บทที่ 59 เจ้าตัวน้อย
บทที่ 59 เจ้าตัวน้อย
เมื่อใกล้เวลาเที่ยงคืน อู๋ฝานจึงใช้แหวนพิเศษทำการเทเลพอร์ตเข้าสู่อีกโลก
อู๋ฝานในปัจจุบันยังคงอยู่ในป่าใหญ่ ตลอดทั้งวันของเมื่อวานเขาใช้เวลาเข้าสู่ส่วนลึกของป่า ทว่า เพราะต้องรายงานตัวกับทางสำนักเทศมณฑล อู๋ฝานจึงไม่มีเวลาให้อยู่ในป่าต่อได้นาน หากว่าต้องการสำรวจป่าปริศนาแห่งนี้จนครบสมบูรณ์ ก็มีแต่ต้องรอคอยโอกาสภายหน้า
อู๋ฝานจึงต้องเริ่มที่จะเดินทางกลับ
ยิ่งเข้าไปในป่าใหญ่ลึกเพียงใด ความหนาแน่นของพืชพรรณก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ต้นไม้รอบด้านจะยิ่งสูงและใหญ่ ปกคลุมบดบังฟากฟ้าและแสงแดด วัชพืชมากมายปกคลุมพื้นดิน ทำให้ยากที่จะแยกแยะทิศทาง อู๋ฝานที่ไม่มีเข็มทิศ แต่โชคดีที่การเดินทางเข้าป่าเมื่อวานนี้ เขาได้ทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้บนต้นไม้ระหว่างทาง เพื่อไม่ให้หลงทางในป่า
เพราะวันนี้ต้องเร่งรีบเดินทางออกไป และยังต้องตัดไม้อีก ดังนั้นยามอู๋ฝานพบเห็นสัตว์ป่าระหว่างทาง เขาจึงไม่คิดเข้าไปข้องแวะกับพวกมันเหมือนดังเมื่อวาน
ทว่าอู๋ฝานก็พบว่ามีเรื่องหนึ่งที่แปลก นั่นคือป่าที่อยู่ตรงหน้าของหมู่บ้าน มันปรากฏสัตว์ป่าที่ติดเชื้อจากพลังงานอสูร สัตว์ป่าเหล่านั้นจึงกลายเป็นมอนสเตอร์ดุร้ายและกระหายเลือด
แต่แล้ว ภายในป่าที่อยู่ด้านหลังของภูเขา ทั้งหมดที่เขาได้พบเจอคือสัตว์ป่า ไม่มีมอนสเตอร์ แม้ว่าสัตว์ป่าเหล่านี้อันตรายสำหรับคนธรรมดาไปบ้าง แต่ก็อ่อนโยนกว่ามอนสเตอร์อยู่หลายเท่า
“หรือเป็นไปได้ว่าที่นี่จะเป็นแดนสวรรค์ประเภทหนึ่ง” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตนเองพลางเดินไปเรื่อย ๆ
อันที่จริง เขาก็ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง อู๋ฝานมองว่าป่าตรงหน้าหมู่บ้าน มันคือสถานที่สำหรับ ‘ผู้เล่น’ ใช้เพื่อเพิ่มเลเวล ดังนั้นจึงปรากฏสัตว์ป่าและมอนสเตอร์ พื้นที่ป่าก็ไม่ได้ มากพอให้ ‘ผู้เล่น’ ใช้สำหรับการเพิ่มเลเวลในช่วงเริ่มต้น ขณะที่ที่นี่มันคือพื้นที่ถูกทิ้งร้าง สงวนเอาไว้เป็นของหมู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่มีข้อกำหนดให้ต้องมีมอนสเตอร์อยู่ที่นี่
แน่นอนว่า มันก็เป็นเพียงสิ่งที่อู๋ฝานคาดเดา
“ปึก!”
