จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 511-515

ตอนที่ 511-515

บทที่ 511 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (10)
  หัวใจของไป๋หยานสั่นไหวนัยน์ตาที่สดใสของนางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาหาใดเทียบของเขา
  ชีวิตคู่?
  ชายผู้นี้… จะสามารถทำเช่นนั้นได้จริงหรือ ?
  “หยานเอ๋อตำแหน่งราชินีของข้าว่างเว้นมานานหลายปี เพียงเพื่อรอการปรากฏตัวของเจ้าและ … ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าก็ไม่เคยรับสนมเลย”
  ”ข้าเพียงสัญญาว่าจะไปแดนอสูรกับท่านหากแต่ไม่ได้สัญญาว่าจะเป็นราชินีของท่าน”
  ”ไม่ช้าก็เร็ว”รอยยิ้มของตี้คังทั้งคุกคาม ทั้งหยิ่งผยอง “ชั่วชีวิตนี้ เจ้าไม่สามารถกำจัดข้าได้ ! แม้ว่าข้าจะต้องตาย ข้าก็จะกลายเป็นผีทั้งสิง ทั้งหลอกหลอนเจ้า !”
  ครั้นมองนัยน์ตาเรียวคมที่กำลังคุกคามหัวใจของไป๋หยานก็ไม่อาจสงบนิ่งเฉกน้ำได้เช่นเคย นางรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างตื่นตระหนก
  ”การลงคะแนนในงานชุมนุมหมอปรุงยากำลังจะเริ่มขึ้นแล้วข้าจะไปที่งานชุมนุมหมอปรุงยาก่อน”
  หลังจากนั้นไม่นานนางก็เดินออกจากห้องก่อนจะปิดประตูลงอย่างแรง นางไม่แม้จะหันกลับมามองอีกเลย
  เสี่ยวมี่เงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางการจากไปของไป๋หยานจากนั้นมันก็เอียงหน้าหันไปมองตี้คัง ครั้นเห็นใบหน้าที่เย็นชาของตี้คัง มันก็ตัวสั่น และหดหัวลงทันที
  มันทำอะไรผิดไปงั้นหรือ?
  ”ตอนที่เจ้าทำพันธะสัญญากับหยานเอ๋อในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ?” นัยน์ตาสีเข้มของตี้คังหม่นมัว น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย
  ”ข้า…ข้าเองก็ไม่รู้อาจเป็นเพราะนายหญิงฝันเห็นบางอย่าง ทันทีที่นางตื่น … นางก็ร้องไห้”
  ร้องไห้?
  หัวใจของตี้คังเครียดเคร่ง
  เขาเพิ่งรู้ว่าไป๋หยานร้องไห้เขาเป็นทุกข์ กระทั่งไม่สามารถควบคุมตนเองได้ พลันคิ้วที่แลดูข่มขู่ผู้คนตลอดเวลาก็ขมวดแน่นขึ้น
  ”เจ้าหมายถึงหลังจากนางทำพันธะสัญญากับเจ้า ก็มีบางสิ่งที่เราไม่รู้ทำให้นางร้องไห้งั้นรึ ?”
  ”ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น… ” เสี่ยวมี่เกาหัว ขณะเอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง
  ตี้คังเย้ยหยัน”เดิมทีข้าต้องการจับคู่ท่านราชครูกับเสี่ยวอวิ๋นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าตอนนี้เป็นเพราะท่านราชครูทำให้หยานเอ๋อต้องร้องไห้ เรื่องนี้จึงต้องเลื่อนออกไปก่อน”
  หากท่านราชครูไม่บอกให้เสี่ยวมี่ทำพันธะสัญญากับไป๋หยานบางทีนางอาจจะไม่ต้องร้องไห้ …
  หญิงผู้นี้เคยแข็งแกร่งตลอดมาครานี้ถึงกับร้องไห้ พิสูจน์ชัดว่าความฝันของนางต้องทำให้นางปวดร้าวใจมาก
  ”ราชา”เสี่ยวมี่พูดอย่างเพลีย ๆ “องค์หญิงเอาแต่ติดตามนายหญิงของข้าทุกวี่ทุกวัน มีแนวโน้มว่านางจะยึดครองนายหญิงของข้าไปแล้ว”
  ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำเด็กคนนั้นยังติดตามนางอยู่งั้นรึ ?
