บทที่ 130 ต้องการเงินจำนวนมาก
บทที่ 130 ต้องการเงินจำนวนมาก
เดิมทีนั้น เถ้าแก่เฉียนคิดว่าคนครัวอย่างหลิวอี้เตาที่รู้จักเพียงแต่การทำอาหาร จะไม่ทราบเรื่องราวอื่นมากนัก อีกทั้งจากภาพลักษณ์ของหลิวอี้เตา ราวกับอีกฝ่ายกำลังเร่งร้อนหาร้าน ดังนั้นเถ้าแก่เฉียนจึงต้องการหาโชคลาภมาสู่ตนเองเพิ่มขึ้น
แต่กลับไม่คาดคิด ว่าบุคคลที่ต้องการซื้อร้านนี้ แท้จริงไม่ใช่หลิวอี้เตา แต่เป็นคนอื่น ประเด็นหลักคือการที่อีกฝ่ายเล็งเห็นจุดบกพร่องในข้อเสนอการขายอย่างชัดเจน
“ถ้าเช่นนั้นคุณอู๋ต้องการเสนอราคาที่เท่าไหร่ครับ?” เถ้าแก่เฉียนเอ่ยถาม น้ำเสียงตอนนี้ไม่แข็งกระด้างเช่นก่อนหน้า ทว่ายังมีความมั่นใจ
ต้องการเสนอราคาเท่าไหร่?
อู๋ฝานย่อมคิดอยากให้ถูกเท่าที่จะถูกได้ แต่ก็ทราบดีว่าหากเสนอราคาต่ำจนเกินไป เถ้าแก่เฉียนคงไม่ตกลง และอาจถึงขั้นทำเถ้าแก่เฉียนโกรธ จนสุดท้ายอาจเป็นการทำลายข้อตกลง
ใจของอู๋ฝานค่อนข้างพึงพอใจร้านนี้ เขาคิดอยากให้บรรลุข้อตกลงเท่าที่จะเป็นไปได้
ส่วนเรื่องการแข่งขันกับคัลเลอร์แมน คนอื่นอาจไม่มีความมั่นใจ แต่อู๋ฝานมีความมั่นใจ!
“คุณอู๋น่าจะทราบดีว่าตอนนี้ผมต้องการกระแสเงินสดหมุนเวียน ดังนั้นจึงไม่ได้ต้องการปล่อยเช่าที่นี่ แต่เป็นขายออก!” ก่อนอู๋ฝานจะทันตอบอะไร เถ้าแก่เฉียนก็พูดขึ้นมา
มีแต่ขาย ไม่มีเช่า?
เดิมอู๋ฝานคิดเพียงเช่าร้านแห่งนี้สักชั่วระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรแล้วการซื้อตรงก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างมีราคาสูงจนเกินไป
ดูจากท่าทีของเถ้าแก่เฉียนตอนนี้ เหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดปล่อยเช่า แต่ต้องการขายขาด เรื่องนี้จึงทำอู๋ฝานรู้สึกจนใจไปเล็กน้อย
“ถ้าหากขาย สักยี่สิบห้าล้านเป็นยังไงครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ยี่สิบห้าล้าน? คุณอู๋เข้าใจการทำธุรกิจดีเสียจริง ตัดราคาผมห้าล้านในคราวเดียว ราคานี้ย่อมไม่ได้อยู่แล้วครับ!” เถ้าแก่เฉียนตอบด้วยท่าทีโกรธเคืองเล็กน้อย
“เถ้าแก่เฉียน ราคานี้ออกจะดูสมเหตุสมผลและยุติธรรมแล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ “เพียงแต่ ในเมื่อระหว่างเถ้าแก่เฉียนกับอี้เตามีสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี ผมก็เลยเพิ่มให้จำนวนหนึ่ง”
ทั้งเถ้าแก่เฉียนและอู๋ฝานต่างทราบดีแก่ใจ ว่าสัมพันธ์ระหว่างเถ้าแก่เฉียนและหลิวอี้เตาอะไรนั้น มันไม่มีทางส่งผลต่อราคาบรรลุข้อตกลงได้แม้แต่น้อย สำหรับพวกเขา มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่หยิบยกขึ้นมาทั้งสิ้น
คนหนึ่งต้องการขาย อีกคนหนึ่งต้องการซื้อ ดังนั้นการค้าครั้งนี้ย่อมต้องมีช่องของการเจรจา
ท้ายที่สุดแล้ว ราคาของร้านนี้จึงถูกกำหนดเอาไว้ที่ยี่สิบหกล้านห้าแสน สำหรับราคาดังกล่าว ไม่ว่าจะทั้งอู๋ฝานหรือเถ้าแก่เฉียนต่างก็ไม่พอใจ มันราวกับพวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้เป็นแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในใจคนทั้งสอง ราคาที่ตกลงกันนี้ถือว่ายังยอมรับได้
“เชฟใหญ่หลิวน่าจะแจ้งคุณอู๋แล้ว ว่าเงินทำการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ผมต้องการเงินสดก้อนเดียว” เถ้าแก่เฉียนตอบรับ
“จ่ายในครั้งเดียวก็ได้ครับ” อู๋ฝานตอบรับ “เพียงแต่ มันไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อย ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาเตรียมการอยู่บ้างครับ”
“นานแค่ไหนกันครับ?” เถ้าแก่เฉียนเอ่ยถาม
“หนึ่งเดือนครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
“ไม่ได้ หนึ่งเดือนนานเกินไป ผมรอนานขนาดนั้นไม่ไหว” เถ้าแก่เฉียนปฏิเสธ “มากที่สุดก็สองสัปดาห์ และผมต้องการเงินมัดจำ ผมรอได้เพียงแค่สองสัปดาห์ หากว่าสองสัปดาห์ผ่านพ้นไปแล้วยังไม่มีเงินเตรียมไว้พร้อมชำระ ผมก็จะขายร้านนี้ให้คนอื่นครับ และไม่มีการคืนเงินมัดจำ”
อู๋ฝานยังต้องการต่อรองกับปัญหานี้ เพียงแต่เถ้าแก่เฉียนยืนยันหนักแน่น ว่าจะไม่รอคอยอู๋ฝานนานเกินกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการเงินทุนหมุนเวียนเร่งด่วนจริง และมีความหนักแน่นว่าจะไม่เจรจาในเรื่องนี้
ท้ายที่สุดแล้ว อู๋ฝานจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตกลง โดยจ่ายค่ามัดจำห้าแสน ใครใช้ให้เขาเกิดถูกใจร้านนี้มากมายขนาดนั้นกัน
แน่นอนว่า หลิวอี้เตาจะเป็นคนออกค่ามัดจำไปก่อน เพราะอู๋ฝานยังไม่อาจแบกรับเงินจำนวนดังกล่าวได้ไหว
การหาเงินยี่สิบหกล้านห้าแสนในเวลาสองสัปดาห์ มันนับเป็นแรงกดดันอันมหาศาลแก่อู๋ฝาน หากว่าเป็นในอดีต เขาจะไม่กล้าแม้เพียงคิดด้วยซ้ำ เพราะเขาจะไม่มีทางหามันมาได้อย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้ อู๋ฝานกล้าตอบรับข้อตกลง ตัวเขามีแต่ต้องให้กำลังใจและผลักดันตัวเอง
“อาจารย์เก่งเกินไปแล้ว ถึงกับต่อรองราคามาได้กว่าสามล้านในคราวเดียว” ภายหลังออกมาจากร้าน หลิวอี้เตาจึงบอกกับอู๋ฝานด้วยความนับถือ
ตอนที่อู๋ฝานต่อรองราคากับเถ้าแก่เฉียนเมื่อครู่นี้ หลิวอี้เตารับชมด้วยความตะลึงงัน ตอนแรก เขาคิดว่าด้วยสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเถ้าแก่เฉียน ก็น่าจะพูดอะไรสักหลายคำแทนอู๋ฝานเพื่อลดราคาลง เพียงแต่ ตอนอยู่ในเหตุการณ์จริง เขาได้ตระหนักว่ามันไม่มีทางที่ตนจะเข้าไปแทรกได้ ความสัมพันธ์อันน้อยนิดระหว่างเขากับเถ้าแก่เฉียนไม่อาจส่งผลอะไรถึงขนาดนั้นได้
หลิวอี้เตามักทำแต่งานในครัว เรื่องราวอื่นจึงแทบไม่สนใจ หากว่าขอให้เขาเป็นคนเจรจาต่อรองราคา สุดท้ายอาจจะได้ลดมาสักเศษเสี้ยว ไม่แปลกหากตอนนี้เขาจะเกิดนับถือการเจรจาต่อรองของอู๋ฝาน
ในฐานะเชฟแล้ว ไม่เพียงแต่ทำอาหารได้เก่ง แต่ยังเจรจาต่อรองได้เก่งอีกด้วย
“ลดไปสามล้านก็ใช่ แต่ก็ต้องจ่ายอีกกว่ายี่สิบล้าน มันยังเป็นเงินจำนวนมากอยู่ดี ตอนนี้ผมยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าจะหามายังไง” อู๋ฝานเผยยิ้มกระดากใจตอบออกมา
“อาจารย์ ผมยังมีอีกหลายล้านเก็บออมเอาไว้ ถ้าหากต้องการ ผมก็พร้อมช่วย” หลิวอี้เตาบอกกับอู๋ฝาน
หลิวอี้เตานับถืออู๋ฝานเป็นอาจารย์โดยแท้จริง นอกจากนี้แล้ว ตัวเขาไม่ได้ให้ค่าอะไรกับเงินทองมากมาย ขอเพียงอู๋ฝานออกปากว่าต้องการ เขาก็ยินดีใช้เงินเก็บออมส่วนตัวออกให้ก่อนได้
“ขอบคุณครับ” อู๋ฝานตอบรับด้วยความซาบซึ้ง
หากพูดไปแล้ว จนถึงตอนนี้เขายังแทบไม่ได้สอนอะไรมากมายแก่หลิวอี้เตา แต่หลิวอี้เตากลับตอบรับด้วยดีถึงขนาดนี้ ทั้งยังช่วยเป็นธุระแทนให้ กระทั่งวางเงินมัดจำให้ก่อน เรื่องนี้จึงทำอู๋ฝานเกิดรู้สึกอยากขอโทษอีกฝ่าย
เพียงแต่ เงินไม่กี่ล้านไม่อาจช่วยอู๋ฝานในตอนนี้ได้มากนัก เพราะมันยังมีส่วนต่างอีกมหาศาล
อู๋ฝานกระทั่งเตรียมใจรับกรณีที่ไม่อาจหาเงินได้ทันในสองสัปดาห์ แม้ยากยอมรับไปบ้าง แต่กรณีเลวร้ายที่สุดคือการหาร้านใหม่ ส่วนค่ามัดจำห้าแสนของหลิวอี้เตา ภายหน้าจึงค่อยจ่ายคืนให้
แน่นอนว่า ตราบเท่าที่ยังมีโอกาส ขอเพียงเวลายังไม่หมดลง อู๋ฝานจะไม่คิดยอมแพ้ อย่างไรแล้วตัวเขาก็ค่อนข้างชอบพอร้านแห่งนี้พอสมควร ภายหลังต่อรองลดมาได้ถึงสามล้านกว่าหยวน มีหรือเขาจะยอมปล่อยทิ้งไปโดยง่าย
มันจะมีหนทางอะไรในการหาเงินในเวลาอันสั้น?
อู๋ฝานเริ่มใช้สมองครุ่นคิดหาวิธี
หากว่ายังเป็นตอนที่ยังอยู่หมู่บ้านเร้นลับในโลกแห่งเกม เขาเพียงตัดไม้มาขายก็ได้แล้ว แม้ว่าเสี่ยงถูกเปิดโปงไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็มีหนทาง
เพียงแต่น่าเสียดาย ตัวเขาในโลกแห่งเกมตอนนี้ ยังอยู่ที่เทศมณฑลชิงหยวน และวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางออกจากเทศมณฑลไปยังสถานที่ไกลห่าง ตัวเขาไม่มีทางกลับไปยังหมู่บ้านเร้นลับในเวลาอันสั้นได้ ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางอื่น
จะยังทำอะไรอื่นอีกได้ อู๋ฝานเริ่มครุ่นคิดถึงความสามารถที่ตนเองมี ดูว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยตัวเขาคลี่คลายจากปัญหาตรงหน้านี้ได้บ้าง
เพียงแต่ ก่อนอู๋ฝานจะคิดหาทางออกได้ เขากลับได้รับสายจากหวังจื่อหมิง ผ่านทางโทรศัพท์ หวังจื่อหมิงขออู๋ฝานนัดพบร่วมทานอาหารมื้อเย็น
กับหวังจื่อหมิง อู๋ฝานค่อนข้างมีความประทับใจอันดีด้วย แม้ไม่ทราบว่าครั้งนี้อีกฝ่ายต้องการอะไร แต่เขาก็ไม่คิดปฏิเสธ