บทที่ 94 ชนะอย่างง่ายดาย
บทที่ 94 ชนะอย่างง่ายดาย
สาเหตุที่โจวซานแต่งตั้งอู๋ฝานเป็นหัวหน้าหน่วยชั่วคราว ไม่ใช่ชายร่างใหญ่
หนึ่งเป็นเพราะอุปกรณ์สวมใส่ของอู๋ฝาน ส่วนอื่นเขาไม่ได้ดูแต่อย่างใด เพียงแค่กระบี่เล่มยาว ชุดเกราะและเกราะโซ่ ก็มากพอให้เขาได้ตระหนักแล้วว่าไม่ใช่ธรรมดา อย่างน้อยหัวหน้าเช่นเขาก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอใส่พวกมัน ทว่าอู๋ฝานที่มาจากชนบทไกลออกไปกลับมี เป็นการแสดงให้เห็น ว่าอู๋ฝานไม่ใช่ธรรมดา ส่วนว่าตัวอู๋ฝานเองไม่ธรรมดาหรือไม่ หรือว่าเป็นบุคคลเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา แต่ไม่ว่าด้วยอะไร อู๋ฝานก็มีความแตกต่างไปจากชาวบ้านคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่โจวซานรู้สึกคือลมหายใจของอู๋ฝาน มันแตกต่างไปจากคนธรรมดา มันมั่นคงและสงบกว่าคนอื่น ราวกับมีจังหวะและท่วงทำนองระหว่างการหายใจ มันเป็นสิ่งที่ทำให้อู๋ฝานอยู่ในสภาพความพร้อมสูงสุด
ส่วนประเด็นสุดท้าย ตัวโจวซานเองไม่อาจอธิบายให้กระจ่างชัดได้ นั่นคือภายหลังได้พบอู๋ฝาน เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดและเกิดความเชื่อใจ ราวกับในสายตาของเขา มันเกิดความเอ็นดูอู๋ฝานมากกว่าคนอื่น
ด้วยเหตุผลเหล่านั้นจึงเป็นสาเหตุ ให้โจวซานแต่งตั้งอู๋ฝานเป็นหัวหน้าหน่วยชั่วคราว ไม่ใช่ชายร่างใหญ่ที่ดูแข็งแกร่งกว่าอู๋ฝานแต่อย่างใด
“ผมถอดหมวกเกราะ ชุดเกราะ เกราะโซ่ แล้วก็กระบี่ยาวแล้วกัน” อู๋ฝานมองชายร่างใหญ่พลางเอ่ยคำ
“ต่อให้ใส่พวกมันเอาไว้ เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!” ชายร่างใหญ่ตอบ
เพียงแต่ แม้ชายร่างใหญ่พูดแบบนั้น แต่ในใจเขานึกโล่งอก แม้ว่าตัวเขาไม่ได้เก่งกาจเท่าโจวซาน แต่ก็มากพอทราบว่าของที่อู๋ฝานสวมใส่ไม่ใช่ของธรรมดา เพียงสวมใส่พวกมันเอาไว้ การที่เขาคิดจะเอาชนะอู๋ฝานดังต้องการก็เป็นเรื่องยากเข็ญแล้ว
“งั้นเหรอ? อย่าเอาแต่พูด เข้ามาลอง” อู๋ฝานตอบกลับ
แท้จริงแล้ว อู๋ฝานไม่ได้ปลดอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมดออกจากร่างกาย เขายังสวมใส่สายรัดข้อมือและกางเกงเอาไว้กับตัว เพียงแต่ของทั้งสอง กระทั่งโจวซานยังไม่คิดว่าจะส่งผลอะไรได้ นับประสาอะไรกับชายร่างใหญ่ และหากขอให้อู๋ฝานต้องถอดกางเกงต่อหน้าผู้คนเพื่อแข่งขันนับว่าเป็นเรื่องราวใด? มันออกจะเป็นคำขอที่มากเกินไป
กางเกงและสายรัดข้อมือของอู๋ฝาน มันดูปกติธรรมดา ราวกับอู๋ชวนลี่ไม่มีแนวคิดความเป็นแฟชั่นใดเอาไว้ทั้งสิ้น ถึงขนาดว่าโจวซานก็ไม่พบเห็นว่าของทั้งสองสิ่งดูพิเศษ เพียงแค่สายรัดข้อมือและกางเกงธรรมดา ไม่น่ามีอะไรที่จะช่วยสร้างความแตกต่างได้
แน่นอนว่า รองเท้าเมฆาล่องก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่มีใครพบเห็นความพิเศษ และคงไม่มีใครท้าอู๋ฝานสู้ขนาดต้องเหลือแต่เท้าเปล่า
“เริ่มแล้ว ระวังเอาไว้เสีย!” ชายร่างใหญ่ยังคงมีความเป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่คิดลอบกัดอู๋ฝาน ก่อนจะเริ่มการโจมตี ยังย้ำเตือนอู๋ฝานให้ทราบ จึงทำให้อู๋ฝานที่แอบเหลืออุปกรณ์สวมใส่สองสามชิ้นเอาไว้กับตัว เกิดเป็นความรู้สึกนึกละอายขึ้นมา
เพียงแต่ว่าเพื่อประโยชน์ของการได้เป็นหัวหน้าหน่วย และเพื่อรักษาความลับจากการถูกพบเห็น อู๋ฝานมองว่าทางฝั่งตนเองควรเลือกความปลอดภัย ต้องไม่หย่อนความระวัง ต้องไม่แพ้อีกฝ่าย หาไม่จะกลายเป็นตัวตลกให้รับชม
ชายร่างใหญ่เก่งกาจจริง ร่างนั้นพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน ฝีเท้ามั่นคง ทั้งกายเคลื่อนประหนึ่งเขาไท่ซานสะกดทับลงจากด้านบน หากเป็นผู้คนธรรมดาพบเห็นสภาวะนี้ พวกเขาอาจถึงขั้นต้องหดหัวก่อนจะเริ่มต่อสู้เสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่อู๋ฝานไม่ใช่คนธรรมดา เขาทั้งเคยฆ่าสัตว์ มอนสเตอร์ รวมถึงโจรปล้นชิง เรียกได้ว่าผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ยามเผชิญหน้าการโจมตีจากชายร่างใหญ่ อู๋ฝานไม่คิดแตกตื่นหรือตกใจแม้แต่น้อย
อู๋ฝานไม่เลือกหลบ แม้ว่าคิดอยากหลบเลี่ยงก็ทำได้ เขาเชื่อมั่นในความว่องไวของตนเอง ว่านับตั้งแต่เริ่มจนถึงจบลงชายร่างใหญ่จะไม่อาจแตะแม้ชายเสื้อ นับประสาอะไรกับการทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
เพียงแต่ในการประลองแข่งขัน อู๋ฝานคิดอยากเสริมสร้างฐานชื่อเสียงของตนเองขึ้น มันต้องไม่ใช่ชัยชนะธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเพียงเอาชนะ แต่ต้องเป็นชัยชนะอันงดงามในความเห็นของคนอื่น
พบเห็นอู๋ฝานไม่หลบเลี่ยง ชายร่างใหญ่แค่นเสียงอยู่ภายใน เขามองว่าอู๋ฝานถือดีจนเกินไป หากว่าเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่คิดเกรงใจที่จะสั่งสอนบทเรียนอันยากลืมเลือนแก่อีกฝ่าย
หมัดของชายร่างใหญ่ กรีดผ่านอากาศเกิดสายลมแรง เข้าปะทะกับหน้าอกของอู๋ฝาน ผู้คนรอบด้านราวกับได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหมัดนี้ จนถึงขนาดต้องอุทานร้องออกมา ราวกับว่าสิ่งที่จะเห็นถัดจากนี้ คือการที่อู๋ฝานล้มลงหมดสติเพียงเพราะหมัดดังกล่าว
เพียงแต่ความจริงกลับทำพวกเขาต้องผิดหวัง แน่นอนว่า นอกจากความผิดหวังแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยความตื่นตกใจ
ตอนที่หมัดใกล้ปะทะเข้ากับหน้าอกของอู๋ฝาน สิ่งที่ได้เห็นคืออู๋ฝานยื่นมือขวาออกมา มันราวกับเชื่องช้า ทว่ามันมาจากทางด้านหลัง ทั้งยังสกัดรับการโจมตีอันดุดันของชายร่างใหญ่โดยง่ายดาย
ตึง!
หมัดของชายร่างใหญ่ปะทะกับฝ่ามือของอู๋ฝาน ถัดมา จึงเป็นคราวที่ทุกคนตื่นตระหนกตกใจ ที่ได้พบว่าผู้ซึ่งต้องถอยกลับไม่ใช่อู๋ฝานที่ดูอ่อนแอ แต่เป็นชายร่างใหญ่ที่ดูแข็งแกร่ง
สิ่งที่ได้เห็นจากชายร่างใหญ่ คือการที่เท้าก้าวถอยไปราวห้าถึงหกเมตร กระทั่งทรงตัวยังทำได้ยาก สายตาตื่นตระหนกตกใจ กระทั่งเกิดเป็นความหวาดกลัวมองยังอู๋ฝาน บรรดาผู้ที่อยู่ใกล้มากพอ ย่อมได้เห็นว่าแขนของชายร่างใหญ่กำลังสั่นเทาไม่หยุด กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็เริ่มกระตุกสั่นไปมาเช่นเดียวกัน
พละกำลังน่าเกรงขาม!
“เข้ามา!” อู๋ฝานบอกชายร่างใหญ่พร้อมกวักมือเรียก
“อา!” แม้ว่าชายร่างใหญ่ตื่นตระหนกไปกับพละกำลังอันน่าเกรงขามของอู๋ฝาน แม้แบบนั้นเขาก็ยังคำรามออกด้วยโทสะเพราะถูกยั่วยุ ร่างพุ่งตรงเข้าหาอู๋ฝานอีกครั้งคราหนึ่ง ครั้งนี้สภาวะพลังของเขาดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้า ประหนึ่งเสือร้ายที่ลงจากภูเขาอย่างอาจหาญ
อู๋ฝานยังคงยืนนิ่งด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไม่ทั้งหลบเลี่ยงหรือคิดหลบเลยด้วยซ้ำ ขณะหมัดของชายร่างใหญ่เหวี่ยงเข้าหาอีกครั้งหนึ่ง มือขวาของเขายื่นออกไปอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการต้านรับการโจมตีของชายร่างใหญ่ แต่เป็นการคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ถัดจากนั้นจึงก้าวเท้ารุดหน้า พลิกฝ่ามือซ้ายของตนเข้าพยุงหน้าท้องของอีกฝ่าย สุดท้ายจึงส่งเสียงตะโกนดังเล็กน้อย ก่อนจะยกทั้งร่างของชายร่างใหญ่ภายใต้สายตาอันตื่นตะลึงของผู้คน
เมื่อสองเท้าลอยเหนือพื้น ชายร่างใหญ่อดไม่ได้ที่จะต้องตื่นตระหนก พยายามดิ้นรน หาทางหลุดพ้นจากการครอบงำของอู๋ฝาน แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนรุนแรงขนาดไหน ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นจากเงื้อมมือของอู๋ฝาน โดยอู๋ฝานยกตัวคู่ต่อสู้ขึ้นและหันไปอีกด้านหนึ่ง ก่อนจะออกแรงโยนจนชายร่างใหญ่ส่งเสียงกรีดร้อง ร่างลอยลิ่วไปนับสิบเมตรกลางอากาศ สุดท้ายร่างร่วงหล่นอย่างรุนแรง จนฝุ่นบนพื้นถึงกับตลบม้วนตัว
ฝูงชนเงียบ ทั้งกองพันเงียบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียง เพราะยามที่ร่างนั้นร่วงหล่นลงกับพื้น ก็ถือได้ว่าเป็นสภาพเกินกว่าจะต่อสู้ต่อได้แล้ว บรรดาผู้ชมจึงมองอู๋ฝานด้วยความหวาดกลัว กระทั่งนึกสงสัยว่าเหตุใด ร่างที่ผอมบางเช่นนั้นกลับมีเรี่ยวแรงมหาศาลเพียงนี้ได้
น้ำหนักของชายร่างใหญ่ที่น่าจะเกือบสองร้อยจิน* กลับสามารถถูกยกขึ้นโดยง่ายดาย กระทั่งขว้างโยนออกไปไกลห่าง อาศัยเพียงแค่เรี่ยวแรงก็ชวนสะพรึงมากเกินพอ
“มีใครอยากท้าทายอีกไหม?” อู๋ฝานปัดฝุ่นจากมือเล็กน้อย ก่อนจะหันมองยังสมาชิกหน่วยของตนด้วยอาการอันสงบและเอ่ยถาม เป็นท่าทีสบายราวกับเพิ่งกวาดบ้านไปก็ไม่ปาน
“สัญชาตญาณของข้าถูกหรือยังล่ะ?” โจวซานที่อยู่ไกลออกไปพูดเสียงเบา ทว่าในถ้อยคำ มันแฝงไว้ด้วยความพึงพอใจ ที่สัญชาตญาณนั้นยังคงแม่นยำ
*1 จิน = 0.5 กิโลกรัม, 200 จิน = 100 กิโลกรัม