บทที่ 146 ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
บทที่ 146 ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
“เข้าใจผิด? ไม่ใช่ความเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น! มันเป็นข้อเท็จจริงที่ข้าเห็นกับตาตัวเอง!” อวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชาตอบกลับ จากคำพูดของอู๋ฝาน สีหน้าของเขาจึงไม่สู้ดีเช่นเมื่อครู่ “ด้วยฐานะผู้บังคับบัญชาแห่งค่ายวิหค การตัดสินใจของพวกเจ้าในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่ใช่ว่าดีเพียงแค่กับพวกเจ้าสองคนหรือไร?”
เดิมนั้นอวี่เฟยเล็งเห็นว่าอู๋ฝานมีฝีมือ จึงต้องการรับสมัครเป็นผู้ใต้บัญชาของตนเอง เพื่อฝึกฝนให้เป็นทหารส่วนตัว อย่างไรการมีบุคคลที่แข็งแกร่งคอยคุ้มกัน ตัวเขาก็จะยิ่งปลอดภัย
เพียงแต่ ขณะนี้อู๋ฝานดูไม่น่าสนใจเช่นที่เคยเป็นเสียแล้ว อีกฝ่ายเลือกเข้าข้างโจวซาน พูดแทนโจวซาน ไม่แปลกหากจะทำให้อวี่เฟยไม่พอใจขึ้นมา
ไม่เพียงแต่อู๋ฝานไม่เห็นด้วยกับคำของอวี่เฟย แต่ยังเลือกยืนปกป้องโจวซาน
“อู๋ฝาน ไม่ต้องพูดแล้ว” โจวซานเอ่ยคำขึ้น จากนั้นจึงมองอวี่เฟยพลางถาม “ขุนพลอวี่ แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้บังคับบัญชาของข้า แต่ไม่ใช่ผู้ที่กำหนดตำแหน่งให้ข้าเป็นหัวหน้ากองพัน หากต้องการปลดข้าออกจากตำแหน่ง เช่นนั้นก็ขอให้รายงานกลับไปยังเบื้องบน หากว่าเบื้องบนเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ ข้าก็ไม่มีความเห็นเป็นอื่น”
ความหมายของโจวซานเด่นชัด คิดปลดข้าจากการเป็นหัวหน้ากองพันงั้นหรือ?
เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น!
แม้อวี่เฟยเป็นผู้บังคับบัญชาค่ายวิหค แต่การกำหนดตำแหน่งหัวหน้ากองพันเป็นเรื่องราวของเบื้องบน ไม่ใช่ตัวอวี่เฟย ดังนั้นหากเขาต้องการถอนโจวซานออกจากตำแหน่งหัวหน้ากองพัน ก็มีแต่ต้องรายงานแจ้งให้เบื้องบนทราบ ขอความคิดเห็นและคำชี้แนะ ไม่ใช่การตัดสินใจโดยพลการ
“เจ้า!” อวี่เฟยแทบสบถคำออกมา กระทั่งชี้หน้าโจวซาน “อย่านึกว่าจะอยู่ต่อได้นาน! ข้าจะเขียนรายงานขอคำชี้แนะ รับประกันเลยว่าตำแหน่งหัวหน้ากองพันของเจ้าจะไม่อาจอยู่ต่อได้!”
แม้อวี่เฟยไม่อาจไล่โจวซานออกโดยตรง แต่อย่างไรเขาก็เป็นผู้บังคับบัญชาของค่ายวิหค สำหรับการกำหนดผู้ใต้บัญชา เบื้องบนย่อมต้องเห็นแก่หน้ากันบ้าง ดังนั้นตราบเท่าที่ยืนกรานการตัดสินใจนี้ เขาก็เชื่อว่าเบื้องบนจะอนุมัติคำขอ
“ตามแต่สะดวกเจ้า” โจวซานตอบรับเสียงเรียบเฉย หาได้มีอาการแตกตื่นตกใจไม่
“ได้ ดี!” เนื่องจากถูกโจวซานลูบคม สีหน้าอวี่เฟยจึงกลับกลายเป็นดุร้ายขึ้นมา ถัดจากนั้นจึงมองอู๋ฝานพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “คิดเรื่องที่ข้าเสนอไปเมื่อครู่ให้ดี ไม่ใช่ทุกคนจะได้โอกาสเป็นคนสนิทข้างกายข้า ทหาร มันถือเป็นเกียรติของเจ้าที่ได้เป็นทหารองครักษ์ส่วนตัวของข้า หากมองว่าดี ภายหน้าจงอยู่ให้ห่างจากโจวซาน อย่าได้ข้องเกี่ยวอะไรกับมัน”
สิ้นคำ อวี่เฟยจึงหันกลับคิดจากไป หัวหน้ากองพันคนอื่นที่ติดตามมาต่างมองโจวซานอย่างเห็นใจ สุดท้ายก็เดินทางกลับกันไป
“รอเดี๋ยว!” อู๋ฝานเอ่ยคำขึ้นอย่างกะทันหัน อวี่เฟยและคณะจึงหยุดชะงัก
“มีอะไร? คิดถี่ถ้วนดีแล้วหรือ?” อวี่เฟยหันกลับมามองอู๋ฝาน “ตัดสินใจได้ดี โอกาสของเจ้าที่จะได้เป็นทหารส่วนตัวของข้าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ และข้าย่อมดูแลอย่างดี ไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้อะไรจากโจวซานที่ไม่รู้ว่าควรประจบเอาใจใคร!”
“ขุนพลอวี่ ข้าตัดสินใจได้แล้วจริงดังที่ว่า” อู๋ฝานมองไปยังอวี่เฟยพลางตอบรับ “ข้าตัดสินใจปฏิเสธคำเชื้อเชิญของท่าน ข้าไม่ต้องการเป็นทหารส่วนตัวให้ใคร ต้องการเป็นเพียงทหารธรรมดาคนหนึ่ง เป็นสมาชิกของกองพันที่สามแห่งค่ายวิหค เป็นทหารใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าโจว”
“เช่นนั้น เกียรติยศและโอกาสเหล่านี้ ก็จะตกเป็นของผู้อื่น”
เป็นทหารส่วนตัว? เป็นบอดี้การ์ดมีเกียรติยศอะไร?
ถ้าหากสมองไม่กลับก็คงไม่มีทางยอมรับ!
อู๋ฝานไม่คิดใจเต้นเร่ากับคำของอวี่เฟยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ภายหลังได้เห็นนิสัยและตัวตนของอวี่เฟย เขายิ่งเกิดความไม่ชอบใจต่ออีกฝ่ายขึ้นมาพอสมควร
“ก็ได้ พวกเจ้าทั้งสองดูเหมาะสมกันดี!” อวี่เฟยสบถคำใส่อู๋ฝาน เดิมเขาเชื่อมั่นว่าอู๋ฝานจะไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดไป อย่างไรก็ต้องยอมรับ เพียงแต่ไม่นึกว่าอู๋ฝานจะปฏิเสธอย่างหนักแน่น และยังตรงไปตรงมาเช่นนี้
เหมือนดังโจวซาน ที่ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย!
“สักวันพวกเจ้าทั้งสองจะเสียใจ แล้วมาขอร้องอ้อนวอนข้า!” อวี่เฟยตอบคำกลับอย่างกราดเกรี้ยว สุดท้ายจึงจากไป
“อันที่จริง เจ้าไม่เห็นต้องพูดถึงขนาดนั้นเลย มันไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับตัวเจ้า” โจวซานบอกกับอู๋ฝาน เมื่อครู่เขาไม่คิดอยากให้อู๋ฝานเอ่ยคำใดออกมา เพราะไม่ต้องการให้อู๋ฝานตั้งตัวเป็นศัตรูกับอวี่เฟย แต่หาได้คาดคิดไม่ ว่าการกระทำของอู๋ฝานจะโผงผางถึงเพียงนี้
“หรือหัวหน้าโจวต้องการให้ข้าไปเป็นทหารส่วนตัวของเขากันล่ะขอรับ?” อู๋ฝานเอ่ยคำขึ้น
“ก็ไม่ใช่แบบนั้น” โจวซานปฏิเสธ
“งั้นก็จบเรื่องแล้วจริงไหมขอรับ?” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ตราบเท่าที่ข้าปฏิเสธคำเชิญ ไม่ว่าด้วยเหตุอะไร เขาก็รู้สึกแล้วว่าข้าไม่ไว้หน้า อย่างไรเสียข้าก็ไม่คิดประจบใครอยู่แล้ว ผลลัพธ์สุดท้ายก็เหมือนกันอยู่ดี จบลงที่เขาต้องไม่ชอบหน้าข้า”
“พอเจ้าพูดขึ้นมา มันก็จริงดังที่ว่า” โจวซานยิ้มตอบ “อวี่เฟยก็แค่บุคคลตัวจ้อย ไม่ได้มีฝีมืออะไร ทั้งวี่วันเอาแต่ยกหางตัวเองข่มคนอื่น การที่มันขอให้เจ้าเป็นทหารส่วนตัว ขอเพียงเจ้าปฏิเสธ มันก็คิดเหม็นขี้หน้าเจ้าแล้ว”
“เพียงแต่ไม่ต้องกังวลไป ด้วยข้าอยู่ที่นี่ มันจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า” โจวซานกล่าวตอบ “หากเกิดเรื่องใหญ่ ข้าจะส่งเจ้าไปจากค่ายวิหค ข้ายังมีความสามารถทำอะไรแบบนั้นได้”
แท้จริงแล้ว โจวซานคิดอยากส่งอู๋ฝานออกจากกองทัพสำรองเช่นค่ายวิหคไปยังกองทัพประจำการมาโดยตลอด ครั้งนี้มันอาจเป็นโอกาสอันดี หากว่าอวี่เฟยกระทำจนเกินไป เขาจะมีโอกาสได้ส่งอู๋ฝานไปจากที่นี่
“ข้าไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย” อู๋ฝานยิ้มตอบ
สิ่งที่อู๋ฝานให้ค่ากับโลกแห่งนี้คือทรัพยากร มีเพียงสมบัติล้ำค่าจากที่นี่จึงทำให้เขารู้สึกว่าได้รับอะไรมา ส่วนยศถาบรรดาศักดิ์นั้นเขาไม่คิดสนใจแม้แต่น้อย
“หัวหน้าต่างหากที่ต้องระวัง” อู๋ฝานตอบกลับ “ข้าไม่คิดว่าอวี่เฟยจะยอมถอยโดยง่าย หัวหน้าแน่ใจแล้วหรือ?”
“ว่าอะไร? เรื่องพวกนี้น่ะหรือ?” โจวซานตอบคำกลับ “หัวหน้ากองพันอะไรนี่ก็แค่ของไร้สาระ ข้าไม่สนใจตำแหน่งหัวหน้ากองพันนี่ด้วยซ้ำ”
โจวซานไม่ใส่ใจสถานะตำแหน่งหัวหน้ากองพันของกองทัพสำรองจริง ทั้งยังดูหมิ่นพฤติกรรมโฉดชั่วของอวี่เฟย
อู๋ฝานเกิดรู้สึกเสียใจแทนชายคนนี้อยู่ภายใน
โจวซานเป็นคนมีความสามารถ แต่น่าเสียดายที่ดันมาพบเจอคนเช่นอวี่เฟย หากเขาไม่ได้นำคนของกองพันที่สามออกหน้าทันท่วงที ก็เกรงว่าทั้งค่ายคงพ่ายแพ้แก่หมาป่าเนตรสีชาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงเวลานั้น ความสูญเสียจะหนักหนาและรุนแรงเกินคาดคิด
เพียงแต่ ทัศนวิสัยของโจวซานไม่ได้นำพาเกียรติยศมาให้ แต่กลับถูกเพ่งเล็งเป็นเป้าหมายแทน
เดิมนั้นอู๋ฝานคิดว่าหากตนเองบุกเข้าไปสังหารฝูงหมาป่ากลุ่มแรกได้สำเร็จ จะพอสร้างความดีความชอบอะไรได้บ้าง เพราะเขายังนึกถึงฝันที่จะหลุดพ้นจากการรับใช้กองทัพ โดยแลกมาด้วยการแสวงหาความดีความชอบ
ปัจจุบันเหมือนเขาจะคิดมากจนเกินไป เขาโชคดีขนาดไหนแล้วที่อวี่เฟยไม่เลือกเป็นเป้าหมายดังเช่นโจวซาน ส่วนคุณงามความดีนั้น แทบไม่มีเหลือให้กล่าวถึง
“ก็แน่อยู่แล้ว การจะหลุดพ้นจากการรับใช้กองทัพด้วยความดีความชอบ มันต้องไม่ง่าย” อู๋ฝานรำพึงรำพันอยู่ในใจ
เพียงแต่ นอกจากหลุดพ้นการรับใช้กองทัพด้วยวิธีการนี้ อู๋ฝานก็คิดหาวิธีการอื่นไม่ออกแล้ว ชายหนุ่มยังคิดอยากให้อวี่เฟยมีโทสะจนไล่ตนเองออกเสียด้วยซ้ำ แต่โชคร้ายที่กองทัพสำรองนี้เป็นคำสั่งของจักรพรรดิ ต่อให้อวี่เฟยข่มขู่อู๋ฝานเพียงใด ก็ไม่มีทางออกความเห็นหรือคำสั่งเหล่านั้นได้ อวี่เฟยไม่มีสิทธิ์ไล่เขาออกจากกองทัพ อย่างมากก็ทำได้เพียงป้องกันการเลื่อนตำแหน่งไม่ให้กลายเป็นเสี้ยนหนาม จนสุดท้ายอาจปีกกล้าขาแข็งจนเป็นภัยคุกคาม
แน่นอนว่า ความก้าวหน้าดังกล่าวไม่ใช่หนทางที่อู๋ฝานต้องการ