บทที่ 89 ความแตก
บทที่ 89 ความแตก
“ใครว่าพวกเรามาหาเรื่องกัน? ก็เห็นชัดว่าอาหารที่นี่มันห่วยแตก!” พี่หนิวตะโกนเสียงดังใส่อู๋ฝาน
แม้ว่าพวกเขามาเพื่อหาเรื่องจริง แต่มันก็ต้องมีต้นสายปลายเหตุ จะให้มาหาเรื่องโดยไม่มีต้นเหตุก็ไม่ได้จริงไหม?
“ห่วยแตกแต่ก็ยังกินเข้าไปขนาดนั้นเนี่ยนะ? จะมีคนกันกินไปได้เป็นพันหยวน?” อู๋ฝานตอบกลับ
กลุ่มวัยรุ่นเกิดอับอายขึ้นมา ทว่าก็โกรธด้วยเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้
แต่ว่า บาร์บีคิวของร้านนี้มันอร่อยเกินต้านทานได้จริง
“วัตถุดิบที่นี่มันของเสีย!”
“ใช่แล้ว ตอนที่กินไปเมื่อกี้ ได้กลิ่นประหลาดชัดขนาดนั้น!”
“เมื่อกี้ฉันยังเผลอกินแมลงวันไปด้วยซ้ำ สกปรกเกินจะทน!”
กลุ่มวัยรุ่นเริ่มต่อว่าอู๋ฝานกันขึ้นมาทีละคน
“ของเสีย แต่ก็ยังกินกันเข้าไปเยอะขนาดนั้นเนี่ยนะ? กลิ่นแปลก แต่ก็ยังกินต่อไปจนหมด? สกปรก แต่ก็ยังกินกันหน้าชื่นบานขนาดนั้น?” อู๋ฝานถามกลับ
“หุบปากได้แล้ว! จ่ายเงินค่าเสียหายมา ถ้าไม่งั้นพวกเราจะพังร้านนี้ให้เละ!” พี่หนิวตะคอกตอบกลับ
เดิมนั้น ตามแผนการที่พวกเขาตกลงกันเอาไว้ เพียงทานเข้าไปคำสองคำแรก ก็ต้องออกอาการโกรธกันขึ้นมา ถัดจากนั้นจึงเป็นการเล่นใหญ่ และหาข้อตำหนิพูดออกไป แต่เพราะเมื่อครู่นี้พวกเขาทานเข้าไปเยอะเกิน สาเหตุที่หยิบยกขึ้นมาตอนนี้จึงยิ่งดูเลื่อนลอย
“ก็แค่มาหาเรื่องนั่นแหละนะ” อู๋ฝานตอบกลับ
“นายจะคิดยังไงก็แล้วแต่ ที่รู้คือต้องจ่ายค่าเสียหายให้พวกเรา!” พี่หนิวไม่คิดปิดซ่อนเจตนาอีกต่อไป เพราะมันไม่อาจปิดซ่อนได้อีก
“แล้วถ้าผมไม่จ่ายล่ะ?” อู๋ฝานตอบกลับ ท่าทีและสีหน้าไม่มีแม้ร่องรอยของความแตกตื่นหรือตกใจ
“ไม่จ่าย? งั้นก็บอกลาร้านนี้ได้เลย! ถ้าเมื่อไหร่ผ่านมาแล้วยังเห็นหน้าแกอีก เมื่อนั้นพวกเราจะทุบให้เละ อย่านึกฝันว่าจะทำการค้าที่นี่ได้อีก!” พี่หนิวตอบกลับ
“ใครใช้ให้พวกนายมากัน?” อู๋ฝานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คนเหล่านี้ดูแล้วไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกพบ หากว่าพวกเขามาเรียกเก็บค่าคุ้มครอง อย่างนั้นทุกร้านข้างเคียงก็ต้องโดนด้วยเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์คือต้องโดนกันถ้วนหน้า แต่ตอนที่คนกลุ่มนี้ปรากฏตัว กลับมุ่งตรงมายังร้านเป้าหมายไม่แวะร้านอื่น หมายความถึงมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน และเขาก็ไม่รู้จักคนกลุ่มนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีความแค้นหรือเป็นศัตรูกันแต่อย่างใด ที่เห็นได้ชัดคือมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเรื่องราวนี้
พี่หนิวไม่คาดคิดว่าอู๋ฝานจะเปลี่ยนหัวข้อถามตรงประเด็นอย่างกะทันหัน สายตาจึงหันมองเหล่าเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวข้างเคียงที่ยืนรับชมด้วยความตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะตระหนักได้เร็วและหันสายตากลับมา แต่การกระทำนั้นไม่มีทางที่อู๋ฝานจะมองข้าม ทำให้ทราบโดยทันทีว่าเป็นฝีมือของบรรดาเถ้าแก่ร้านอื่น
“หน้าโง่ หน้าโง่!”
“ไอ้พวกไร้หัวสมองนี่ หมูในคอกยังฉลาดกว่าพวกมัน!”
“ไม่รู้เลยว่าเมื่อกี้เถ้าแก่ร้านนั้นเห็นไหม ถ้าเห็นเข้า คงไม่ใช่รู้แล้วหรอกนะว่าพวกเราอยู่เบื้องหลังเรื่องราวน่ะ?”
“เห็นแล้วยังไง? ที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย แต่เป็นสังคม ใช้อุบายอะไรกันบ้างก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือยังไง?”
กลุ่มเถ้าแก่แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำและท่าทีของพี่หนิวอย่างเด่นชัด ทว่าพวกเขาไม่คิดกังวลว่าอู๋ฝานจะทราบเรื่องตนเองอยู่เบื้องหลัง เพราะในสายตาของพวกเขา ต่อให้อู๋ฝานทราบ พวกเขาก็ไม่ยอมรับ สำหรับพวกเขาแล้วอู๋ฝานก็แค่คนหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาค้าขายในตลาด อาจมีความสามารถอยู่บ้าง แต่หากว่ามีความสามารถยิ่งใหญ่จริง ก็คงไม่เข้ามายังตลาดแห่งนี้ ที่ทำได้เพียงแค่ตั้งแผงลอยค้าขาย
อู๋ฝานย่อมได้เห็นว่าเถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวข้างเคียงกำลังรับชมด้วยอาการตื่นเต้นจนตัวสั่น และด้วยสายตาของชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าที่ลอบมองไป จึงคาดเดาได้ถึงตัวตนผู้บงการเรื่องราว ว่าเถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวเหล่านั้นเป็นคนจ้างวานมา
เดิมนั้น เป็นเพราะเมื่อช่วงกลางวันได้รับคำเตือนจากหวังจื่อหมิง อู๋ฝานจึงคิดว่าคนกลุ่มนี้เป็นข่งไห่หลินส่งมา แต่ตอนนี้คล้ายว่าจะไม่ใช่เช่นที่เคยคิด
อย่างไรแล้ว อู๋ฝานก็ไม่คิดประหลาดใจที่พบว่ากลุ่มคนเบื้องหลังเรื่องราวเป็นบรรดาเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิว ในเมื่อกิจการของเขาเติบโต กิจการของคนอื่นก็ต้องโดนผลกระทบ เถ้าแก่ร้านแผงลอยเหล่านั้น เมื่อคืนที่ผ่านมาก็สร้างปัญหาไปแล้วครั้งหนึ่ง แสดงความเป็นปฏิปักษ์อย่างเด่นชัด ขณะนี้ไปจ้างวานคนอื่นมาสร้างปัญหาให้กระทบกิจการ จึงไม่ใช่เรื่องราวชวนประหลาดใจแต่อย่างใด
“ไม่มีใครจ้างพวกเรามาทั้งนั้น” พี่หนิวไม่ทราบว่าการกระทำของตนเองเมื่อครู่ ได้เป็นการเปิดเผยกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงยังพยายามข่มขู่อู๋ฝาน “จะจ่ายหรือว่าไม่จ่าย?”
“จ่ายงั้นหรอ? ไม่มีทาง” อู๋ฝานส่ายศีรษะตอบกลับ “ถ้าหากว่าอาหารของร้านผมมีอะไรผิดปกติจริง ผมก็ยินดีจ่ายค่าเสียหาย แต่หากว่าเป็นการจงใจหาเรื่อง ก็คงต้องบอกว่าทำไม่สำเร็จหรอกนะครับ”
“พี่หนิว มัวพูดกับมันจะได้อะไรขึ้นมา ถ้ามันไม่ยอมจ่าย พวกเราก็แค่เล่นมันให้เละ”
“จริงด้วยพี่หนิว ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็เล่นแม่งตรง ๆ นี่แหละ”
“มันไม่คิดเห็นแก่หน้าพวกเราเลยสักนิด ไม่ไว้หน้าพี่หนิวเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นวันนี้จะต้องสั่งสอนบทเรียน!”
กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ด้านหลังพี่หนิวต่างเตรียมพร้อม สายตาจ้องมองอู๋ฝานด้วยเจตนาร้าย เป็นการพร้อมลงมือในทุกเมื่อ
“นั่นพวกคุณจะทำอะไร? ระวังเอาไว้ด้วย พวกเราจะโทรแจ้งตำรวจมาเคลียร์!”
“ใช่แล้ว วัตถุดิบของอาจารย์อู๋ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้นแหละ ก็แค่ตั้งใจมาหาเรื่องกันชัด ๆ!”
“กล้าดียังไงมากลั่นแกล้งอาจารย์มหาวิทยาลัยเจียงโจวของพวกเรา ความกล้าสูงเทียมฟ้าดีเหลือเกิน!”
อู๋ฝานยังไม่ทันพูดอะไรตอบ กลุ่มนักศึกษาที่อยู่ข้างเคียงก็อดรนทนไม่ได้กันเสียแทนแล้ว!
ดังที่ทราบว่า อู๋ฝานนอกจากจะเป็นเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวแล้ว ยังเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว ทั้งยังเป็นอาจารย์ที่รู้จักกันดีไปเรียบร้อยแล้ว หากว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยของพวกเขาโดนกลั่นแกล้ง ก็หมายความถึงไม่เห็นมหาวิทยาลัยเจียงโจวในสายตา ในความเห็นของพวกเขา มันเทียบเท่าการตบหน้ามหาวิทยาลัยเจียงโจว ไม่แปลกหากว่านักศึกษาเหล่านี้ไม่อาจทนต่อได้ไหว
กลุ่มวัยรุ่นที่กระเหี้ยนกระหือรือเมื่อครู่ ขณะนี้พบเห็นเรื่องราวแปรเปลี่ยน พวกเขาถึงกับชะงัก
สถานการณ์เช่นตอนนี้คืออะไร? อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว? อาจารย์คนหนึ่งจะมาตั้งแผงลอยขายบาร์บีคิวทำไม? เป็นอาจารย์สอนไม่ดีพออย่างนั้นเหรอ? อีกทั้ง ก่อนพวกเขาจะมา กลุ่มคนจ้างวานไม่ได้บอกแม้สักนิด ว่าอู๋ฝานมีเบื้องหลังเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว
ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กระทั่งกลุ่มนักเลงเช่นพวกเขาย่อมต้องเคยได้ยิน ดังนั้นจึงทราบดีว่ามหาวิทยาลัยเจียงโจวมีสถานะอย่างไร หากพวกเขาเล่นงานอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว ผลที่ตามมาจะร้ายแรงเสียยิ่งกว่าการกลั่นแกล้งเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวทุกคนเสียด้วยซ้ำ
คิดได้ดังนั้น พี่หนิวจึงหันกลับจับจ้องยังกลุ่มเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังอีกครั้งหนึ่ง ราวคิดจะติดต่อสื่อสารพูดคุย ว่าพวกเขาควรทำอย่างไรต่อ ควรไปต่อ หรือว่าควรพอแค่นี้
ก่อนหน้านี้บรรดาเถ้าแก่ร้านไม่นึกคิด ว่าอู๋ฝานจะมีสถานะตัวตนเช่นนี้มาก่อน เพียงแต่ในเมื่อตัวตนถูกเปิดเผยแล้ว เรื่องราวนี้ก็มีแต่ต้องดำเนินไป อย่างไรแล้วพวกเขาก็ไม่ใช่ผู้กระทำความผิดด้วยตัวเอง หากว่าพี่หนิวและกลุ่มคนถูกจับกุมตัวไป ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่จ่ายเงินค่าตอบแทนให้พวกเขามากขึ้นก็พอ
ดังนั้น บรรดาเถ้าแก่ร้านที่ลังเลกันไปชั่วครู่ จึงส่งสัญญาณให้พี่หนิวลงมือต่อ เป็นการบ่งบอกว่าจะจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มให้
ด้วยการตอบรับจากบรรดาเถ้าแก่ พี่หนิวจึงเกิดวางใจ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเจียงโจวแล้วยังไง? พวกเขาพร้อมจะสู้ด้วย ร้านแผงลอยนี้ต้องถล่มให้เละ! อย่างเลวร้ายที่สุด ก็เพียงเข้าห้องขังสักหลายวัน มันไม่ใช่สถานการณ์แปลกใหม่สำหรับพวกเขา ขอเพียงบรรดาเถ้าแก่ยินดีจ่ายเพิ่มก็เพียงพอ
มันถือเป็นข้อตกลงอันคุ้มค่า!