บทที่ 142 กองพันอื่นเข้าร่วมการต่อสู้
บทที่ 142 กองพันอื่นเข้าร่วมการต่อสู้
ตอนที่ยังอยู่เทศมณฑลชิงหยวน อวี่เฟยได้เรียกรวมตัวอยู่หลายครั้ง เป็นการเรียกหัวหน้ากองพันไปกินดื่มร่วมกัน
ผลลัพธ์ที่ได้ โจวซานปรากฏตัวเพียงแค่วันแรก ส่วนที่เหลือถัดจากนั้น เขาหาข้ออ้างเช่นยุ่งกับการฝึกซ้อม และการฝึกซ้อมไม่อาจหยุดได้
แน่นอนว่าอวี่เฟยไม่ใช่ไม่ใส่ใจเรื่องของการฝึกซ้อม
แต่มันเป็นการไม่เห็นแก่หน้าเขา!
ตัวเขาที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดได้มาเป็นผู้บัญชาการค่ายวิหค เป็นหัวหน้าของโจวซาน ต่อให้อีกฝ่ายเคยสังกัดกองทัพเฟยสยงมาก่อน แต่ที่นี่เขาคือหัวหน้า ดังนั้นจึงต้องฟังคำของเขา ไม่ใช่เพราะมีพื้นเพดีอยู่บ้าง แล้วจะทำเป็นไม่เห็นตัวเขาในสายตาได้!
เหตุทั้งหมดนี้รวมกัน จึงเป็นผลให้อวี่เฟย ไม่ค่อยชอบใจโจวซานแทบจะสิ้นเชิง
ครั้งนี้พบเจอหมาป่าเนตรสีชาด โจวซานนำกองพันที่สามออกไปห้ำหั่นสังหารโดยไม่สนคำสั่งของเขา อย่างนี้ยังเห็นเขาเป็นหัวหน้าในสายตาอยู่หรือไม่?
ดังนั้น ยามพบเห็นคนของกองพันที่สามรับมือได้ไม่ค่อยดีมากนัก อวี่เฟยก็ไม่ได้ออกคำสั่งให้คนของกองพันอื่นเข้าไปช่วยเหลือ เพียงแต่นิ่งเฉยรับชม ทำตัวเป็นผู้ชมที่ดีอยู่แถวหน้าของการแสดง
อวี่เฟยได้ตัดสินใจแล้ว ว่าเมื่อใดที่คนของกองพันที่สามจัดการสู้กับหมาป่าเนตรสีชาดจนถึงจุดหนึ่ง เขาจะส่งคนของกองพันอื่นเข้าไปสนับสนุนเพื่อเผด็จศึก ถึงเวลานั้น ตัวเขาจะได้รับความดีความชอบในการขับไล่ฝูงหมาป่าเนตรสีชาด
ขณะเดียวกัน เขายังสามารถใช้เรื่องนี้ข่มโจวซานในภายหลัง เพราะการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในกองพันที่สาม อีกฝ่ายที่เป็นหัวหน้ากองพัน ย่อมต้องรับผิดชอบต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถัดจากนั้นจึงถอนตำแหน่งหัวหน้ากองพัน แต่งตั้งหัวหน้าหน่วยสักคน หรือหัวหน้ากองร้อยขึ้นแทนที่ตำแหน่งนั้น
มันถือเป็นโอกาสที่อวี่เฟยจะได้ก่อร่างสร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิของตนเองในค่ายวิหค
การตัดสินใจของเขา เป็นเหตุให้คนในกองพันที่สามต้องเสียหายหรือเสียชีวิตอะไรนั่น ตัวเขาไม่คิดสนใจ อย่างไรคนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างกับก้อนโคลนที่มีทั่วทุกแห่งหน หากว่าตายไป ก็แค่ตาย ภายหลังขนส่งเสบียงและหญ้ารอบนี้เรียบร้อยเป็นใช้ได้ จากนั้นเขาจะใช้อำนาจของทางราชสำนัก ทำการรับสมัครคนกลุ่มใหม่เข้ามาเพิ่ม อย่างไรเสียก้อนโคลนก็มีอยู่ทั่วทุกที่มิใช่หรือ?
“โจวซาน หากคิดอยากกล่าวโทษ ก็จงโทษตัวเองที่โง่เขลาเสียเถอะ!” อวี่เฟยแค่นเสียงเย้ยหยัน
แน่นอนว่า ขณะการศึกยังคงดำเนินต่อไป ผู้คนทางฝั่งกองพันที่สามก็ยิ่งได้รับบาดเจ็บมากขึ้น สถานการณ์มีแต่จะแย่ลง
เพียงแต่ ภายใต้ความเป็นผู้นำของโจวซาน คนของกองพันที่สามจึงสามัคคีร่วมแรง นอกจากนี้ อู๋ฝานและคณะยังเคลื่อนที่รวดเร็ว ทำการช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างทันท่วงที ดังนั้นแม้ว่าจะมีผู้บาดเจ็บในกองพันที่สามเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ปรากฏผู้เสียชีวิต
กระนั้น หากสถานการณ์ยังคงดำเนินแบบนี้ต่อไป มันย่อมต้องเกิดการเสียชีวิตขึ้นมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เดิมนั้นอวี่เฟยต้องการรอคอยจนกระทั่งคนของกองพันที่สามตายเสียก่อน จึงค่อยออกคำสั่งให้กองพันอื่นบุกโจมตี แต่ขณะนั่งบนหลังม้า เขากลับได้เห็นฝูงหมาป่าทางด้านหลัง กลุ่มดวงตาสีแดงของพวกมันกำลังไหลหลั่งกันมาเป็นกระแสน้ำ
หรือว่าที่คนก่อนหน้านี้พูดขึ้นเป็นเรื่องจริง?
ราชาหมาป่าเนตรสีชาดกำลังเรียกพรรคพวกหมาป่าเนตรสีชาดตัวอื่นมาอย่างงั้นหรือ?!
อวี่เฟยไม่คิดยอมรับ เพียงแต่ยามได้เห็นกับตาตนเองถึงฝูงหมาป่าเนตรสีชาดจำนวนมากที่มาจากทางด้านหลัง จำนวนของพวกมันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในกรณีเช่นนั้น สถานการณ์ของกองพันที่สามจะยิ่งอันตราย ขณะที่คนของกองพันอื่นในอนาคตอันใกล้ก็จะมีชะตาที่ไม่ต่างกัน
เมื่อใดคนของกองพันที่สามถูกสังหาร เป้าหมายถัดมาของฝูงหมาป่าเนตรสีชาดย่อมต้องเป็นคนที่เหลือ พวกเขาไม่อาจถอยหนี สิ่งที่อวี่เฟยคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้คือ กองพันที่สามจะต้องสู้กับหมาป่าเนตรสีชาดจนตัวตาย หากเป็นเช่นที่ว่า ต่อให้ภายหลังเหลือหมาป่าเนตรสีชาดโจมตีคนของกองพันอื่น อย่างไรก็สามารถรับมือได้
แต่สถานการณ์กลับไม่ดำเนินไปตามที่อวี่เฟยคาดคิด กองพันที่สามบาดเจ็บหนักแล้วจริง ๆ ขณะที่ความเสียหายทางฝั่งฝูงหมาป่าเนตรสีชาดกลับไม่ได้มีมากมายนัก กระทั่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เคยเป็นเสียด้วยซ้ำ
หากยังปล่อยให้ดำเนินแบบนี้ต่อไป ทั้งค่ายวิหคอาจไม่สามารถต่อกรกับหมาป่าเนตรสีชาดได้อีก!
อวี่เฟยคิดอยากสั่งสอนบทเรียนแก่โจวซานนั้นก็ใช่ แต่เขาไม่คิดอยากเป็นผู้บัญชาการหน้าโง่
ดังนั้น ภายหลังพบเห็นสถานการณ์ผิดแปลกออกไป เขาจึงเร่งออกคำสั่งโจมตีโดยทันที
คำสั่งของผู้บังคับบัญชา ต่อให้คนของกองพันอื่นไม่อยากทำ แต่ครั้งนี้ พวกเขาก็ต้องลงมือแล้ว
ด้วยกำลังเสริมจากกองพันอื่น แรงกดดันทางฝั่งอู๋ฝานและคณะจึงผ่อนคลายลงไปมาก
โจวซานเร่งรีบฉวยโอกาสตอนนี้ ขนย้ายคนที่ได้รับบาดเจ็บไปยังแนวหลังเพื่อทำการรักษา
ส่วนทางด้านอู๋ฝาน เขายังคงเปิดศึกต่อสู้อย่างดุเดือด ค่าสถานะความว่องไวทำให้ตัวเขาสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกหมาป่าเนตรสีชาดได้โดยไม่รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ช่วงเวลานี้เองที่ อู๋ฝานเริ่ม ‘วิ่งพล่าน’ ไปทั่วเพื่อเป็นกองกำลังเคลื่อนที่ ทำการช่วยเหลือสมาชิกของกองพันที่สามจากกรงเล็บของหมาป่าเนตรสีชาดอย่างต่อเนื่อง ขณะได้รับคำขอบคุณจากพรรคพวก ก็ทำให้ได้รับค่าประสบการณ์มาไม่ใช่น้อย
ดังที่ทราบกันว่า หมาป่าเนตรสีชาดเหล่านี้สำหรับอู๋ฝานแล้วคือมอนสเตอร์ อู๋ฝานสามารถสังหารพวกมันเพื่อรับเอาค่าประสบการณ์ ตราบเท่าที่ลงมือปิดฉากฆ่าพวกมันได้ ตัวเขาจึงจะได้รับค่าประสบการณ์มากมาย ตัวเขาที่วิ่งพล่านไปทั่ว เข้าช่วยเหลือคนอื่น จึงช่วงชิงผลงานปิดฉากการต่อสู้ สิ่งที่ได้รับมานั้นไม่ใช่เล็กน้อยเลย
ที่น่าเสียดายหนึ่งเดียว คือการที่มันไม่มีอุปกรณ์ดร็อปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เพราะอัตราการดร็อปต่ำเตี้ย อู๋ฝานจึงทำได้เพียงบ่นอย่างอับจน
อู๋ฝานคาดหวังว่าในบรรดาหมาป่าเนตรสีชาดฝูงนี้ หากว่าสังหารไปเรื่อย ๆ มันอาจจะมีโอกาสดร็อปอุปกรณ์สักชิ้นหนึ่ง ส่วนบอสมอนสเตอร์เลเวลยี่สิบ อย่างไรก็ต้องมีอุปกรณ์ดร็อปอย่างแน่นอน
อู๋ฝานค่อนข้างกระตือรือร้น เพียงแต่หมาป่าเนตรสีชาดธรรมดารอบด้านมีมากจนเกินไป และการที่อู๋ฝานคิดสังหารจ่าฝูงของพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นที่คิด
“หลังทำให้หมาป่าเนตรสีชาดได้รับบาดเจ็บหนักได้แล้ว อย่าเพิ่งสังหารพวกมัน” อู๋ฝานบอกต่อสมาชิกหน่วย
เพราะมีเพียงอู๋ฝานที่สามารถได้รับค่าประสบการณ์จากการลงมือปิดฉาก ดังนั้นเขาจึงวางแผนให้สมาชิกหน่วยของตนช่วยเหลือ ‘ป้อนมอนสเตอร์’ ให้
สมาชิกหน่วยของอู๋ฝานสองคนได้รับบาดเจ็บ ปัจจุบันถูกส่งตัวกลับไปแนวหลังแล้ว ทางด้านหนิวเอ้อและคนอื่นที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ยังคงต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าหนิวเอ้อและคณะจะประหลาดใจกับคำสั่งของอู๋ฝาน เพียงแต่เวลาไม่คอยให้พวกเขาได้คิดอะไรมากนัก ดังนั้นจึงตอบรับเสียงดัง ภายหลังจึงหยุดการสังหารหมาป่าเนตรสีชาด เพียงเล่นงานมันจนสาหัส แล้วจึงปล่อยที่เหลือให้อู๋ฝานจัดการ
ทว่าหนิวเอ้อและคณะก็ไม่ใช่ว่าแข็งแกร่งล้นพ้นอะไร อย่างไรการจะทำให้หมาป่าเนตรสีชาดได้รับบาดเจ็บได้ก็เป็นไปอย่างจำกัด ดังนั้นอู๋ฝานจึงต้องเริ่มแผน ‘วิ่งพล่าน’ อีกครั้ง เพื่อเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือให้ทั่วทุกบริเวณ
การกระทำของพวกหนิวเอ้อ คนของกองพันอื่นไม่มีความสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น พวกเขาไม่ใช่ผู้เล่น ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าอู๋ฝานกำลังแย่งฆ่ามอนสเตอร์ ที่คิดก็เพียงว่าอู๋ฝานเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ และมีแต่ความรู้สึกขอบคุณมอบให้
แย่งฆ่ามอนสเตอร์ได้ ทั้งยังได้รับคำขอบคุณชื่นชม!
เพียงแต่ สถานการณ์ที่ดำเนินก็ไม่ใช่ว่าจะสู้ดีนัก
แม้คนจากกองพันอื่นเข้าร่วมการสู้รบแล้ว แรงกดดันของกองพันที่สามจะผ่อนคลายลงได้มาก แต่พวกเขาก็ยังเข้าร่วมช้าจนเกินไป ขณะนี้มีหมาป่าเนตรสีชาดจำนวนมากรวมตัวกัน อีกทั้งพวกมันยังคอยเรียกพรรคพวกมาเสริมทัพอยู่ไม่ขาด หากว่ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งค่ายวิหคอาจจะต้องเผชิญอันตรายระดับถูกกำจัดกวาดล้าง
“อู๋ฝาน ตามข้ามา พวกเราไปสังหารจ่าฝูงหมาป่า!” เสียงของโจวซานดังขึ้นให้อู๋ฝานได้ยิน