บทที่ 54 ไปคัลเลอร์แมนอีกครั้ง
บทที่ 54 ไปคัลเลอร์แมนอีกครั้ง
ภายหลังกลับจากตลาดค้าไม้ อู๋ฝานจึงหาอะไรทานที่ด้านนอก ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ย่านการค้า เพื่อดูว่ามีร้านเหมาะสมให้เช่าได้หรือไม่ เพราะเมื่อใดขายไม้ชิงชันได้เรียบร้อย เขาจะมีเงินทุนที่เหมาะสม อู๋ฝานก็คิดอยากเปิดร้านอาหารเป็นของตนเอง
“เถ้าแก่ ลองมาเรียนด้านการออกกำลังกายไหม”
อู๋ฝานที่เดินมองหาร้านที่เหมาะสม ชั่วขณะจึงถูกใบปลิวที่ยื่นมาดักไว้จนชะงัก
“คลับฟิตเนสและว่ายน้ำเยวี่ยต้ง” อู๋ฝานรับใบปลิวมาถืออ่าน
“เถ้าแก่ คลับของพวกเรามีสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยม อุปกรณ์กีฬาหลากหลาย มีโค้ชมืออาชีพพร้อมให้บริการ เป็นสถานที่ใช้เวลาว่างกับการกีฬาและการออกกำลังกายที่เหมาะสม” หญิงสาวที่กำลังยืนแจกใบปลิว พบเห็นอู๋ฝานไม่โยนใบปลิวทิ้งทันทีที่รับ จึงเข้ามาแนะนำอย่างกระตือรือร้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยิมและคลับฟิตเนสมากมายผุดขึ้น ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับกิจกรรมออกกำลังกาย เพียงแต่อู๋ฝานก็ได้เห็นข่าวมาไม่น้อย ยิมมากมายที่เก็บค่าสมัครสมาชิกจากลูกค้า พอได้ที่แล้วก็พร้อมที่จะปิดประตูหนีหาย ถัดจากนั้นจึงย้ายสถานที่ไปเปิดกิจการพื้นที่อื่น ก่อนจะหลอกผู้คนด้วยกลวิธีเดียวกัน ทำวนซ้ำกันเช่นนี้จนเกิดเป็นวงจร
หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ อู๋ฝานคงปฏิเสธไปแล้ว ตัวเขามักออกไปวิ่งในช่วงเช้าในมหาวิทยาลัยเจียงโจวไม่เคยขาด และยังเล่นโหนบาร์กับอีกหลากหลายอย่าง ทั้งหมดก็เพื่อความกระฉับกระเฉงของร่างกาย ไม่ได้คิดสร้างกล้ามเนื้อแต่อย่างใด
เพียงแต่ ปัจจุบันความคิดของอู๋ฝานเกิดเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ภายหลังเพิ่มเลเวลที่อีกโลกหนึ่ง สมรรถภาพร่างกาย ความแข็งแรง และคุณสมบัติทางกายภาพทั้งหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อู๋ฝานเองก็ต้องบริโภคอาหารให้เหมาะสมกับความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการหาสถานที่ที่เป็นมืออาชีพ มีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่เหมาะสม ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น
“ยิมอยู่ที่ไหนหรือครับ แล้วค่าใช้จ่ายเป็นยังไง?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
เมื่อเธอพบว่าอู๋ฝานเกิดความสนใจ ดวงตาของหญิงสาวจึงเกิดประกาย “ยิมของพวกเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ ระบบขนส่งใกล้เคียงก็สะดวกสบาย หากว่าสมัครสมาชิก หนึ่งปีราคา 3888 ส่วนสามปีราคา 10888 ถือว่าไม่แพงและเป็นราคาที่ยอมรับกันได้ค่ะ ถ้าหากว่ามีเวลา ขอเชิญไปรับชมดูก่อนได้ค่ะ”
อู๋ฝานคิดตาม แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
‘เยวี่ยต้ง’ ที่เป็นคลับฟิตเนสและว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลจริง อู๋ฝานจึงตามหญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปราวสิบนาที พร้อมได้พบว่ามันอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่ใช้พักอาศัยปัจจุบันมากนัก
ยิมแห่งนี้ใช้พื้นที่ค่อนข้างกว้าง สภาพแวดล้อมภายในค่อนข้างดี มีคนจำนวนหนึ่งกำลังออกกำลังกายอยู่ กล่าวคือ เป็นสภาพที่อู๋ฝานค่อนข้างพึงพอใจ
เพราะปัจจุบันยังมีเงินไม่มาก อู๋ฝานจึงสมัครสมาชิกรายหนึ่งปี
เพราะยังหาร้านที่เหมาะสมไม่ได้ อู๋ฝานจึงเริ่มเข้าไปออกกำลังกายแทน
“เถ้าแก่ ต้องการฝึกส่วนตัวไหมครับ?” อู๋ฝานที่เพิ่งเริ่มอุ่นร่างกาย ก็พบว่ามีโค้ชคนหนึ่งเดินเข้ามาสอบถาม
“ยังไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” อู๋ฝานปฏิเสธไป
ก่อนหน้านี้อู๋ฝานเคยได้ยินมา ว่าการฝึกส่วนตัวในแวดวงยิมและฟิตเนสค่อนข้างวุ่นวาย บางคนก็ได้เป็นครูฝึกส่วนตัวเพียงผ่านการฝึกฝนไม่กี่วัน ไม่ว่าจะความสามารถหรือคุณภาพแทบไม่ควรพูดถึง โดยสรุปแล้วนั้น วงการนี้ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร
“ถ้าหากไม่มีคนสอน ฝึกด้วยตัวเองโดยไม่ทราบ ไม่เพียงแต่จะทำให้ไม่อาจประสบผลสำเร็จในส่วนที่ต้องการ แต่อาจเป็นการทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บด้วยนะครับ” แม้อู๋ฝานจะปฏิเสธ แต่โค้ชก็ไม่คิดปล่อยผ่านโดยง่าย ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมอู๋ฝาน
คำแนะนำของเขาก็ไม่ใช่ว่าเกินจริงเลยเสียทีเดียว แต่อู๋ฝานไม่ซื้อ ดังนั้นจึงยังยืนกรานปฏิเสธ
โค้ชคนนั้นพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่สักพัก สุดท้ายพบเห็นอู๋ฝานไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย จึงต้องกลับไปด้วยความเสียดาย
อู๋ฝานไม่เคยได้ศึกษาเรื่องการฝึกอย่างมืออาชีพ เพียงแต่ด้วยค่าสถานะสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ตัวเขาจึงมีความสามารถในการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งขึ้น เพียงมองการฝึกของคนอื่นรอบด้าน เขาก็เรียนรู้ตามได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องจ้างโค้ชส่วนตัวเพิ่มแต่อย่างใด
จนครึ่งวันผ่านพ้น อู๋ฝานที่เหงื่อโทรมกายจากการออกกำลัง จึงไปอาบน้ำและออกไปโดยไม่รอให้เย็นย่ำ
ภายหลังกลับมาบ้าน อู๋ฝานจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประตูหน้าของมหาวิทยาลัยเจียงโจว
อู๋ฝานยังไม่ลืมคำเชิญชวนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
ตอนที่อู๋ฝานมาถึง หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็มาถึงก่อนแล้ว เธอยืนตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัย ร่างเพรียวบาง ประหนึ่งเซียนสาวผู้งดงาม นักศึกษาที่สัญจรผ่านไปมา ต่างต้องหันมองเธอโดยไม่รู้ตัวกันด้วยซ้ำ
“ขอโทษด้วยครับ ผมมาช้า” อู๋ฝานก้าวเดินเข้าไปกล่าวบอก
แท้จริงแล้ว อู๋ฝานไม่ได้มาสาย เพียงแต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มาก่อนเวลานัด
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองอู๋ฝานก่อนจะตอบรับ “ไปกัน”
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ออกไปเรียกแท็กซี่ ตอนนี้เองที่อู๋ฝานได้พบเห็นถึงอภิสิทธิ์ของสาวงาม ก่อนหน้านี้ที่เขาคิดเรียกแท็กซี่ กลับต้องรอคอยอยู่นาน แต่เพียงหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นคนออกไปเรียก เพียงไม่ช้าที่รถหยุด กลับไม่มีใครลุกขึ้นไปแย่งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ขึ้นโดยสารแม้สักคน
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าสาวงาม
“พวกเราจะไปที่ไหนกันครับ?” ที่ภายในรถ อู๋ฝานสำรวจมอง พบเห็นว่าคนขับลอบมองหลิ่วเหยียนเอ๋อโดยใช้กระจกมองหลังอยู่บ่อยครั้ง
“คัลเลอร์แมนค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบรับเสียงเย็น
“คัลเลอร์แมน?” อู๋ฝานเกิดประหลาดใจ หรือเขาจะมีดวงสมพงษ์กับร้านนี้กัน?
“ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับ “ไปพบคนคนหนึ่ง และทานอาหารค่ะ”
“แค่นั้นหรือครับ?” อู๋ฝานรู้สึกว่าเรื่องราวมันย่อมไม่ใช่มีแค่นั้น หากไม่แล้วด้วยตัวตนเช่นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เธอคงไม่เรียกเขาออกมาด้วย
“ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ “ถึงเวลา ก็เพียงทานไป เรื่องอื่นไม่ต้องกังวลค่ะ”
“ก็ได้ครับ” อู๋ฝานตอบรับ
แม้เชฟของคัลเลอร์แมนมีฝีมือด้อยกว่าตัวเขา แต่รสชาติก็ยังถือว่าดี วัตถุดิบก็หรูหา มีคนเลี้ยงอาหารมื้อหนึ่ง อู๋ฝานย่อมไม่คิดปฏิเสธ
เพียงแต่ในใจตอนนี้ อู๋ฝานยังคิดโดยตลอด ว่าเรื่องราวมันจะไม่ใช่ธรรมดาดังที่คิดอย่างแน่นอน
เพียงไม่ช้าแท็กซี่จึงมาถึงหน้าร้านคัลเลอร์แมน ภายใต้สายตาจับจ้องของคนขับที่แม้ไม่ยินดี แต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์กับอู๋ฝานก็ออกมาจากรถกันแล้ว
“ยินดีต้อนรับค่ะ!” สองสาวงามข้างประตูหน้าให้การต้อนรับ อู๋ฝานยังจดจำความประทับใจนี้ได้ดี
“ทั้งสองท่านได้จองไว้หรือไม่คะ?” บริกรเร่งรุดเข้ามาทำหน้าที่
“ค่ะ โถงกล้วยไม้หอม” หลิ่วเหยียนเอ๋อตอบ
“เรียนเชิญทางด้านนี้ค่ะ” บริกรนำคนทั้งสองมุ่งหน้าสู่ห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นสอง
ระหว่างทาง อู๋ฝานย่อมได้พบผู้จัดการหวง และผู้จัดการหวงย่อมพบเห็นอู๋ฝาน เปลือกตาของเขาถึงกับกระตุก เพียงแต่ไม่ได้พูดอะไร อย่างไรแล้วอู๋ฝานก็มาในฐานะลูกค้า และด้วยฐานะผู้จัดการ เขาไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องขับไล่ลูกค้า
“สวัสดีครับผู้จัดการหวง” อู๋ฝานกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณอู๋” ผู้จัดการหวงมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างตัวอู๋ฝาน ความประหลาดใจพลันฉายวาบผ่านทางสายตา “ข้างกายคุณอู๋นี่ ไม่เคยขาดหญิงงามเลยนะครับ”
ผู้จัดการหวงไม่เพียงชมความงามของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แต่ยังบอกเป็นนัยยะ ว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่พบเห็นอู๋ฝานมาที่นี่พร้อมกับหญิงงาม
แท้จริงแล้ว ผู้จัดการหวงย่อมรู้จักเกิ่งหย่าเฟย และทราบดีว่าอู๋ฝานกับเกิ่งหย่าเฟยไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งสิ้น สาเหตุที่พูดกล่าวคำเหล่านี้ออกไป ก็เพื่อเป็นการแกล้งอู๋ฝานในทางลับ