  ”แต่…” เสี่ยวมี่มองตี้คังอีกครั้ง “นายหญิงบอกว่านางต้องการพบท่านราชครู เอ่อ..แม้ข้าจะไม่รู้ว่าท่านราชครูคนนั้นมีหน้าตาอย่างไร ทว่า … หากท่านยกองค์หญิงให้ท่านราชครู ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนายหญิงอีกต่อไป”
  ใบหน้าที่หล่อเหลาของตี้คังยิ่งเข้มขึ้นยามนี้ไม่ต่างกับก้นหม้อ
  ”ข้าตัดสินใจแล้วหลังจากกลับแดนอสูร ข้าจะให้เสี่ยวอวิ๋นแต่งงานกับท่านราชครู”
  ขอเพียง… ไป๋หยานยอมรับเขา เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องใดอีก !
  ทว่า…สตรีผู้นี้ไม่เคยยอมรับเขาเลย ! เช่นนั้น ก่อนอื่นเขาต้องกำจัดผู้ชายทุกคนที่มีทีท่าจะเข้าใกล้นาง !
  ”แท้จริงแล้ว… ” ประกายในแววตาของเสี่ยวมี่ส่องแสงวูบวาบ “ราชา ท่านเป็นคนพิเศษสำหรับนายหญิง แม้ว่านางจะปฏิเสธท่านครั้งแล้วครั้งเล่านางก็ไม่ถึงกับตัดความหวังของท่าน ทว่าสำหรับผู้อื่นนั้น … ทันทีที่นายหญิงปฏิเสธ นางก็จะไม่ให้โอกาสพวกเขาอยู่ใกล้นางอีกเลย ”
  ยกเว้นฉู่อี้เฟิง…
  หากแต่ถึงแม้ว่าฉู่อี้เฟิงจะสามารถอยู่ข้างกายนาง นางก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้เขาเลยแม้แต่น้อย
  ตรงกันข้ามกับตี้คังผู้ซึ่งเป็นคนหัวแข็งและเอาแต่ใจมากทว่านางก็ไม่เคยโกรธเขา สิ่งนี้พิสูจน์ชัดว่าสถานะของตี้คังในใจของนายหญิงของมันนั้นไม่ธรรมดา …
  ”จริงหรือ?”
  สีหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นแช่มชื่นขึ้นทันทีน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูมีไมตรี
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (10)***

บทที่ 512 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (11)
  เสี้ยวมี่ผงกหัวหงึกๆ ทันที “เสี่ยวมี่เป็นสายเลือดพยัคฆ์ขาว เสี่ยวมี่ไม่เคยโกหก”
  ”อืมข้าเข้าใจเจ้าดี” ตี้คังหัวเราะน้อย ๆ ใบหน้าของเขาสงบลง “หลังจากนี้ อีกสองสามวันข้าก็จะพาหยานเอ๋อกลับสู่แดนอสูร”
  ข้าเกือบจะพร้อมแล้วเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายที่จะพานางกลับสู่แดนอสูร …
  *****
  นอกลานบ้านนั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นเร่งรุดไปยังสถานที่จัดงานพร้อมฉู่อีอี้และหลานเสี่ยวหยุน ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงตี้คังซึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังนาง
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นรีบหยุดนางหันไปมองบุรุษที่อยู่ข้างหลังนาง “พี่ชาย … ”
  ”อืม”
  ตี้คังกำลังอารมณ์ดีเขาจึงส่งยิ้มให้ตี้เสี่ยวอวิ๋น
  ”พี่ชายข้าทำอะไรผิดไปหรือไม่ ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้องตี้คังพลางกัดริมฝีปากด้วยความกลัว “พี่ … อย่ายิ้มน่ากลัวแบบนั้นจะได้หรือไม่ ?”
  หากเป็นอดีตตี้เสี่ยวอวิ๋นพูดจาเช่นนี้ ตี้คังเป็นต้องจับนางโยงแล้วฟาดอย่างแน่นอน
  ทว่ายามนี้เขากลับไม่โกรธริมฝีปากแดงสดของเขายกโค้งอย่างมีเสน่ห์
  ”พี่สะใภ้ของเจ้าสัญญาว่าจะกลับบ้านพร้อมกับข้า”
  ในหัวของตี้เสี่ยวอวิ๋นว่างเปล่าชั่วขณะนัยน์ตาของนางเบิกกว้างขึ้นทันที นางจ้องบุรุษผู้ซึ่งยากจะหาใดเทียบที่ยืนด้านหลังนางตาไม่กะพริบ
  ฮะ…เมื่อกี้เขาว่าไงนะ ?
  พี่สะใภ้สัญญาว่าจะกลับแดนอสูรงั้นหรือ?
  เรื่องนี้… ความประหลาดใจทำให้นางนิ่งค้างชั่วขณะ
  ”พี่ชายที่ท่านพูดมาเป็นความจริงหรือ ?”
  ในที่สุดเขาก็สามารถพาพี่สะใภ้กับหลานชายกลับบ้านได้แล้วหรือนี่ ?
  ”ใช่”ตี้คังกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าให้สิทธิ์แก่เจ้า หากข้าไม่อยู่แล้วเกิดมีผู้ใดกล้าสร้างปัญหาให้พี่สะใภ้เจ้า เจ้าก็สามารถโยนมันให้เป็นอาหารงูได้เลย ไม่จำเป็นต้องรายงานข้า”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นเงยหน้าขึ้นอย่างยินดีหัวใจของนางพลันสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
  สิทธิพิเศษนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ด้วย สิทธิ์ที่ได้รับจากเสด็จพี่ นั่นหมายความว่าแม้นางจะสังหารพวกสาว ๆ ที่ชอบมาหว่านเสน่ห์ไร้ราคา เหล่าเสนาบดีแดนอสูรย่อมต้องไม่กล้าตำหนินาง !
  เช่นนั้น… นางก็สามารถใช้สิทธิพิเศษนี้แก้แค้นส่วนตัวได้งั้นสิ ? สตรีที่นางเกลียดทุกคนจะต้องถูกกำจัดใช่หรือไม่ ?
  ”เสด็จพี่มั่นใจได้เลยว่า ข้าจะปกป้องพี่สะใภ้ และหลานชายของข้าเป็นอย่างดี ผู้ใดก็ตามที่กล้าสร้างปัญหาให้กับพวกเขา ข้าจะให้ท่านราชครูจัดการมัน !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้ม นัยน์ตากลมโตของนางสดใสราวกับดวงดารา
  ฉู่อีอี้จ้องตาตี้คังกระทั่งบุรุษในอาภรณ์สีม่วงที่มีเรือนผมสีเงินยวงหายไป นางก็ยังไม่อาจกลับมาเป็นตัวของตัวเอง แววตาของนางแลดูซับซ้อน
  ”เสี่ยวอวิ๋นในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่า พี่ชายของข้าพ่ายแพ้ … ”
  นางกัดริมฝีปากล่างของนางเบาๆ แม้ว่านางจะไม่เต็มใจ ทว่านางก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
  ”ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจแล้วสินะ ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเลิกคิ้วด้วยความอิ่มเอมใจ “แม้ว่าในใจของข้าจะหวาดกลัวเขามาก ทว่าพี่ชายของข้าก็ยอดเยี่ยมที่สุดเสมอ ! ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเขาได้ เช่นนั้นพี่ชายของเจ้าจึงไม่สามารถแข่งขันกับพี่ชายของข้าได้”
  ฉู่อีอี้ลดสายตาลงเมื่อเทียบกับตี้คังแล้ว พี่ชายของนางมักจะดูด้อยกว่าเสมอ
  ”ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าอยากได้ไป๋หยานเป็นพี่สะใภ้ของข้าทว่า … ” ฉู่อีอี้เม้มริมฝีปาก “ความสุขของไป๋หยานสำคัญกว่า ไม่ว่านางจะเลือกผู้ใดข้าก็พร้อมจะสนับสนุนนาง ข้าเชื่อว่าพี่ชายของข้าก็เช่นกัน”
  หากถนนเบื้องหน้าขรุขระเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามพี่ชายของนางก็พร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อช่วยกรุยทางให้ และจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำลายความสุขของนาง …
  ”ไปกันเถอะการลงคะแนนงานชุมนุมหมอปรุงยากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พี่สาวของข้าต้องได้รับความสนใจมากอย่างแน่นอน”
  หลานเสี่ยวหยุนไม่ได้ใส่ใจเพื่อนสาวทั้งสองสิ่งที่นางให้ความสนใจก็คือการลงคะแนนเสียงในงานชุมนุมหมอปรุงยาเท่านั้น แววตาของนางเผยรอยยิ้มขี้เล่น อ่อนเยาว์และเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
  *****
  ในสถานที่จัดงานชุมนุมหมอปรุงยาทุกคนต่างมารวมตัวกันที่นี่แล้ว
  ครั้นมีเสียงไอแค่กๆ ฝูงชนที่กำลังส่งเสียงดังจอแจพลันเงียบเสียงลงทันที
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (11)***

บทที่ 513 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (12)
  ”อะแฮ่ม”
  ซูฮงกระแอมเขากวาดตามองโดยรอบ ก่อนจะหยุดลงที่สตรีในอาภรณ์สีแดงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
  เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
  เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นเขาได้ยินคนหลายคนพูดกันว่า ไม่คาดคิดว่างานชุมนุมหมอปรุงยาในครั้งนี้จะดึงดูดความสนใจจากองค์หญิงน้อยในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้มาเยือนที่นี่ได้
  ตอนนี้มีองค์หญิงน้อยอยู่ด้วย… ย่อมจะทำให้เขาจัดการกับศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ยากขึ้นไปอีก
  หลังจากนั้นเพียงครุู่ซูฮงก็ถอนสายตา เขาเอ่ยกล่าวด้วยเสียงอันดังทำลายความเงียบออกมา “พวกท่านทั้งหลาย ระยะเวลาสามวันสิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ทุกท่านส่งยาอายุวัฒนะของท่านได้”
  *****
  เวลาเดียวกันนี้บนดาดฟ้าไม่ไกลจากสถานที่จัดงานนัก ชายชราหลายคนกำลังมองการลงคะแนนงานชุมนุมหมอปรุงยาที่อยู่ด้านล่างอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาเต็มไปด้วยความสนอกสนใจ ในแววตาของแต่ละคนต่างก็มีรอยยิ้ม
  “ดูนั่น! นั่นลูกศิษย์ของข้า !” เหรินอี้จิกปากอย่างภาคภูมิใจ “ลูกศิษย์ของข้าเก่งมาก ผู้ชนะจะต้องเป็นนางอย่างแน่นอน”
  ไป๋ฉางเฟิ่งเหลือบตามองเหรินอี้”เจ้าไม่ชี้ให้ข้าดู ข้าจะเห็นศิษย์ของเจ้าได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกศิษย์ของเจ้าคือคนไหน ?”
  ”ต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดอยู่แล้ว”
  เหรินอี้เชิดคางขึ้นใบหน้าชราของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
  ไป๋ฉางเฟิ่งเลิกให้ความสนใจชายชราผู้นั้นอีกเพราะอย่างไรเสียเมื่องานชุมนุมหมอปรุงยาสิ้นสุด เขาก็แค่ไปถามหาว่าผู้ใดเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนั้นก็จะได้รู้เองว่าศิษย์ของตาเฒ่าคนนี้เป็นผู้ใด
  ต้องการเก็บเป็นความลับไม่ให้เขารู้ จะทำได้งั้นรึ ?
  ตาเฒ่าสองคนนี้ก็ใช่ว่าจะฉลาดนักเช่นนั้นศิษย์ของพวกเขาจะเก่งกาจได้เยี่ยงไร พวกเขาคิดเองเออเองหรือไม่ ?
  ”หือ?”
  ทันใดนั้นเองนัยน์ตาของไป๋ฉางเฟิ่งก็ถูกสะกดให้จมดิ่งกับใบหน้าหนึ่งท่ามกลางฝูงชน
  หลังจากเห็นร่างที่แลดูคุ้นเคยนั่นแล้วไป๋ฉางเฟิ่งก็ลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากตกใจเป็นโกรธเกรี้ยว
  ”ผู้อาวุโสกู่อยู่ที่ใด ให้เขามาพบข้า !”
  ”ท่านเจ้าสำนักอาวุโสกู่…กำลังฝึกทักษะลับกับนายน้อย”
  ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆ ตัวสั่นเทา เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ ท่านเจ้าสำนักถึงได้โมโห ทั้งยังสั่งให้เขาออกไปตามอาวุโสกู่อย่างกะทันหันเช่นนี้
  ”ฝึกทักษะ?” ไป๋ฉางเฟิ่งหัวเราะ ทว่าเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เวลาเช่นนี้ไอ้ลูกชั่วจั่นเผิง ไม่ยอมออกมา เหตุใดหลานสาวของข้ามาแล้ว ถึงไม่ยอมบอกข้า เหตุใดเจ้าจึงปิดข้า จั่นเผิงคอยดูเถอะ เจ้าออกมาเมื่อไหร่ ข้าจะเตะให้กลิ้งเลย ! ”
  ยามนี้นิ้วของไป๋ฉางเฟิ่งสั่นระริก เขาสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อระงับความต้องการที่จะรีบลงไปข้างล่าง
  เหมือนเหมือนมาก …
  สตรีผู้นั้นเหมือนหนิงเอ๋อมาก!
  ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรืออากัปกิริยาต่างๆ ก็เหมือนกัน
  ผู้ใดกล้าพูดว่านางไม่ใช่หลานสาวของเขา?
  ”หลานสาวของเจ้าก็อยู่ที่นั่นด้วยหรือ?” เหรินอี้หันไปมองไป๋ฉางเฟิ่ง พลางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดหลานสาวของเจ้าอยู่ที่นั่นแล้วเจ้ากลับไม่รู้เรื่องล่ะ ?”
  ถ้อยคำของเหรินอี้นั้นจี้ใจดำไป๋ฉางเฟิ่งยิ่งนักหัวใจของไป๋ฉางเฟิ่งเดือดพล่าน เขาอยากจะกระทืบไป๋จั่นเผิงให้ตายคาเท้าทันที !
  หยานเอ๋อมาที่สำนักเวชโอสถแล้วชัดๆ ! ทว่าไอ้เด็กชั่วนั่นไม่บอกข้าสักคำ ! กล้าซ่อนนางจากเขา !
  จะมากเกินไปแล้ว!
  “ข้า…ข้าไม่รู้แล้วผิดที่ใด?” ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ “บุตรสาวของข้าหายตัวไปนานแล้ว หลานสาวของข้าก็ไม่รู้ว่าข้ามีตัวตน ก็ไม่แปลกที่นางจะไม่บอกข้าว่านางมา”
  เหรินอี้เบะปากราวกับขี้เกียจจะถกเถียงกับชายชราเขาหันไปให้ความสนใจฝูงชนพลางเอ่ยถามว่า “คนไหนล่ะ หลานสาวของเจ้าน่ะ ?”
  ”คนที่ดูเหมือนบุตรสาวของข้าไง”
  ”เมื่อครั้งที่ข้าเห็นบุตรสาวของเจ้าบุตรสาวของเจ้ามีอายุเพียงไม่กี่ขวบ จากนั้นข้าก็ไม่เคยเห็นนางอีกเลย เจ้าคิดว่าข้าจะจำได้งั้นรึ ?”
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (12)***

บทที่ 514 งานชุมนุมเริ่มแล้ว (13)
  แม้ว่าไป๋หนิงจะหนีออกจากบ้านในช่วงวัยรุ่นทว่าผู้อาวุโสทั้งสามก็ไม่ได้อยู่ในสำนักเวชโอสถ เช่นนั้นเขาจะพบเด็กสาวได้อย่างไร ?
  ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้พบเด็กสาวก็ตอนที่ไป๋หนิงยังเป็นเด็กน้อย เช่นนั้นพวกเขาจะจำนางได้อย่างไร ?
  รอยยิ้มอันน่าภาคภูมิใจปรากฏบนใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่ง”หลานสาวของข้าย่อมเก่งที่สุด ทว่าข้าจะยังไม่พบนาง จนกว่าหลานสาวของข้าจะยอมรับครอบครัวข้า
  พวกตาเฒ่าเหล่านี้คงต้องการฉกหลานสาวของเขาอย่างแน่นอน
  เขาจะไม่ให้โอกาสคนพวกนี้เป็นแน่…
  ครั้นเห็นว่าเหรินอี้ต้องการจะหัวเราะเยาะเจิ้งฉีก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “งานชุมนุมหมอปรุงยากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ผู้ใดจะเป็นคนที่เก่งที่สุด เดี๋ยวได้รู้กัน”
  *****
  ช่วงเวลาเดียวกันนั้น
  ด้านนอกของกลุ่มชนผู้คุ้มกันสองคนกำลังเข็นรถเข็นสี่ล้อเข้ามา
  เย่หยิงนั่งอยู่บนรถเข็นสี่ล้อร่างกายของนางบอบช้ำ นางกำหมัดแน่น นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และความเกลียดชังยามจ้องมองใบหน้าของไป๋หยาน
  ทันใดนั้นนางก็ยิ้มเยาะเย้ย พร้อมกับช้อนตาขึ้นมอง
  ”อีกไม่นานข้าก็จะได้เป็นคุณหนูของสำนักเวชโอสถแล้วนับจากนี้ไป ผู้ชายของเจ้าก็ต้องมาสยบเป็นข้ารับใช้ภายใต้กระโปรงของข้า !”
  อำนาจนี่ช่างดีจริงๆ
  เมื่อครู่นี้ท่านย่าได้บอกนางถึงการตัดสินใจของท่านเจ้าสำนักแล้วลูกศิษย์ของสำนักเวชโอสถที่เคยมองข้ามนางก็จะได้รู้เสียทีว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  ยามนี้นางมีความสุขมาก…
  “หยิงเอ๋อเจ้าจะได้เป็นถึงคุณหนูของสำนักเวชโอสถแล้ว ฐานะของเจ้าย่อมคู่ควรกับนายน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากกว่า ผู้ชายของหญิงผู้นี้ไม่มีคุณสมบัติดีพอที่จะแต่งงานกับเจ้าหรอก”
  เย่ฮูหยินกล่าวอย่างไม่สบายใจ
  นางอุตส่าห์กระทำทุกสิ่งเพียงเพื่อให้เย่หยิงได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ นางจะอนุญาตให้หลานสาวแต่งงานกับบุรุษที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้อย่างไร ? มีเพียงนายน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็เจ้าตำหนักเซียนพยับหมอกเท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นคู่ครองของหลานสาวนาง
  ”ไม่!” เย่หยิงส่ายหน้า “ก่อนที่ข้าจะได้พบเขา ข้าเคยคิดว่าตลอดชีวิตนี้ข้าจะไม่แต่งงาน ทว่าหลังจากพบเขาแล้ว ข้าก็รู้ว่า ข้าต้องการผู้ชายลักษณะใด”
  ใบหน้าที่หล่อเหลาร้ายกาจของชายหนุ่มปรากฏขึ้นในหัวใจของนางพลันรอยยิ้มที่นุ่มนวลก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
  ”ชายผู้นั้นไม่เพียงแต่ทรงพลังทว่าเขายังหล่อเหลา ทั้งยังอุทิศทุกอย่างให้กับสตรีที่เขารัก หากเขากลายเป็นสามีของข้า เขาจะปฏิบัติต่อข้าเช่นเดียวกับนาง”
  “ท่านย่าข้าต้องการจะแต่งงานกับเขา ข้าต้องการทำให้ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้นรักข้าไปจนวันตาย และข้ามั่นใจว่าข้าทำได้”
  น้ำเสียงของหญิงสาวฟังดูเข้มแข็งแววตาของนางมั่นคงมาก
  เย่ฮูหยินกระพริบตาหลานสาวของนางดูท่าจะหลงใหลชายผู้นั้นเอาเสียจริง ๆ หากนางได้พบชายผู้นั้น นางจะบอกให้เขาเลิกข้องแวะกับหลานสาวของนาง
  ข้าต้องการให้เขาเข้าใจว่าด้วยฐานะของเย่หยิงเขาหาใช่คนที่คู่ควรไม่ …
  *****
  ณสถานที่ชุมนุม ฝูงชนกำลังเคลื่อนไหว และทุกคนต่างก็กำลังรอเวลาลงคะแนน
  ตี้เสี่ยวอวิ๋น,ฉู่อีอี้ และหลานเสี่ยวหยุนกำลังพยายามเบียดเสียดฝูงชน เพราะพวกนางมาถึงช้า พวกนางจึงไม่สามารถแทรกตัวไปอยู่ข้างไป๋หยานได้ พวกนางทำได้เพียงยืนดูอยู่ด้านหลังฝูงชนด้วยความหดหู่
  ”บัดนี้ข้าในนามผู้อาวุโสสำนักเวชโอสถ ขอประกาศว่าการลงคะแนนในงานชุมนุมหมอปรุงยาได้เริ่มขึ้นแล้ว !” ซูฮงถอนสายตาจากไป๋หยาน พลางเอ่ยกล่าวอย่างใจเย็น “คนในสำนักเวชโอสถของเราจะเข้าไปทำการตรวจสอบการปรุงยาอายุวัฒนะของทุกท่าน ผู้ที่สามารถปรุงยาได้หลากหลายก็จะเป็นผู้ชนะของงานชุมนุมหมอปรุงยาในครั้งนี้ ทว่า … ”
  เขาหยุดครู่หนึ่งพร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน
  ”หากข้ารู้ว่ามีผู้ใดคดโกงเจ้าก็จะได้รู้ผลที่ตามมา !”
  *****
  ทุกคนในที่นั้นต่างก็โกรธเกรี้ยวผู้ใดจะกล้าโกงสำนักเวชโอสถ
  หมอปรุงยาของสำนักเวชโอสถต่างก็ลงไปด้านล่างส่วนบรรดาหมอปรุงยาที่เข้าร่วมงานชุมนุมต่างก็นำยาอายุวัฒนะที่กลั่นได้ในช่วงสามวันก่อนหน้าออกมา เพื่อให้หมอปรุงยาของสำนักเวชโอสถประเมิน
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (13)***

บทที่ 515 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (14)
  หมอปรุงยาเหล่านั้นบางครั้งก็คิ้วขมวดบางครั้งก็คลาย ทำให้ทุกคนที่นำผลงานมาเสนอต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ
  ”สำนักหวู่เย่ปรุงยาอายุวัฒนะได้สามชนิด ไม่ผ่าน !”
  ”สำนักเทียนเหมินปรุงยาอายุวัฒนะได้ห้าชนิด เกือบจะไม่ผ่านนะ”
  ”สำนักจั่นเยว่… ”
  ครั้นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาของสำนักเวชโอสถรายงานผลลัพธ์ในการปรุงยาแต่ละครั้งบางคนก็โล่งใจ บางคนก็เสียใจ และบางคนก็เริ่มหงุดหงิดใจ
  สูตรยาที่สำนักเวชโอสถจัดหามาให้พวกเขาในปีนี้ต้องปรุงให้ได้อย่างน้อยห้าชนิดถึงจะผ่านเกณฑ์
  และในบรรดาสำนักชั้นนำต่างๆ เหล่านี้ ที่สามารถทำได้สูงสุดก็คือเจ็ดชนิดเท่านั้น …
  หลังจากนั้นไม่นานหมอปรุงยาจากสำนักเวชโอสถก็มาถึงไป๋หยาน เขารับขวดยาจากไป๋หยาน จากนั้นก็เปิดฝาขวดอย่างระมัดระวัง
  เพียงครู่สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยน
  ”ยาอายุวัฒนะเจ็ดชนิด”
  ยาอายุวัฒนะเจ็ดชนิดกระนั้นรึ?
  สีหน้าของทุกคนแลดูตื่นตกใจ
  หญิงผู้นี้เพียงผู้เดียวก็สามารถปรุงยาอายุวัฒนะได้ถึงเจ็ดชนิดเท่ากับสำนักจั่นเยว่เลยงั้นหรือ ?
  ”อาวุโสซูฮง”
  ทันใดนั้นเองชายวัยกลางคนก็ก้าวออกมายืนโดดเด่นจากฝูงชนเขาเหลือบมองไป๋หยานก่อนจะกล่าวว่า “ข้าขอประท้วง เมื่อคืนหญิงผู้นี้ลักลอบเข้าที่พำนักของสำนักจั่นเยว่เรา จากนั้นสำนักจั่นเยว่ของเราก็พบว่ายาของเราหายไปถึงเจ็ดเม็ด ต้องเป็นหญิงผู้นี้ขโมยไปแน่”
  หลังจากมองเห็นชายวัยกลางคนที่ก้าวออกมาจากฝูงชนแล้วเย่หยิงที่อยู่รอบนอกก็เผยรอยยิ้มแดกดัน
  มีคนลอบเข้าสำนักจั่นเยว่แผนการที่นางเตรียมไว้ในครานี้ ไม่เพียงแต่จะแย่งผู้ชายของไป๋หยานเท่านั้น ทว่ายังทำลายชื่อเสียงของไป๋หยานอีกด้วย !
  ”เจ้าทำเรื่องดั่งว่าจริงหรือไม่?”
  ใบหน้าของซูฮงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาหันไปมองไป๋หยานด้วยความโกรธ
  ยามนี้ทุกคู่สายตาต่างจับจ้องใบหน้าอันสงบนิ่งของไป๋หยานเป็นตาเดียว
  ในโลกนี้ยังมีผู้กล้าเล่นกลโกงในงานชุมนุมหมอปรุงยาจริง ๆ กระนั้นหรือ ? ข้าเกรงว่านางคงเบื่อชีวิตแล้วเป็นแน่
  แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่อาจปกป้องคนที่ชั่วร้ายเช่นนี้!
  ”ที่ข้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง”
  ชายวัยกลางคนจากสำนักจั่นเยว่ยิ้มอย่างภาคภูมิ
  อีกไม่นานคุณหนูเย่หยิงก็จะได้เป็นธิดาบุญธรรมของไป๋จั่นเผิงแล้วส่วนหญิงผู้นี้ก็เป็นเพียงศิษย์ตัวเล็ก ๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซ้ำยังทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขึ้นอีก เช่นนี้แล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะยังให้การสนับสนุนคนเหล่านี้อีกกระนั้นรึ ?
  ”ไหนล่ะหลักฐาน?” ใบหน้าของซูฮงเปลี่ยนไป แววตาของเขาพลันเคร่งเครียด
  ”ผู้อาวุโสซูฮงผู้คนที่อยู่ในสำนักเวชโอสถนี้ต่างก็เห็นว่าหญิงผู้นี้วันวันเอาแต่เล่นกับบุตรชายของนาง เช่นนั้นนางเอาเวลาใดไปปรุงยาอายุวัฒนะกระนั้นรึ ? นอกจากนี้ การกลั่นยาจำต้องใช้ศิษย์หลายคนกว่าจะได้ยาหนึ่งเม็ด แม้แต่สำนักจั่นเยว่ของข้าเองก็ต้องแบ่งคนกลั่นยาแต่ละชนิด และด้วยเหตุนี้นางจึงคิดขโมยยา เพราะเป็นการง่ายกว่ามาก ต่อให้นางไม่รู้วิธีปรุงยาเลยก็ตาม
  ความหมายก็คือศิษย์ที่ส่งมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไม่ได้ฝึกฝนการปรุงยามาเลยแต่กลับสามารถปรุงยาได้หลายชนิด
  แววตาของผู้เฒ่าซูฮงเริ่มเข้มขึ้น
  ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาไม่ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของไป๋หยาน หากแต่ก็รู้ว่าหญิงผู้นี้เอาแต่เล่นกับบุตรชายดั่งเช่นคนสำนักจั่นเยว่กล่าวอ้าง
  เช่นนั้นนางจะเอาเวลาใดไปศึกษาตำรับยา
  ”อืม…ข้าไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใดกล้าโกงสำนักเวชโอสถของข้า! เหมือนไม่เห็นสำนักเวชโอสถของเราอยู่ในสายตา !” ซูฮงกล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาทั้งคู่ลุกโชนด้วยไฟโทสะ
  ด้านหลังฝูงชนครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋น และฉู่อีอี้ได้ยินว่ามีบางคนกำลังกล่าวหาไป๋หยาน ทั้งสองก็พยายามแทรกตัวไปข้างหน้า ทว่าหลานเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้าง ๆ รีบดึงพวกนางไว้พลางกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล พี่สาวของข้าต้องมีวิธีจัดการกับคนเหล่านี้ พวกเจ้าใจเย็นก่อน เดี๋ยวจะได้ชมอะไรดี ๆ ? ”
  ถ้อยคำดังกล่าวส่งผลให้หญิงสาวทั้งสองเงียบ ทว่าใบหน้าของพวกนางแลดูน่าเกลียดมาก ความโกรธแจ่มชัดในดวงตาที่สวยงามของพวกนาง
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (14)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท