…
  สองคำนี้ทำให้ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนจากหงิกงอมาเป็นแจ่มใสเขาอุ้มร่างเล็ก ๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมา จากนั้นก็จับมือของไป๋หยาน พลางกล่าวว่า “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ !”
  ”ตี้คังท่านลืมอะไรไปรึเปล่า ?”
  ครั้นไป๋หยานเห็นตี้คังจูงนางและมีทีท่าว่าจะจากไป นางก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
  ตี้คังชะงัก”ข้าลืมอะไรไปงั้นหรือ ?”
  ”ตี้เสี่ยวอวิ๋น!” ไป๋หยานกัดฟันกล่าว “ท่านลืม ตี้เสี่ยวอวิ๋น !”
  ชายผู้นี้…ลืมได้แม้กระทั่งน้องสาวของตนเองเช่นนี้สักวันไป๋เสี่ยวเฉิน จะต้องถูกลืมเป็นแน่ …
  ”ดูเหมือนว่าข้าจะลืมนางไปแล้วจริงๆ ” ตี้คังขมวดคิ้ว “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าจะกลับไปตามนาง แล้วข้าจะรีบกลับมาหาเจ้า”
  ***จบบทกลับสู่แดนอสูร (2)***

บทที่ 548 : กลับสู่แดนอสูร (3)
  ”อืม”
  ไป๋หยานพยักหน้า”ข้ากับเฉินเอ๋อจะรอท่านที่นี่”
  ครั้นได้ยินหญิงสาวตอบรับตี้คังก็วางไป๋เสี่ยวเฉินลงบนพื้น เขาแตะศีรษะเล็ก ๆ ของบุตรชาย พลันร่างในอาภรณ์สีม่วงก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
  *****
  ณแดนอสูร
  จันทราสีเลือดลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าย้อมโลกทั้งใบให้เป็นสีแดง
  ยามนี้ทุกคนในแดนอสูรต่างก็กำลังวุ่นวาย เพียงเพราะถ้อยคำของท่านราชครูที่ว่า ในวันนี้ องค์ราชาจะเสด็จกลับมาพร้อมด้วยราชินี และองค์ชายน้อย เช่นนั้นขันทีในวังจึงเริ่มตระเตรียมทำความสะอาดพระราชวัง เพื่อรอรับองค์ราชินี
  ”นี่ก็น่าจะใกล้เวลาแล้ว … ”
  ชายผู้หนึ่งสวมเสื้อผาวสีขาวยืนประสานมืออยู่ข้างแท่นบูชาเขาดูคล้ายดอกกมุทขาวที่เป็นอิสระหลุดพ้นจากสิ่งทั้งปวง ด้วยท่าทีที่บริสุทธิ์ สง่างาม ดั่งเทพเซียนศักดิ์สิทธิ์จากสรวงสวรรค์
  ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปรากฏรอยยิ้มตื้นๆ นัยน์ตาของเขาอ่อนโยน ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น ประโลมใจราวถูกดวงตะวันโอบอุ้ม
  ”คราครั้งนี้ทันทีที่องค์ราชากลับมาพร้อมด้วยราชินีและองค์ชายย่อมจะต้องเกิดความโกลาหลร้ายแรงในแดนอสูรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าด้วยนิสัยขององค์ราชาแล้ว เขาจะสามารถระงับเรื่องราวต่าง ๆ นี้ได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า … มีตี้เสี่ยวอวิ๋นอยู่ข้างกายเขาด้วย”
  ครั้นกล่าวถึงตี้เสี่ยวอวิ๋นท่าทางเอาแต่ใจของหญิงสาวพลันปรากฏขึ้นในใจ พลันมุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้ม
  สตรีผู้นั้นไปยังแดนมนุษย์นานหลายเดือนแล้วหวังว่านางคงจะไม่สร้างปัญหามากเกินไปนัก หาไม่ เขาคงจะต้องออกติดตามนาง เพื่อไปสะสางเรื่องราวต่าง ๆ ที่นางกระทำยุ่งเหยิงไว้อย่างแน่นอน
  ทันใดนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นด้านหลังใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
  ”ท่านราชครูข้าได้ยินมาว่าองค์ราชากำลังจะเสด็จกลับมาแล้วใช่หรือไม่ ?”
  น้ำเสียงคาดคั้นนั้นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเขาหันมองสตรีที่ยืนด้านหลังเขาอย่างเฉยเมย
  ”เจ้ามาทำอะไรที่นี่เสี่ยวอวิ๋นไม่ชอบเจ้า เจ้าไม่ควรมาเสนอหน้าที่นี่”
  สตรีผู้นี้อยู่ในอาภรณ์ยาวสีขาวรูปลักษณ์ของนางบริสุทธิ์ และงดงามมาก ด้วยนัยน์ตาที่ไร้เดียงสา และมีเสน่ห์ของนางคู่นั้น หากผู้ใดได้สบตาแล้ว เกรงว่าจะไม่อาจละสายตาจากนางได้
  “ท่านราชครูข้าเพียงต้องการถามข่าวคราวขององค์ราชาเท่านั้น ไม่มีความหมายอื่นใดแอบแฝง องค์หญิงเองก็เอาแต่พระทัยเกินไป อย่างน้อยเราก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน”
  ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกชาติกำเนิดของนางสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ เช่นนั้นนางจึงถูกคนในแดนอสูรตามใจเสมอมา
  ทว่านางกลับต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างขององค์หญิงจอมซนคนนั้นเรื่อยมา
  เช่นนี้จะให้นางชอบองค์หญิงนั่นได้อย่างไร?
  นางจะต้องเหยียบหัวและทำให้เด็กคนนั้นคุกเข่า เอ่ยเรียกนางว่าพี่สะใภ้ให้จงได้ !
  ท่านราชครูหัวเราะเยาะเขายกฝ่ามือขึ้น พลันพายุใหญ่ก็พัดมากวาดร่างของหญิงผู้นั้นออกไปด้านนอก
  ”กล้าดีอย่างไรถึงพูดลับหลังองค์หญิงเช่นนี้!” นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “นอกจากนี้ยังมีข่าวที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า องค์ราชามิได้เสด็จกลับมาเพียงลำพัง พระองค์เสด็จกลับมาพร้อมด้วยราชินี และมิใช่มีเพียงราชินี ยังมีองค์ชายน้อยตามมาอีกด้วย อย่าคาดหวังตำแหน่งราชินีอีกเลย อย่างไรเสียตำแหน่งนั้นก็ไม่มีวันเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน !”
  ร่างของหญิงสาวกระแทกเข้ากับเสาศิลาที่อยู่ด้านหลังริมฝีปากของนางเม้มแน่น ทว่าใบหน้าที่บริสุทธิ์และงดงามของนางกลับยิ้มแย้ม “ท่านราชครู ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงสนใจเรื่องขององค์ราชาเท่านั้น หาได้สนใจตำแหน่งที่ท่านว่านั่นไม่ ทั้งข้าก็ไม่เคยไม่พอใจองค์หญิงเลย”
  ”ในใจของเจ้าคิดสิ่งใดเจ้าย่อมรู้ดี แต่หากเจ้ากล้าเอ่ยความต้องการของเจ้าเบื้องพระพักตร์องค์ราชาแล้วล่ะก็ ข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่ได้อยู่ในเผ่าจิ้งจอกอีกต่อไป”
  ท่านราชครูโบกมือขึ้นน้ำเสียงของเขาเย็นชา ไร้ซึ่งความอ่อนโยนเฉกเช่นเคย
  ร่างของหญิงสาวพลันแข็งทื่อนางหลุบตาลงเล็กน้อย “หากท่านราชครูไม่มีสิ่งใดจะชี้แนะแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”
  ใครๆ ต่างก็รู้ว่าองค์ราชานั้นโหดเหี้ยม และไร้ปรานีเพียงไร ?
  ถึงแม้ว่าจะมีสตรีมากมายที่ชื่นชมองค์ราชาหากแต่กลับไม่เคยมีผู้ใดกล้าที่จะแสดงความรักต่อหน้าเขา !
  ***จบบทกลับสู่แดนอสูร (3)***

บทที่ 549 : กลับสู่แดนอสูร (4)
  นางก็เป็นสตรี!
  หากแต่บุรุษใจร้ายที่ไม่ยอมตกหลุมรักสตรีใดกลับยอมรับหญิงผู้นั้น นี่ต้องเป็นเพราะคำยุยงของท่านราชครูเป็นแน่ !
  เช่นนั้นนางจะไม่ยอมแพ้!
  แววตาของหญิงสาวสั่นไหวเล็กน้อยนางลอบเชิดริมฝีปากขึ้นลับ ๆ เหตุใดนางไม่สู้กับหญิงผู้นั้นเสียเลยล่ะ ? เรื่องความรักไม่มีใครยอมใครง่าย ๆ อยู่แล้ว …
  *****
  ณคฤหาสน์เผ่าพยัคฆ์
  เด็กสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองก้าวออกมาจากห้องโถงอย่างรวดเร็วด้วยอารามรีบร้อนนางไม่ได้มองทาง ผลก็คือนางเกือบชนเข้ากับสตรีที่อยู่ข้างหน้า
  นางรีบถอยหลังกลับสองก้าวก่อนจะจ้องตาสตรีที่อยู่เบื้องหน้า
  ”จุนหรู่ชิงเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ?”
  ”โอ้!” หญิงสาวสวยบริสุทธิ์ผู้ซึ่งถูกเรียกขานว่าจุนหรู่ชิง เชิดริมฝีปากขึ้นพลางเดินไปที่ธรณีประตูอย่างแช่มช้า “ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อจะแจ้งว่าองค์ราชากำลังจะเสด็จกลับมาในไม่ช้านี้แล้ว พระองค์นำเสด็จราชินี และองค์ชายน้อยกลับมาด้วย ข้าคิดว่าเรื่องนี้เจ้าควรต้องรู้”
  หญิงสาวในชุดสีเหลืองตกตะลึงนางโกรธ “เจ้าหมายถึงอะไร ?”
  ”ความหมายของข้าก็คือ”จุนหรู่ชิงหรี่ตาลง พลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าหญิงมนุษย์ผู้นั้น สมควรที่จะได้เป็นราชินีงั้นหรือ ? ข้าได้ยินมาว่าหญิงมนุษย์ผู้นั้นเก่งมาก นางสามารถจูงจมูกบุรุษมากมายไม่รู้ว่ากี่คนต่อกี่คน ? ทว่าองค์ราชากลับนำหญิงผู้นั้นมา เพียงเพราะคำทำนายของท่านราชครู”
  “เจ้าพูดเช่นนี้…มิได้หมายความว่าท่านราชครูปฏิบัติต่อราชาของเราเฉกเช่นคนโง่กระนั้นรึ?” รอยยิ้มของจุนหรู่ชิงแย่ยิ่งกว่าเดิม นางจ้องมองหญิงสาวชุดสีเหลืองผู้ซึ่งมีรอยยิ้มในแววตา
  เด็กสาวกัดริมฝีปาก”อืม…องค์ราชากลับมาเมื่อใด ข้าจะไปพบหญิงผู้นั้น ! ข้าอยากเห็นนักว่าสตรีเช่นใดที่ราชานำพากลับมาที่นี่”
  *****
  ภายในวัง
  ตราประทับบนแท่นบูชาส่องแสงแรงกล้าราวกับแสงสีทองเหล่านั้นโอบล้อมแดนอสูรไว้ทั้งใบ
  ชั่วขณะนี้กลุ่มคนที่ยืนอยู่ถัดจากแท่นบูชาต่างก็คุกเข่าลงกับพื้นพวกเขาส่งเสียงนมัสการดังลั่น “กระหม่อมน้อมต้อนรับการเสด็จกลับขององค์ราชา ราชินี และองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ !”
  แสงสีทองแผ่กระจายโดยรอบ
  บนพื้นแผ่นดินที่ถูกจันทราสีเลือดสาดแสงอาบย้อมไปทั่วบุรุษหล่อเหลาไร้ที่ติผู้ซึ่งมีเรือนผมสีเงินยวงในอาภรณ์สีม่วงพลันปรากฏกายขึ้น เขาอุ้มเด็กน้อยตัวกลมแก้มชมพูใสราวหยกเนื้อดีอยู่ในอ้อมแขน พร้อมกันนั้นก็จับจูงมือสตรีที่อยู่ในอาภรณ์สีแดงไว้อย่างหวงแหน เขาทอดตามองเหล่าข้าราชบริพารที่มาแสดงความเคารพโดยรอบด้วยสีหน้าไร้สิ้นซึ่งความรู้สึกใด
  ตี้คังเกรงว่าไป๋หยานจะประหม่าเช่นนั้นมือที่เกาะกุมนางจึงกระชับแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
  ”ผู้ที่อยู่ข้างกายข้าก็คือราชินีแห่งแดนอสูรของเรา นางจะเป็นนายหญิงเพียงผู้เดียวของแดนอสูรนี้ … ”
  เขาต้องการประกาศให้แดนอสูรรู้โดยทั่วกันว่านับแต่นี้ที่นี่จะมีนายหญิงเพียงผู้เดียวเท่านั้น !
  บรรดาข้าราชบริพารต่างหันมองตากันอาจเป็นเพราะคำทำนายก่อนหน้านี้ จึงทำให้ไม่มีผู้ใดโต้แย้งการตัดสินใจขององค์ราชา
  ”นอกจากนี้”สุรเสียงที่ทรงอำนาจของราชาหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง ฟังแล้วหนาวยะเยือกกระทั่งถึงไขกระดูก “ในแดนอสูรนี้ ให้ยึดถ้อยคำของราชินีเป็นหลัก และข้าเป็นรอง พวกเจ้าต้องเคารพเชื่อฟังราชินี หากผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่มีละเว้น”
  หัวใจของไป๋หยานสั่นไหวมือของนางกำแน่น นางหันไปมองบุรุษผู้อยู่เคียงข้างด้วยแววตาที่ซับซ้อน
  ยามนี้หัวใจของนางสงบสบาย ราวกับว่าหากมีเขาอยู่เคียงข้าง ไม่มีวันที่จะมีอันตรายใด ๆ ผ่านเข้ามากล้ำกรายนางได้ …
  ข้าราชบริพารทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขาเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่ไม่อาจแตะต้องได้ ซึ่งยามนี้กำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์สีเลือดอย่างประหลาดใจ
  องค์ราชาหมายถึง… ในแดนอสูรนี้ นับแต่นี้ไปรับสั่งของราชินีเป็นที่หนึ่งส่วนรับสั่งองค์ราชาเป็นที่สองกระนั้นรึ ?
  ”องค์ราชา… ” เสนาบดีชราตัวสั่นเทา ขณะเอ่ยถามว่า “หากรับสั่งของพระองค์ขัดแย้งกับรับสั่งของราชินี…พวกเราควรฟังผู้ใด ?”
  แววเนตรที่เย็นยะเยือกจ้องเสนาบดีผู้เฒ่าเขม็งทำเอาเขาตื่นตกใจจนเหงื่อเย็นไหลโซมกาย เขาก้มศีรษะลง ไม่กล้าสบตาราชันผู้หล่อเหลาอีกเลย
  ***จบบทกลับสู่แดนอสูร (4)***

บทที่ 550 : กลับสู่แดนอสูร (5)
  ”ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูด? คำสั่งของราชินีหากมีข้อขัดแย้งกับข้าก็ให้ฟังราชินีก่อน” ตี้คังหัวเราะเยาะ “แล้วเจ้าเอาสมองส่วนใดมาคิดว่าข้ากับราชินีจะขัดแย้งกัน ? หรือเจ้าต้องการหักหน้าข้าต่อหน้าราชินีใช่หรือไม่ ? ”
  เสนาบดีเฒ่าเข่าแทบทรุด
  องค์ราชาผู้ใดจะกล้าหักพระพักตร์ท่าน …
  ”เสี่ยวอวิ๋น”ตี้คังเหลียวไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋นผู้ซึ่งไม่รู้ว่าเดินไปยืนข้างกายท่านราชครูตั้งแต่เมื่อใด พลันรอยยิ้มเยาะก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “ดูเหมือนว่าเจ้าแทบจะรองานสมรสไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่ ?”
  ถ้อยคำดังกล่าวทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นตกใจจนตัวสั่น นางจ้องมองตี้คังด้วยแววตาที่โศกเศร้า พลางคิดว่าตี้คังคิดจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
  ”พระเชษฐภคินี(พี่สะใภ้) ทอดพระเนตรเสด็จพี่สิ ทรงรังแกหม่อมฉันอีกแล้ว”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นกระเทือบเท้าเร่าๆ พลางกล่าวอย่างโกรธเคือง
  ”พี่สะใภ้ของเจ้าเหนื่อยมากแล้วพานางไปพักผ่อนก่อน ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องสนทนากับท่านราชครู” นัยน์ตาของตี้คังเปล่งประกายเย็นยะเยือก “อ้อ ! ก่อนจะไป อย่าลืมเรื่องที่ข้าบอกเจ้าไว้ ก่อนกลับมายังแดนอสูรด้วยเล่า ! ”
  แววตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันสว่างวาบ
  แน่นอนว่านางจำถ้อยคำของเสด็จพี่ได้แม่นเลยทีเดียว เขาบอกไว้ว่า หากมีผู้ใดกล้ารังแกพี่สะใภ้ของนาง นางก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจคนเหล่านั้น
  ตี้คังยกแขนขึ้นโอบรอบเอวบางของไป๋หยานก่อนจะเลื่อนริมฝีปากแดง ๆ ไปกระซิบข้างหูของนาง พร้อมยกมุมปากโค้งอย่างมีเสน่ห์ “เจ้าตามเสี่ยวอวิ๋นไปพักผ่อนก่อน แล้วข้าจะตามไปในภายหลัง”
  ไป๋หยานอึ้งก่อนจะพยักหน้าลงเล็กน้อย “ตกลง”
  หลังจากรับคำแล้วนางก็ปล่อยมือของตี้คัง พลางหันไปจับมือเล็ก ๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉินแทน ก่อนจะหันมามองตี้เสี่ยวอวิ๋น “เสี่ยวอวิ๋น นำทางไปเถอะ”
  *****
  ครั้นเห็นไป๋หยานและคนอื่นหายลับตาไปแล้ว ใบหน้าของตี้คังก็พลันเคร่งขรึมลง หลังจากที่เขาปล่อยให้เหล่าข้าราชบริพารจากไป นัยน์ตาเรียวคมมืดมนก็เปล่งประกายเย็นชา
  ”เจ้าเตรียมพร้อมสำหรับสงครามครั้งนี้ไปถึงไหนแล้ว?”
  ท่านราชครูพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม”กระหม่อมส่งคนไปฝึกซ้อม ทั้งตระเตรียมงานด้านอื่น ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว หากแต่ไม่เป็นการง่ายเลยที่จะทำลายผนึกแดนอสูรของเรา องค์ราชาพระองค์ต้องทรงเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
  ”ดินแดนสวรรค์จะต้องตกอยู่ในมือของข้าราชาผู้นี้”
  ตราบใดที่นางต้องการเขาก็จะหามามอบให้ทุกสิ่ง !
  ”องค์ราชา”ท่านราชครูขมวดคิ้ว “มีสตรีมากมายในแดนอสูรนี้ที่หลงรักพระองค์ พระองค์ต้องทรงระวัง ไม่ให้ราชินีถูกทำร้าย”
  แววตาของตี้คังเต็มไปด้วยเจตนาสังหารน้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือก “ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ทำร้ายภรรยาของข้า ! นอกจากนี้เสี่ยวอวิ๋นเองก็อยู่ข้าง ๆ นาง นั่นทำให้ข้าโล่งใจขึ้นมาก”
  แต่ครั้นราชครูต้องการจะกล่าวบางอย่างน้ำเสียงที่แห้งแล้งไม่ไยดีของตี้คังพลันดังขึ้นอีกครั้ง
  ”จากนี้ไปเจ้าคอยจับตาดูด้วยว่า มีสตรีใดที่คิดจะแย่งชิงตำแหน่งของนาง”
  ”…..”
  ”หลังจากรู้ตัวแล้วก็ห้ามขาดไม่อนุญาตให้สตรีพวกนั้นเข้ามาใกล้วังอีกแม้แต่ก้าวเดียว ! ผู้ใดกล้าขัดคำสั่งก็หักขาของนางซะ !”
  ราชครูตกตะลึงพลางยิ้มอย่างขมขื่น
  เขารู้ว่าด้วยพระอุปนิสัยของราชาแล้วพระองค์ย่อมไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายราชินี
  ไม่ว่าจะชาติภพก่อนหรือในตอนนี้ …
  ”อ้อ…”นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลง ขณะหันไปมองราชครู “เรื่องงานสมรสของเจ้ากับเสี่ยวอวิ๋นก็เช่นกัน”
  นัยน์ตาของราชครูเต็มไปด้วยความประหลาดใจแววตาของเขาเปล่งประกายแสงที่ไม่อาจเข้าใจได้
  เขาเงียบ…หลังจากเงียบไปชั่วครู่ก็กล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวอวิ๋นเห็นด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”
  นาง…ลืมเขาไปเนิ่นนานแล้วยิ่งตอนนี้ระหว่างเขากับนางเป็นเพียงครู และสหาย
  “แท้จริงแล้วพระองค์ไม่ต้องทรงทำถึงเพียงนี้ก็ได้ กระหม่อมขอแค่ได้มองนางเช่นนี้ก็พอ” ท่านราชครูยิ้มอย่างขมขื่น มีอาการปวดร้าวลึกในแววตาของเขา “หากนางไม่เห็นด้วย กระหม่อมเองก็ไม่อยากฝืน”
  ตี้คังหรี่ตาลงเล็กน้อย”นางต้องเห็นด้วย”
  ***จบบทกลับสู่แดนอสูร (5)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท