จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 661-665

ตอนที่ 661-665

บทที่ 661 : การสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (5)
  ครั้นได้ยินเช่นนั้นลำคอของเหวินซุนฮวนพลันแห้งผากเขาตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของไป๋หยาน กระทั่งแทบสำลักน้ำลายของตนเอง เขามองนางด้วยสายตาเศร้า ๆ
  นี่เขามีความบาดหมางใดกับหญิงผู้นี้งั้นหรือ? เหตุใดนางถึงได้ตั้งเป้ามาที่เขา
  ครั้งนี้เหวินซุนฮวนเดาถูกพวกเขามีความเกลียดชังกัน ทั้งเป็นความเกลียดชังที่ฝังรากลึกเสียด้วย !
  หากแต่เหวินซุนฮวนก็คิดอยู่เพียงในใจเขายังคิดไม่ออกว่าหญิงผู้นี้เป็นใคร ? นางเป็นสตรีที่ถูกเขาทอดทิ้งด้วยหรือไม่ ? ทว่ากลับคิดไม่ออกเลย
  ทันใดนั้นเองใบหน้าที่งดงามพลันปรากฏขึ้นในใจของเขาแต่ครั้นเขานึกถึงหญิงผู้นั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดอัณฑะ !
  ในเวลานั้นเขาพยายามตามตื๊อหญิงผู้นั้น เขาฉวยอาศัยโอกาสสัมผัสใบหน้าจิ้มลิ้มของนาง หากแต่นางกลับเตะเข้าที่หว่างขาเขา กระทั่งมันแทบจะแหลกเป็นเสี่ยง ๆ นั่นทำให้เขารู้สึกขนลุกวาบ
  ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กล้าไปเหยียบดินแดนนั้นอีก สตรีในดินแดนนั้นโหดร้ายมาก ไม่มีความอ่อนโยน และน่าเอ็นดูเอาเสียเลยมีแต่น่าสยดสยองมากกว่า
  ทว่า
  หญิงผู้นั้นแลดูผอมมากแม้ว่านางจะมีใบหน้าที่งดงามก็ตาม ส่วนหญิงที่อยู่เบื้องหน้าเขาผู้นี้กลับมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม นางไม่น่าจะเป็นหญิงที่โหดร้ายผู้นั้น
  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางไม่มีวันแยกจากบุตรชายของนางได้เลย เช่นนั้นจึงไม่น่าที่จะมาปรากฎตัวในสถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง
  ”แม่นาง”มู่เหลงหน้านิ่วหากแต่ยังพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ข้าไม่เคยพูดว่า ข้าเป็นที่หนึ่งของตำหนักเซียนพยับหมอก ชื่อเสียงเหล่านั้นเป็นเพียงคำร่ำลือผิด ๆ ในความคิดของข้า ผู้ใดก็ตามที่มีความแข็งแกร่งพอก็มีสิทธิ์ที่จะออกเสียง เช่นนั้นโปรดตั้งใจฟังข้าและอย่ารบกวนข้าอีก ”
  ผู้คนต่างมองมู่เหลงด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความชื่นชมและศรัทธาในตัวนางมากขึ้นกว่าเดิม
  เห็นได้ชัดว่านางถูกยั่วยุถึงหน้าประตูบ้านทว่าก็ยังปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพ นอกจากนางแล้วจะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เช่นนี้
  ”ขออภัยข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่า เมื่อครู่นี้ข้าพูดอะไรบ้างหรือไม่ ?” ไป๋หยานเอนหลังพิงเก้าอี้เบา ๆ พลางจ้องหน้าเย็นชาของมู่เหลง
  น้ำเสียงของมู่เหลงค่อนข้างเย็นชา”ไม่…”
  ”เช่นนั้นข้าทำเสียงดังหรือ?”