ขณะอู๋ฝานกำลังเร่งเดินทาง อะไรบางอย่างก็เข้ามากระแทกศีรษะของเขาอย่างกะทันหัน เมื่อหันกลับมอง พบว่ามีสัตว์ตัวสีขาวราวหิมะอยู่บนกิ่งไม้ มันคำรามร้องใส่ และในมือของมันก็มีผลไม้ป่าที่ไม่ทราบว่าคืออะไรอยู่
สัตว์ป่าตัวนี้คล้ายแมวหรือไม่ก็สุนัขจิ้งจอก ขนของมันเป็นสีขาวยิ่งกว่าหิมะ ไม่มีสีอื่นเจือปน ยามอู๋ฝานมองไป มันไม่ได้ขี้กลัวหรือเขินอายจนหลบหน้า แต่มองอู๋ฝานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่ผลไม้ป่าในมือของมันจะขว้างโยนเข้าหาอู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าอะไรก็ตามที่กระแทกใส่อู๋ฝานเมื่อครู่ มันถูกโยนมาโดยเจ้าตัวน้อยตรงหน้า
“เจ้าตัวน้อย จะไปไหนก็รีบไป” อู๋ฝานบอกกับเจ้าตัวน้อย “โชคดีนะที่วันนี้ฉันมีเรื่องต้องทำ ไม่งั้นคงได้ตายด้วยกระบี่ของฉันเหมือนเพื่อนบ้านของแกแล้ว”
สิ้นคำของอู๋ฝาน เขาจึงคิดหลบเลี่ยงผลไม้ป่าที่ถูกโยนใส่ อย่างไรแล้วความเร็วของผลไม้ป่าที่ขว้างมาก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่แล้วขณะอู๋ฝานกำลังจะหลบ เกิดตระหนักได้ว่าความเร็วของผลไม้ป่ามันเกินกว่าที่คาดคิดจนเกินไป ตัวเขาจึงไม่อาจหลบ สุดท้ายผลไม้ป่าดังกล่าวก็กระทบศีรษะเข้าอีกครั้ง
อู๋ฝานบังเกิดความประหลาดใจขึ้นมา เพียงแต่ไม่คิดจริงจัง แม้ว่าเจ็บไปบ้าง แต่สิ่งที่กระแทกใส่ก็เป็นผลไม้ ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงแต่อย่างใด
เจ้าตัวน้อยดังกล่าวพบเห็นอู๋ฝานโดนเล่นงานอีกครั้ง มันที่ยืนบนกิ่งไม้ด้วยสองขาหลัง สองขาหน้าที่ยกขึ้นกำลังตบหน้าอกชอบใจ พร้อมกับรอยยิ้มหยามเหยียดยิ่งกว่าเดิมบนใบหน้า
เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยกำลังหัวเราะเยาะอู๋ฝาน
พบเห็นดังนี้ อู๋ฝานจึงก้มตัวลงเก็บผลไม้ป่าขึ้นมาจากพื้น ก่อนที่จะโยนมันเข้าใส่เจ้าตัวน้อย
เรื่องราวเกินคาดคิด แม้ว่าเจ้าตัวน้อยกำลังหัวเราะใส่อู๋ฝาน การตอบสนองของมันหาได้เชื่องช้าไม่ เรียกได้ว่าเคลื่อนที่อย่างว่องไว มันกระโดดข้ามไปยังกิ่งไม้อีกกิ่ง ถัดจากนั้นจึงหัวเราะเยาะอู๋ฝานต่อ
“เจ้าตัวน้อยนี่ เคลื่อนที่เร็วชะมัด” อู๋ฝานที่แม้โจมตีกลับไม่โดนก็ไม่ใส่ใจ เขาก็เพียงต้องการเตือนเจ้าตัวน้อยและขับไล่มันไป
อู๋ฝานไม่คิดสังหารสัตว์ป่าในที่นี้ เพราะเขายังต้องไปตัดไม้ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าตัวน้อยก็ยังยืนอยู่บนกิ่งไม้ อู๋ฝานไม่มีทักษะการโจมตีระยะไกล ดังนั้นจึงไม่อาจทำอะไรมันได้
ภายหลังบอกเตือนเจ้าตัวน้อย อู๋ฝานจึงหันกลับเดินทางต่อไป
เดิมอู๋ฝานคิดว่าภายหลังได้รับคำเตือนว่าเจ้าตัวน้อยจะจากไป หาได้นึกคิดไม่ว่าเพียงสองก้าว ศีรษะเขาพลันต้องถูกเล่นงานอีกครั้งหนึ่ง และไม่ต้องสืบหาตัวคนร้าย ก็ทราบได้ว่าเป็นเจ้าตัวน้อยตัวเดิม
แน่นอนว่า ทันทีที่อู๋ฝานหันกลับมอง จึงได้พบว่าเจ้าตัวน้อยไม่ได้อยู่บนต้นไม้ต้นเดิม แต่อยู่บนต้นไม้ที่ใกล้กับตัวเขาเองที่สุด ทั้งยังมองมายังอู๋ฝานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาจึงเก็บผลไม้ป่าขึ้นมา และโยนมันเข้าหาอีกฝ่าย
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังไม่โดนอยู่ดี
อู๋ฝานเกิดหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรอื่นไม่ได้ มีแต่ต้องหันกลับและเดินจากไปต่อ โดยเมินเฉยต่อเจ้าตัวน้อย
เพียงแต่เจ้าตัวน้อยราวกับคิดอยากสู้กับอู๋ฝาน ไม่ว่าอู๋ฝานไปที่ใด มันจะตามติด อีกทั้งยังไม่ใช่ตามติดธรรมดา แต่ยังคอยโจมตีอู๋ฝานด้วยผลไม้ป่า กล่าวว่าเป็นการโจมตีก็อาจไม่ถูกต้องนัก เพราะผลไม้ป่าไม่ได้ทำอันตรายใด หากจะกล่าวให้ถูกต้อง ก็คงเป็นการก่อกวน
อู๋ฝานไม่ทราบว่ามันไปหาผลไม้ป่ามาจากที่ใดเยอะแยะ และเอาไปซ่อนไว้ที่ใด เพราะอะไรร่างเล็กจ้อยแค่นั้นถึงมีผลไม้ป่าเยอะแยะได้
“ต้องการอะไรกันเนี่ย?” อู๋ฝานหันกลับ พร้อมกับมองเจ้าตัวน้อยด้วยความอับจนพลางถาม
อู๋ฝานตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ ไล่มันไปก็ไม่ได้ โจมตีใส่มันก็ไม่ได้ ความเร็วของเขาไม่อาจเทียบกับมัน ต่อให้เขาวิ่งเต็มแรง ก็ไม่มีทางหลบหนีการไล่ตามของมันได้อยู่ดี
อู๋ฝานตอนนี้จึงเหมือนดังเนื้อขึ้นเขียง ที่กำลังรอการชำแหละ
พบเห็นอู๋ฝานหยุดเท้าอีกครั้ง เจ้าตัวน้อยมองมา มันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง สองขาหน้าตบกันไปมา สีหน้ายิ้มแย้มราวกับมนุษย์ คล้ายว่ามันกำลังละเล่นอะไรบางอย่างที่ทั้งสนุกและชอบอกชอบใจ
“หยุดเล่นกับฉันจะได้ไหม?” อู๋ฝานร้องขอ แม้ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม
เจ้าตัวน้อยราวกับเข้าใจ มันเอียงศีรษะมองยังอู๋ฝาน ก่อนที่ผลไม้ป่าอีกหนึ่งผลจะถูกขว้างเข้าหาอู๋ฝาน
ความหมายนั้นชัดเจนว่า ไม่!
อู๋ฝานอับจนไร้ทางเลือก ทำได้เพียงหันกลับและวิ่งหนีไป
แน่นอนว่า เจ้าตัวน้อยไม่คิดปล่อยเขาไปโดยง่าย ผลไม้ป่าที่พุ่งเข้าหาเขาเป็นประหนึ่งเม็ดฝนร่วงหล่น ทั้งยังโดนทุกผล
แม้ว่าผลไม้ป่าไม่ได้นับว่าเป็นภัยคุกคามอันตราย แต่โดนโยนใส่ย่อมต้องเกิดความรู้สึกเจ็บ อู๋ฝานยังได้พบว่าตามตัวหลายตำแหน่งเป็นรอยแดง
แม้แบบนั้น อู๋ฝานก็ไร้ซึ่งทางเลือกอื่นใด มีแต่ต้องหลบหนี เจ้าตัวน้อยก็เคลื่อนที่ได้รวดเร็ว ต่อให้อยากจับตัวมัน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบัน มันเป็นไปแทบไม่ได้ ส่วนขู่ให้กลัว อู๋ฝานลองเรียบร้อยแล้ว มันไม่ได้ผล
ดังนั้น อู๋ฝานจึงเหลือเพียงแต่ต้องวิ่งหนี