บทที่ 95 ถูกหลอก
บทที่ 95 ถูกหลอก
“หัวหน้า พวกเราเชื่อท่าน ไม่ต้องแข่งขันประลองแล้ว” ภายในหน่วยของอู๋ฝาน คนหนุ่มที่ดูผอมบางแต่ปราดเปรียวพูดขึ้นมา
“ใช่แล้ว ไม่มีอะไรสงสัย พวกเราเชื่อมั่นแล้ว ท่านเป็นหัวหน้าหน่วยตอนนี้ ภายหน้าก็ได้เป็นเช่นเดิม”
“ใช่ ใช่ พวกเราพร้อมสนับสนุน”
คนอื่นต่างเห็นพ้อง
คิดว่าล้อกันเล่นหรือยังไง คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหน่วยยังแพ้อู๋ฝานง่ายดาย ขณะนี้ยังหมดสตินอนนิ่งกับพื้น พวกเขาหรือจะสู้อะไรอู๋ฝานได้? แม้ว่ามีบางคนเคยคิดว่าการที่อู๋ฝานเป็นหัวหน้าหน่วยของพวกตนออกจะไม่เหมาะสม ทว่าตอนนี้ไม่มีใครเกิดความคิดเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
พวกเขาได้พ่ายแพ้ต่ออู๋ฝานเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าจะไม่ได้เอาร่างกายไปพ่ายแพ้โดยตรงก็ตาม
“ถ้าหากพลาดโอกาสวันนี้ ภายหน้าไม่มีโอกาสแบบนี้ให้อีกแล้วนะ” อู๋ฝานหันไปสำรวจมองและพูดกับสมาชิกในหน่วย
“ไม่แล้ว ไม่แล้ว พวกเราเชื่อมั่นว่าท่านจะเป็นหัวหน้าหน่วยที่ดีของพวกเรา!” ชายหนุ่มที่ดูฉลาดเร่งรีบตอบรับ
คนอื่นต่างประสานเสียงตอบรับ
“งั้นก็ดี” อู๋ฝานพยักหน้ารับ “สองคนตรงนั้น เข้าไปลากเขากลับมา แล้วก็ปลุกเขาด้วย”
คำของอู๋ฝาน ย่อมหมายความถึงชายร่างใหญ่ที่ล้มลงและหมดสติ
เพียงพูดจบคำ สมาชิกในหน่วยสองคนจึงเร่งรีบเข้าไปลากตัวชายร่างใหญ่เข้ามา
ส่วนคนของหน่วยอื่น พบเห็นว่าการประลองจบลงแล้ว พวกเขาต่างก็แยกย้าย ทว่าผลกระทบจากเหตุการณ์วันนี้ยังไม่จบสิ้น หลายคนกำลังพูดคุยถึงการประลองเมื่อครู่ บางคนหากมีโอกาสจะคอยแอบมองอู๋ฝาน เรียกได้ว่าการประลองเมื่อครู่นี้ แม้ว่าดำเนินอยู่ไม่นาน ก็ทำให้อู๋ฝานที่เป็นหัวหน้าหน่วยสาม ได้รับชื่อเสียงไปไม่ใช่น้อย
อู๋ฝานไม่คิดใส่ใจ นับตั้งแต่เลือกลงมือ เขาก็คาดเดาว่าต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอยู่แล้ว ทั้งยังจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเขา ที่อย่างน้อยก็ช่วยลดทอนปัญหาลงได้ระดับหนึ่ง
ขณะอู๋ฝานแต่งชุดจัดเต็มอีกครั้ง ชายร่างใหญ่จึงถูกสมาชิกในหน่วยปลุกให้ตื่นขึ้น
ทันทีที่ตื่นขึ้น สติของเขาค่อนข้างพร่าเลือน แต่พอได้เห็นอู๋ฝาน ฉับพลันก็ดึงสติกลับคืน พร้อมจดจำได้ว่าเมื่อครู่นี้มันเกิดเรื่องราวใดขึ้นบ้าง
“ได้สติแล้ว?” อู๋ฝานเอ่ยถาม “ถ้ายังไม่ยอมรับ จะประลองอีกครั้งก็ได้”
“ข้ายอมรับ” ชายร่างใหญ่ลดศีรษะลง ท่าทีค่อนข้างสลดหดหู่
หากว่าเมื่อครู่เป็นความพ่ายแพ้อย่างจวนตัว หรืออู๋ฝานใช้อุบายใดเอาชนะ ชายร่างใหญ่คงไม่ยอมรับ บางทีอาจขอท้าเพื่อประลองอีกครั้งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่ในการประลองเมื่อครู่ อู๋ฝานเอาชนะได้ด้วยความมีเปรียบอย่างล้นเหลือ ตัวเขาไม่มีความสามารถพอจะต้านรับอู๋ฝานซึ่งหน้า ประหนึ่งเด็กน้อยพบเจอบุรุษแข็งแกร่ง ความแตกต่างทางพละกำลังระหว่างคนทั้งสองมีมากจนเกินไป อย่างที่ไม่มีความจำเป็นต้องเทียบเปรียบเลยด้วยซ้ำ
“หนิวเอ้อผู้นี้รับรู้และยอมรับแล้ว!” ชายร่างใหญ่ตอบกลับ “นับจากนี้ไป ท่านคือหัวหน้าหน่วยของข้า และจะเป็นเช่นนั้นไปโดยตลอด หากกำหนดให้ข้าไปตะวันออก ข้าย่อมไม่ไปทางตะวันตก ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟขึ้นภูเขา หนิวเอ้อผู้นี้จะไม่ปริปากบ่น หากไม่แล้วไม่ขอเป็นผู้คนอีก”
“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “การรับใช้กองทัพก็เพียงแค่สามเดือน เมื่อไหร่จบลง พวกเราก็แยกเส้นทางกันไป กลับสู่บ้านที่เป็นของพวกเรา ภายหน้าจะได้พบกันอีกหรือไม่ก็เป็นเรื่องพูดได้ยากแล้ว ขอเพียงแค่สามเดือนจากนี้เชื่อฟังคำสั่งกันก็พอ”
อู๋ฝานไม่นึกคิดว่าชายร่างใหญ่ผู้มีนามว่าหนิวเอ้อจะเป็นคนเถรตรงถึงขนาดนี้ ต่อให้พ่ายแพ้ และเป็นความพ่ายแพ้ที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด เขาก็ยอมรับมันอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจน
ได้ยินคำของอู๋ฝาน หนิวเอ้อแสดงท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย สุดท้ายจึงตอบ “หัวหน้าไม่ทราบหรือ? การรับใช้กองทัพ ตราบเท่าที่ครั้งนี้มารายงานตัวแล้ว ทุกปีจะถูกเรียกตัวกลับมา ตอนนี้พวกเราลงทะเบียนเรียบร้อย ดังนั้นภายหน้าก็ต้องเป็นเช่นที่ว่า การตรวจสอบกองทัพสำรองจะมีขึ้นทุกปี หากว่าศึกสงครามดำเนินจนถึงจุดแตกหัก ก็อาจต้องรับใช้กองทัพอยู่ตลอดทั้งปีเลยด้วยซ้ำ ไม่มีที่ให้ถอย”
“อะไรนะ?!” คำของหนิวเอ้อสร้างความตื่นตกใจแก่อู๋ฝาน “ทำไมเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้?”
“บุคคลที่เทศมณฑลส่งไปยังพื้นที่รอบนอกเพื่อเกณฑ์กำลังทหารแจ้งกับพวกเราเช่นนั้น” ชายหนุ่มผู้มีท่าทีค่อนข้างฉลาดเอ่ยคำขึ้น “หัวหน้า ไม่ทราบได้ยังไงกัน?”
“ผมไม่ทราบ!” อู๋ฝานถึงกับต้องกัดฟัน
ในที่สุดอู๋ฝานก็ได้ตระหนักว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะต้องทราบเรื่องอยู่ก่อนแล้ว แต่สุดท้ายตัดสินใจไม่บอกให้เขาทราบ บางทีอาจเพราะเกรงว่าเขาจะหวาดกลัวจนไม่มาที่นี่ และด้วยอุปกรณ์สวมใส่มากมายเหล่านั้น ที่แท้ก็มีความหมายว่าต้องถวายชีวิตรับใช้กองทัพ!
“หัวหน้า ไม่ต้องกังวลถึงขนาดนั้นก็ได้ ตลอดหลายปีมานี้ ราชสำนักมีความแข็งแกร่งอันมั่นคง ระยะเวลาที่ต้องรับใช้กองทัพช่วงหนึ่งก็ไม่ได้นานอะไร เพียงแค่สามเดือน พวกเราก็ได้กลับกันแล้ว” หนิวเอ้อตอบกลับมา
“อีกทั้ง ถ้าหากว่ารับใช้กองทัพต่อเนื่องสักสิบปี ตราบเท่าที่ยังไม่ตาย ถึงตอนนั้นก็เกษียณไม่ต้องรับใช้กองทัพอีกต่อไป” ชายหนุ่มที่ดูฉลาดช่วยพูดเสริมข้อมูล
สิบปี?!
อู๋ฝานตื่นตกใจ หากว่าต้องรับใช้อยู่สิบปี ต่อให้ราชสำนักปกครองได้อย่างมั่นคงสืบเนื่อง แต่หนึ่งปีตัวเขาก็ต้องเสียเวลาสามเดือนมารับใช้กองทัพ เรียกได้ว่าเป็นการเสียเวลาไปค่อนข้างมาก แล้วกิจการทำฟาร์ม ตัดไม้ และทำเหมืองของเขาเล่า?
เขามายังโลกแห่งนี้ ไม่ใช่เพื่อเป็นทหารรับใช้กองทัพ แต่เพื่อมาทำฟาร์มและตัดไม้อย่างสุขสบาย
ถูกหลอก!
ตอนนี้เอง อู๋ฝานได้ตระหนักว่าตนเองถูกหัวหน้าหมู่บ้านหลอกลวง อีกฝ่ายมีความในใจอย่างเห็นได้ชัด เป็นตัวเขาไม่ระมัดระวังเอง ทั้งที่ทราบว่าคนในโลกแห่งนี้มีความนึกคิดเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังไม่ระมัดระวังให้มากพอ
หากว่าทราบเรื่องราวแต่แรก เขาคงไม่ตกลงรับปากมาที่นี่ ต่อให้ไม่ได้ทำสัญญาทั้งด้านหลังของภูเขา อย่างเลวร้ายที่สุดก็แอบลักลอบทำเหมืองกับตัดไม้ในป่า ส่วนเรื่องการทำฟาร์ม เขาสามารถไปยังหมู่บ้านแห่งอื่นทำสัญญาเช่าที่ดิน เพราะโลกแห่งนี้กว้างใหญ่ ไม่ได้มีเพียงแค่หมู่บ้านเร้นลับ
เป็นการตกหลุมพลางอย่างอนาถ!
“ไม่มีทางที่จะเกษียณจากกองทัพก่อนกำหนดเลยหรือยังไง? มีแต่ต้องรับใช้สิบปีงั้นเหรอ?” อู๋ฝานถามกลับอย่างไม่นึกยินดี
“ย่อมต้องมีหนทางดังกล่าว” ชายหนุ่มที่ดูฉลาดตอบรับ “หนทางดีที่สุด คือสร้างความดีความชอบ!”
“สร้างความดีความชอบ?” อู๋ฝานถามกลับ
“ถูกต้องแล้ว” หนิวเอ้อตอบรับ “การสร้างความดีความชอบในสมรภูมิสู้รบ ราชสำนักจะยินดีลดทอนระยะเวลาในการรับใช้กองทัพตามแต่สถานการณ์ หากว่าเป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ การจะเกษียณตัวเองจากกองทัพก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม”
ความดีความชอบ!
อู๋ฝานมีทั้งเป้าหมายและแรงใจ ตัวเขาย่อมไม่มีทางคิดรับใช้กองทัพถึงสิบปี ดังนั้นจึงต้องหาทางสร้างความดีความชอบในสมรภูมิ และมันจะต้องเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่!
“ระบบความดีความชอบ การจะได้เป็นทหารที่แท้จริง ย่อมไม่อาจขาดความดีความชอบ!” หนิวเอ้อเผยความคาดหวัง
เขาไม่เหมือนดังอู๋ฝานที่ปรารถนาจะหนีจากค่ายทหาร หนิวเอ้อเป็นผู้เฝ้าฝันถึงค่ายทหาร จึงต้องการสร้างความดีความชอบในสมรภูมิ เพื่อได้รับอาชีพในกองทัพอย่างเป็นทางการ
อู๋ฝานเย้ยหยันกับเรื่องดังกล่าวอยู่ภายใน หนึ่งสำเร็จแลกด้วยหมื่นโครงกระดูก มีหรือการสร้างความดีความชอบจะเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนึกคิด ท่ามกลางทหารนับแสนคน อาจมีเพียงแค่หนึ่งหรือว่าสองคน อัตราความเป็นไปได้ต่ำเตี้ย ไม่ว่ามองพิจารณาอย่างไร หนิวเอ้อและพรรคพวกก็สมควรทราบดีอยู่แก่ใจ ว่าไม่มีพวกเขาคนใดที่จะมีโชคถึงขนาดนั้นได้