  ”ไม่เลย”
  “ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงบอกว่าข้ารบกวนเจ้าล่ะ ? หรือว่าในงานร่วมการสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ครั้งนี้ ข้าไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่จะขยับตัว” ไป๋หยานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
  ใบหน้าของมู่เหลงกลายเป็นสีดำเพราะถ้อยคำของไป๋หยานไม่สามารถหักล้างได้
  อย่างไรก็ตามนี่คือการสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่สิ่งที่เราแลกเปลี่ยนจะเกี่ยวกับการปรุงยา
  ”เนื่องจากหญิงผู้นั้นได้รับคำเชิญจากการสัมนาแลกเปลี่ยนครั้งนี้นางย่อมจะต้องเป็นหมอปรุงยาด้วย เช่นนั้นเชิญเจ้าตอบคำถามสุดท้ายแทนจะดีหรือไม่ ?”
  “ขอโทษข้าไม่สนใจที่จะตอบคำถาม ข้าเพียงอยากมาร่วมงานเฉย ๆ”
  มือของไป๋หยานลูบขนนุ่มๆ ของจิ้งจอกน้อย เพื่อทำให้ความบ้าคลั่งของจิ้งจอกน้อยสงบลง
  โชคดีที่วันนี้นางปกปิดใบหน้ามาที่นี่ทั้งยังซ่อนกลิ่นอายของตนเองไว้ เช่นนั้นนางจึงไม่กลัวที่จะแสดงตน
  ”ทว่า…” ไป๋หยานทำท่าครุ่นคิดพลางยิ้ม “จะให้ข้าตอบคำถามก็ได้ หากแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ทั้งค่าใช้จ่ายก็สูงมาก ข้าเกรงว่าเจ้าคงจะไม่สามารถจ่ายได้”
  ”แค่ก!” เหวินซุนฮวนมองหน้ามู่เหลง พลางกระแอมไอ เขากล่าวพร้อมยิ้มกว้าง “แม่นางน้อย ข้าติดอยู่ที่คอขวดของขั้นจุนเจี่ยมานานแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้อย่างไร หากเจ้าสามารถทำให้ข้าผ่านได้ ข้าจะให้รางวัลใหญ่แก่เจ้า”
  ”ข้าเป็นหมอปรุงยามิใช่ยอดฝีมือที่จะสามารถชี้แนะการฝึกฝนของเจ้า” สีหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ
  ”หากแต่ในฐานะหมอปรุงยาเจ้าย่อมสามารถปรุงยาเม็ดจิตวิญญาณชนิดพิเศษได้ หากเจ้าสามารถช่วยให้ข้าก้าวหน้าขึ้นได้ ข้าจะมอบโสมหมื่นปีให้เจ้า
  ”ข้าไม่สนใจโสมนั่น”
  ไม่สนใจโสมหมื่นปีงั้นรึ?
  แค่โสมหมื่นปีที่สำนักเวชโอสถของนางมีมากมาย เรื่องอะไรจะมาแลกกับยาเม็ดจิตวิญญาณระดับสามที่มีมูลค่ามากกว่ากันเล่า
  ***จบบทการสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (5)***

บทที่ 662 : การสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (6)
  ยาเม็ดจิตวิญญาณระดับสามไม่เพียงแต่จะสามารถใช้บุกทะลวงไปยังระดับจุนเจี่ยเท่านั้นแต่มันอาจะทะลุไปถึงระดับล่างของระดับซุนเจี่ยได้ด้วย ดังนั้นหากผู้กินอยู่ในระดับที่ด้อยกว่าจุนเจี่ยก็จะได้ผลดีต่อคน ๆ นั้นอย่างยิ่ง
  ”ทว่าข้าสามารถรักษาโรคอื่นๆ เช่นโรคไตได้ด้วยนะ”
  ”แค่ก!”
  ครั้นได้ยินซุนฮวนก็ตกใจกระทั่งแทบพ่นน้ำชาออกจากปากอีกครั้ง แววตาที่เขาหันไปมองไป๋หยานขมขื่นมากขึ้นกว่าเดิม
  เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าเขาต้องทำให้สตรีผู้นี้ขุ่นเคืองจากที่ไหนซักแห่งอย่างแน่นอน หาไม่เหตุใดนางไม่เลิกหาเรื่องเขาเสียที ?
  “ท่านไม่ต้องการให้ข้าช่วยท่านงั้นหรือ?” ไป๋หยานกล่าวพลางยักไหล่ นางหันไปมองแม่นางน้อยคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชน
  เด็กสาวผู้นี้เป็นคนเดียวที่ไม่เปิดปากพูดอะไรเลยนับแต่ต้นจนจบนางฟังเพียงคำอธิบายของมู่เหลงเท่านั้น
  สำคัญที่สุดไม่มีความผันผวนของพลังชี่ในร่างของนางเลย
  ไป๋หยานกระพริบตาพลางยกริมฝีปากยิ้ม”เจ้าฝึกพลังชี่ไม่ได้ใช่หรือไม่ ?”
  ครั้นหญิงสาวได้ยินคำถามของไป๋หยานนางก็เงยหน้าขึ้นมองโดยไม่มีความผันผวนใด ๆ เลย
  ในตำหนักเซียนพยับหมอกนี้ไม่มีผู้ใดไม่ทราบว่า นางเกิดมาโดยไม่มีความสามารถในการฝึกฝนพลังชี่เลย
  และเพราะนางไม่สามารถฝึกฝนพลังชี่ได้นางจึงเลือกที่จะเข้าสู่เส้นทางการเป็นหมอปรุงยา
  ”หญิงผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูเล็กของตระกูลหวน”
  ”ตระกูลหวนเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของตำหนักเซียนพยับหมอกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในตำหนักเซียนพยับหมอกมาก อย่างไรก็ตาม คุณหนูเล็กกลับไม่สามารถฝึกฝนพลังชี่มาตั้งแต่ยังเยาว์ หากแต่นางโชคดีที่มีพรสวรรค์ด้านการปรุงยา ทำให้นางยืนหยัดอยู่ในตระกูลหวนได้”
  ”นี่นางต้องการที่จะรักษาโรคของคุณหนูเล็กจริงๆ หรือ ? ไร้สาระสิ้นดี เพราะขนาดไป๋ฉางเฟิ่งยังไม่สามารถทำได้เลย”
  เมื่อเทียบกับคำพูดดูถูกถากถางของคนเหล่านั้นแล้วเหวินซุนฮวนกลับลุกขึ้นยืนด้วยความสนใจ นัยน์ตาเจ้าชู้ของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส “แม่นางน้อย เจ้าจะใช้ยาใดรักษานาง ?”
  ไป๋หยานส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า”คิดจะใช้มีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่เหี่ยว ๆ งั้นหรือ ? นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย ไม่จำเป็นต้องปรุงยาใด ๆ ด้วยซ้ำ”
  นอกจากนี้การปรุงยาเม็ดยังเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยมาก เห็นได้ชัดว่าไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมการ แต่ถ้าใช้แค่สมุนไพรธรรมดา ๆ นางก็ไม่ยอมแพ้แน่ ๆ
  เช่นนั้นนับแต่ต้นจนจบไป๋หยานจึงไม่คิดที่จะปรุงยาเม็ด
  แววตาของมู่เหลงเปล่งประกายแสงเย็นเยือกขณะที่ริมฝีปากของนางยิ้มเยื้อน “แม่นางน้อย เจ้าจะช่วยรักษาผู้ที่ไม่สามารถฝึกพลังชี่ให้สามารถฝึกได้งั้นรึ ? เช่นนั้นวันนี้ เชิญแม่นางชี้แนะข้าด้วย”
  เมื่อนางรนหาความขายหน้าเองไยข้าจะไม่ตามใจนางเล่า ? จะให้คุณหนูเล็กตระกูลหวนฝึกพลังชี่งั้นรึ ? เป็นไปไม่ได้หรอก
  ”เช่นนั้นมาช่วยข้าหน่อย”
  ไป๋หยานไม่สนใจสายตาของมู่เหลงนางหันไปมองเหวินซุนฮวนพลางกล่าว
  เหวินซุนฮวนรีบเข้ามาหานาง”เจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไร ?”
  ”ปัญหาของนางก็คือเส้นเมอริเดียนถูกปิดกั้นซึ่งทำให้ยากที่จะทนความเจ็บปวด เมื่อดูดซับพลังชี่แท้ สิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าทำ ก็คือการนำพลังชี่แท้เข้าสู่ร่างกายของนาง และดึงเส้นเมอริเดียนขึ้นมา”
  ”จะได้ผลงั้นหรือ?” เหวินซุนฮวนลูบศีรษะของตน “ขนาดเจ้าบ้านหวนพยายามช่วยนางครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าก็ล้มเหลว ทั้งนางยังกินยาไปตั้งมากมายหากแต่ก็ไร้ประโยชน์ เจ้าให้ข้าเจาะเส้นเมอริเดียนของนาง จะได้ผลอย่างไรกัน ?”
  ทันทีที่ผู้คนรอบข้างได้ยินสิ่งนี้พวกเขาก็อดหัวเราะออกมามิได้
  ”นางคิดว่านางเป็นหมอหญิงมหัศจรรย์งั้นรึ ? หรือนางคิดว่าแค่มีคนช่วยขุดเส้นเมอริเดียนขึ้นมาก็เพียงพองั้นหรือ ? ความรู้ตื้น ๆ แค่นี้ยังคิดจะเทียบกับแม่นางมู่เหลง”
  ราวกับไป๋หยานไม่ได้ยินเสียงประชดประชันเหล่านั้นนางยังคงออกคำสั่งเหวินซุนฮวน “เจ้าจะทำตามที่ข้าพูด หรือจะต้องให้ข้าทำเอง”
  เหวินซุนฮวนถูจมูกของตน”เอาล่ะ ครั้งนี้ข้าจะช่วยเจ้า แล้วข้าจะได้สิ่งใดตอบแทนล่ะ ?”
  ***จบบทการสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (6)***

บทที่ 663 : การสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (7)
  ”แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด?”
  ”เพียงเจ้าปลดผ้าปกปิดใบหน้าให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่?”แววตาของซุนฮวนกระพริบวิบวับ
  เขาอยากรู้ว่าใบหน้าเช่นใดที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมผืนนี้
  ”ข้าเกรงว่าข้าคงไม่อาจเปิดผ้าคลุมหน้าได้หากแต่ข้าสามารถรักษาอาการไตพร่องของเจ้าได้นะ”
  ไป๋หยานจิกริมฝีปากด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
  ถ้อยคำนี้กระแทกใจของเหวินซุนฮวนอย่างแรงหญิงผู้นี้จ้องจะพูดถึงเรื่องอาการไตพร่องของเขางั้นสิ ?
  เพื่อไม่ให้นางพูดมากไปกว่านี้เหวินซุนฮวนจึงสูดลมหายใจลึกพลางกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าจะช่วยเจ้า”
  กล่าวจบเขาก็เดินอย่างช้าๆ ไปยืนด้านหลังคุณหนูเล็กตระกูลหวน ภายใต้แววตาที่แลดูประหลาดใจเล็กน้อย เขาก็ยื่นมือไปที่ด้านหลังของนาง
  พลังชี่แท้ไหลผ่านจากฝ่ามือของเขาเข้าสู่ร่างกายของนางความรู้สึกเสียวซ่านนั้นทำให้คุณหนูหวนตัวสั่น นางเม้มริมฝีปากสีหน้าของนางแลดูซีด
  ”หากเจ้าต้องการเข้าสู่เส้นทางการฝึกวิชาในวันหน้าเจ้าก็ต้องทนมันให้ได้ !”
  ในขณะที่คุณหนูหวนอยากจะยอมแพ้เสียงต่ำ ๆ ของไป๋หยานพลันดังลอยมา
  ทันใดนั้นเองคุณหนูหวนก็ตัวสั่น ในหัวของนางเกิดภาพนัยน์ตาที่แลดูสดใส ทว่าก็เต็มไปด้วยความมืดมน
  แม้ว่าคุณหนูหวนจะไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นเป็นใครหากแต่สตรีที่เป็นเจ้าของดวงตาคู่นี้จะต้องสวยมากเป็นแน่
  บางทีอาจเป็นเพราะความมั่นคงในดวงตาของไป๋หยานทำให้ร่างกายของคุณหนูหวนผ่อนคลายลง ฝ่ามือของนางกำแน่น นางต้องอดทนต่อความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา
  บูม!
  ทันใดนั้นเองเปลวไฟก็ปะทุขึ้นจากฝ่ามือของไป๋หยาน พลันแววตาของนางก็สว่างไสวด้วยเปลวไฟนั้น
  ปลายนิ้วของไป๋หยานสะบัดเปลวไฟพวยพุ่งเข้าสู่ร่างของคุณหนูหวน ทันใดนั้นเองความรู้สึกแสบร้อนก็หลั่งไหลออกทั่วร่างของคุณหนูหวน กระทั่งนางอดไม่ได้ที่จะแผดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
  ความเจ็บปวดนี้กินเวลานานครึ่งชั่วยาม(1 ชั่วโมง) ในครึ่งชั่วยามนี้เสียงครวญครางอันเจ็บปวดทรมานอย่างเหลือคณนาของคุณหนูหวนพลันดังไม่หยุดหย่อน นางรู้สึกราวกับว่านางจะขาดใจตายได้ทุกเมื่อ
  โชคดีที่ครึ่งชั่วยามต่อมาความเจ็บปวดที่คุณหนูหวนได้รับก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง หลังจากกรีดร้อง นางก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก่อนจะหมดแรงลงในอ้อมแขนของเหวินซุนฮวนที่อยู่ด้านหลังนาง
  ”หยินเอ๋อ?” เหวินซุนฮวนขมวดคิ้ว นี่เกิดอะไรขึ้น ?
  หวนหยินเป็นหลานสาวของเขาหากมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับนาง เขาจะอธิบายให้มารดาของนางฟังอย่างไร ?
  ”ใช้ยาบำรุงโลหิตเพื่อช่วยฟื้นฟูโลหิตในร่างกายของนาง จากนั้นเจ้าก็ลองให้นางฝึกฝนดูอีกครั้ง”
  เหวินซุนฮวนมองหน้าไป๋หยานพลางหยิบยาเม็ดบำรุงโลหิตออกมาให้หวนหยิน ภายใต้การบำรุงของยาเม็ดบำรุงโลหิต ใบหน้าของหวนหยินก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
  นางได้ยินทุกถ้อยคำของไป๋หยานนางลงนั่งขัดสมาธิทันที จากนั้นก็พยายามรวบรวมพลังชี่แท้ที่อยู่โดยรอบกายเข้าสู่ร่างของตน
  ความเจ็บปวดและสิ่งกีดขวางที่เคยเกิดขึ้นบัดนี้ไม่มีแล้วเหลือเพียงพลังชี่แท้ที่หลั่งไหลเข้าสู่เส้นเมอริเดียนของนางอย่างราบรื่น กระทั่งผ่านไปถึงจุดตันเถียน
  หวนหยินนิ่งงัน
  เหวินซุนฮวนเองก็ตกตะลึง
  เรือมังกรทั้งลำต่างนิ่งเงียบ
  นางทำได้กระนั้นรึ? เจ้าทำได้จริงหรือ ? หวนหยินไม่ต่างจากขยะเพียงเพราะนางไม่อาจฝึกฝนได้ ทว่าหญิงผู้นี้สามารถรักษานางได้ !
  สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจขณะจ้องมองสตรีในอาภรณ์สีแดงผู้นี้
  ”เจ้าทำได้อย่างไร?” ท่าทางของเหวินซุนฮวนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาลุกขึ้นยืน ทั้งอยากจะเข้าไปกอดไป๋หยาน
  ทว่าไป๋หยานหลบอ้อมกอดของเหวินซุนฮวนพลางจิกริมฝีปากเล็กน้อย “แน่นอนว่าการรักษาไม่อาจทำได้โดยอาศัยพลังชี่แท้จากคนอื่นแต่เพียงอย่างเดียว ทว่าจำเป็นต้องใช้พลังชี่แท้ผลักเปลวไฟ เพื่อแผดเผาสิ่งสกปรกที่ขัดขวางทางเดินของเส้นเมอริเดียนให้หมดไป”
  จากนั้นไป๋หหยานก็เงียบไปสักครู่ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะทำเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ เพียงเพราะกลัวว่าการเผาเส้นเมอริเดียนจะไม่สามารถควบคุมได้ ทว่าหากสามารถควบคุมเปลวไฟได้ ก็จะไม่มีความผิดพลาดอย่างที่เป็นกังวล”
  ***จบบทการสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (7)***

บทที่ 664 : การสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (8)
  ทุกคนต่างฮือฮากันอย่างอลหม่าน
  ก็แค่นางโชคดีเท่านั้นนางเพียงรักษาหวนหยินได้ หากจะเปรียบเทียบกับการปรุงยายังนับว่าห่างไกล
  ”ขอบใจแม่นาง”
  น้ำเสียงของหวนหยินระล่ำระลักนางกุมมือของไป๋หยานแน่น น้ำตาคลอหน่วย “ขอบใจแม่นางมาก หากมิได้แม่นาง ชั่วชีวิตนี้ข้าก็คงไม่อาจฝึกฝนวิชาได้”
  ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานางประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านการปรุงยา ทว่านางก็ยังเสียใจที่ไม่สามารถฝึกฝนวิชาได้
  หากแต่ตอนนี้ไป๋หยานช่วยนางได้! จะไม่ให้นางรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร ?
  ”เจ้าไม่ต้องขอบใจข้าหากเจ้าต้องการขอบใจ เจ้าจะต้องขอบใจเหวินซุนฮวน เพราะเขาจะจ่ายโสมเป็นค่ารักษาเจ้า”
  เหวินซุนฮวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามด้วยความโกรธว่า “ข้าไปสัญญาว่าจะให้โสมกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
  ”เมื่อครู่นี้ไง”ไป๋หยานจิกริมฝีปากยิ้ม
  ”ข้อตกลงนั่นข้าสัญญากับเจ้าว่า หากเจ้าสามารถช่วยข้าทะลวงขั้นจุนเจี่ยได้ ข้าจะมอบโสมแก่เจ้า หากแต่เจ้าทำไม่ได้ เช่นนั้นเหตุใดข้าต้องให้เจ้าด้วยล่ะ ?”
  ”อืม”ไป๋หยานลูบคางพลางยิ้ม “ท่านไม่อาจซื้อโอกาสที่จะทะลุไปสู่ขั้นสูงขึ้นด้วยโสม แต่มันมีค่าพอที่จะรักษาคุณหนูหวน”
  กล่าวได้ว่านับแต่เขาอยู่ในตำหนักเซียนพยับหมอกมานานกว่า20 ปี ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าที่จะเล่นเล่ห์เพทุบายกับเขาเช่นนี้ !
  ”หากเจ้าต้องการให้ข้ามอบโสมหมื่นปีให้แก่เจ้าเช่นนั้นก็ให้ข้าดูโฉมหน้าของเจ้า … ” แววตาของเขาสว่างไสว ชั่วขณะนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเพื่อปลดผ้าคลุมหน้าสีขาว
  ครั้นไป๋หยานเห็นมือของเขายื่นเข้ามาแววตาของนางพลันเย็นชา “เจ้าไม่อยากมีมือแล้วใช่หรือไม่ หากใช่ก็ลองดู !”
  เมื่อได้ยินเช่นนั้นมือของซุนหวนที่ซึ่งกำลังจะสัมผัสผ้าคลุมหน้า พลันรับรู้ถึงความเย็นชาจากแววตาของหญิงสาว เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
  “หากเจ้าไม่ต้องการอ่านหนังสือเล่มนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเปิดดู ไยเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมรามืออีก ? อยากตายจริง ๆ ใช่หรือไม่ ?”
  เขายกมือขึ้นตบหน้าอกราวกับกำลังตกอกตกใจ
  ไป๋หยานสีหน้าดำคล้ำนางเปล่งกลิ่นอายเย็นเยือก กระทั่งเขาขนลุกไปทั่วร่างถึงขั้นแทบทรุดลงกับพื้น
  มู่เหลงผู้ซึ่งถูกไป๋หยานหักหน้าจ้องมองหวนหยินผู้ซึ่งยามนี้เต็มไปด้วยความสุข สีหน้าของมู่เหลงพลันดูไม่ค่อยดีนัก
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหวินซุนฮวนเดิมทีคอยตามตื๊อนางต้อย ๆ แม้ว่านางจะไม่ชอบเหวินซุนฮวน ทว่านางก็ไม่ต้องการให้คนที่เคยตามตื๊อนางไปเกี้ยวพาหญิงอื่น
  ขณะที่นางต้องการที่จะอ้าปากเพื่อดึงดูดความสนใจ จู่ ๆ เสียงปังก็ดังสนั่นขึ้นทันที พลันเรือมังกรทั้งลำก็สั่นสะเทือน
  ”เกิดเรื่องใดกัน? ข้ารู้สึกราวกับมีบางอย่างมาชนเรือมังกรนี้ นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ?”
  ”อย่าทำให้ข้ากลัวสิเรือนี่อยู่ในน้ำ หากเกิดอะไรผิดปกติล่ะก็ … ”
  เสียงของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวร่างของเขาสั่นเทา ทั้งเขาก็เกือบจะหมดสติด้วยความหวาดกลัว
  เรือมังกรถูกกระแทกแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คนที่ไม่ได้อยู่บนเรือก็ยังเห็นการสั่นสะท้านของเรือมังกร พวกเขาทุกคนต่างก็ตกใจจนหน้าซีด พวกเขารีบกระจายตัวไปยังพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว
  รุนแรงไม่ต่างจากช้างชนช้าง
  “ไม่ต้องกลัว”มู่เหลงขมวดคิ้ว นางพยายามกล่าวด้วยใจสงบ “ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงปลาขนาดใหญ่ เดี๋ยวมันก็จะจากไปเอง ไม่มีสัตว์ประหลาดใดในแม่น้ำแห่งนี้หรอก”
  “หากแต่ข้าได้ยินมานานแล้วว่าที่แม่น้ำหลงเฮอนี่มีมังกรอาศัยอยู่”
  เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้ชายหนุ่มตกใจกลัวจนแทบร้องไห้ไยเขาจึงโชคร้ายเช่นนี้ ? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมการสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่
  “ทุกคนโปรดวางใจ”ฝ่ามือของมู่เหลงมีเหงื่อเย็น ๆ ซึม ทว่าใบหน้าของนางกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย “ข้าอยู่ที่นี่นานหลายปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นมังกรเลย หากมีมังกรจริง ข้าจะจัดการมันเอง ไม่ปล่อยให้มันทำร้ายผู้คนโดยไม่มีเหตุผลหรอก !”
  ***จบบทการสัมนาแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ (8)***

บทที่ 665 : นางเป็นคนดีจริง ๆ (1)
  ไม่ว่าถ้อยคำที่มู่เหลงกล่าวจะเป็นแค่การเล่นละคร หรือนางมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของนางจริง ๆ ทว่ามันก็สามารถทำให้จิตใจของทุกคนในที่นี้มั่นคงขึ้น
  ”มีแม่นางมู่เหลงอยู่ก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด”
  “ไม่ต้องห่วงทุกคนที่กระแทกเรือลำนี้ไม่ใช่มังกรหรอก และต่อให้มันเป็นสัตว์อสูรในน้ำ ถึงเวลานั้นหากแม่นางมู่เหลงออกโรงมันก็ต้องยอมแพ้ในทันที”
  ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็อยากเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงด้วยกันทั้งนั้นเมื่อได้โอกาส พวกเขาต่างก็พยายามเลียแข้งเลียขามู่เหลง อย่างไรก็ตามใบหน้าของมู่เหลงยังคงนิ่งสงบ นางหันไปมองหวนหยิน พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เสี่ยวหยิน มานี่เถอะข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
  สำหรับเหวินซุนฮวนแล้ว
  แม้เขาจะน่าเหยียดหยามทว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นกลับน่าชื่นชม เขาบุกทะลวงเข้าสู่ระดับจุนเจี่ยได้ด้วยวัยเพียงแค่ 30 ปี นับว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมากเลยทีเดียว หากไม่นับเหวินหยุนเฟิง
  หวนหยินส่ายศีรษะหนักแน่นไป๋หยานเป็นผู้มีบุญคุณช่วยนาง นางไม่อาจละทิ้งผู้มีพระคุณที่ช่วยตนเองได้
  ”เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าข้าไม่อาจช่วยปกป้องผู้ที่ไม่เต็มใจมาอยู่ข้างกายข้า อย่าตำหนิข้า หากภายหลังเกิดอะไรขึ้น” มู่เหลงทำหน้าเหมือนไม่รู้จะช่วยหญิงสาวผู้นั้นเช่นไร
  เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนอื่นก็ไม่เสียเวลาหยุดคิด พวกเขาต่างก็เดินไปยืนที่ฝั่งของมู่เหลง อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาอยู่ข้างนาง พวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยมากกว่า
  เมื่อเห็นการเลือกของคนเหล่านั้นมุมปากของมู่เหลงพลันยกโค้งขึ้นโดยไม่ตั้งใจ นางเบิกดวงตาที่สวยงามของนางขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องมองเหวินซุนฮวนผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้านาง
  ”พี่ฮวน… ” นางกล่าวเบา ๆ “ในเมื่อคนเหล่านี้ไว้ใจพวกเรา เราก็ต้องปกป้องคุ้มครองพวกเขา ทว่าเด็กสาวผู้นั้นไม่ต้องการมาอยู่ข้างข้า เช่นนั้นเราก็ต้องปล่อยไป ส่วนท่าน ท่านต้องปกป้องคนที่อยู่ข้างเดียวกับข้า”
  ครั้นเห็นสีหน้าที่มีความสุขของเหวินซุนฮวนมู่เหลงก็ยิ่งผยองขึ้น
  ตอนรู้ว่าเหวินซุนฮวนเข้าสู่ระดับจุนเจี่ยด้วยอายุ30 นางเองก็เข้าสู่ระดับจุนเจี่ยด้วยวัย 26 ปี ทั้งคาดว่าจะก้าวถึงระดับหวังเจี่ยได้ในวัย 30 ปีอย่างแน่นอน
  นอกจากนี้นางยังมีฐานะเป็นหมอปรุงยาอันดับหนึ่งในตำหนักเซียนพยับหมอก !
  เช่นนั้นการมีเจ้าตำหนักน้อยรองตามตื๊อนางนางจึงวางท่าไม่ปฏิเสธหากแต่ก็ไม่ยอมรับ
  ทว่าตอนนี้ผู้ที่ตามตื๊อนางกลับไปสนใจสตรีแปลก ๆ ผู้นั้น นางจะยอมง่าย ๆ ได้อย่างไร ?
  เหวินซุนฮวนมองมู่เหลงพลางหันไปมองไป๋หยาน รอยยิ้มเต้นระยิบระยับในดวงตาเจ้าชู้ของเขา “เจ้าสามารถปกป้องคนเหล่านั้นได้ก็จริง แต่สตรีผู้นี้ช่วยหวนหยินไว้ เช่นนั้นข้าจึงควรปกป้องนางด้วย”
  ภายในเรือมังกรแบ่งเป็นสองฝ่าย
  หากฝ่ายไหนเกิดอันตรายอีกฝ่ายย่อมไม่ควรช่วยเหลืออย่างแน่นอน
  เช่นนั้นเมื่อได้ยินคำกล่าวของเหวินซุนฮวนใบหน้าของมู่เหลงพลันเปลี่ยนไป หมัดของนางกำแน่น นางแทบระงับความโกรธไว้ไม่อยู่ กระทั่งเกือบจะแสดงออกมา
  ”ปัง!”
  ห้องโถงเรือสั่นสะเทือนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าตัวพวกเขาปลิวไปตามแรงสั่นสะเทือนจนแทบจะยืนไม่อยู่
  ”ระวัง!”
  ทันใดนั้นเหวินซูฮวนก็เห็นหางที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรม้วนเข้ามาจากประตูด้านหนึ่งลากคนผู้หนึ่งลงไปใต้น้ำ
  ”หยุดนะ!”
  มู่เหลงโกรธเกรี้ยวกล้าทำร้ายคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับนาง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ร่างของนางพุ่งออกไปรวดเร็วราวกับสายลมจู่โจมเข้าหาสัตว์อสูรใต้น้ำ
  สัตว์อสูรใต้น้ำรับรู้ถึงการจู่โจมของมู่เหลงเดิมทีมันปรากฏให้เห็นเพียงหางเท่านั้น ทว่ายามนี้มันโผล่หัวออกมาทั้งหัว
  หัวโตๆ ของมันมีเขามังกรสองกิ่งอยู่ด้านบน เกล็ดมังกรสีทองเปล่งประกาย มันอ้าปากกว้างคำรามจนให้เห็นฟันแหลมคม ทว่ามันก็ชะงักทันที
  มังกร…?
  ***จบบทนางเป็นคนดีจริง ๆ (1)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท