จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 666-670

ตอนที่ 666-670

บทที่ 666 : นางเป็นคนดีจริง ๆ (2)
  แม่น้ำหลงเฮอนี้มีมังกรจริงหรือ?
  “มันคือมังกรมังกรจริง ๆ ! ข้าเคยเห็นในตำราโบราณ มังกรมีลักษณะเช่นนี้แหละ”
  “นอกจากนี้มังกรในแม่น้ำหลงเฮอดูเหมือนจะมีมากกว่าหนึ่งตัวเพราะเสียงกระแทกเรือมังกรยังไม่หยุดเลย”
  ”แต่เรามีแม่นางมู่เหลงอยู่ไม่ต้องกลัวปัญหาใด ๆ แม่นางมู่เหลงสัญญาว่าจะปกป้องเรา นางจะต้องรักษาคำสัญญาของนาง”
  ในขณะนี้เหงื่อเย็นซึมหน้าผากของมู่เหลง นางเพียงคุยโวเท่านั้น ผู้ใดจะคิดว่ามีมังกรอยู่ในแม่น้ำหลงเฮอจริงกันเล่า
  ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใดนางก็ไม่สามารถเอาชนะมังกรได้หรอก มันไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย !
  ”ช่วยข้าด้วยแม่นางมู่เหลง !”
  หญิงสาวที่ถูกหางของมังกรรวบรัดไว้ร้องอ้อนวอนสีหน้าของนางซีดเซียว นางพยายามยื่นมือออกไปไขว่คว้ามู่เหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนางนัก
  มู่เหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่งทว่าก็ยังไม่ขยับเขยื้อน กระทั่งเสียงร้องคร่ำครวญของเด็กสาวค่อย ๆ สงบลง
  แววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังหากแต่นางก็เข้าใจได้ว่ามู่เหลงไม่อาจช่วยนางได้
  เช่นนั้นนางจะไม่ตำหนิมู่เหลง!
  มู่เหลงไม่ขยับหากแต่นางไม่เห็นว่า หลังจากเหวินซุนฮวนได้ยินเสียงร้อง เขาก็กำหมัดแน่น พร้อมกับรีบพุ่งเข้าหามังกร
  ครั้นมังกรเห็นว่ามีคนกล้ายั่วยุมันมันก็โกรธจัด หางมังกรขนาดใหญ่กวาดมาทันใด พร้อมกันนั้นหางนั่นก็ฟาดร่างของเหวินซุนฮวนจนกระทั่งล้มกลิ้ง
  ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับต่ำจึงไม่อาจรองรับการโจมตีจากมังกรได้!
  ”ผู้ชายออกไปข้าต้องการเพียงผู้หญิง!” มังกรลดสายตาลงมองพื้นเรืออย่างสะใจ ก่อนที่จะทิ้งหญิงสาวที่หางของมันม้วนไว้ตกลงสู่ทะเล
  ในเวลาเดียวกัน
  มังกรตัวที่กระแทกเรือมังกรก็ชนห้องโถงเรือจนทะลุรูนี้อยู่ที่เท้าของหวนหยินพอดี
  ”อ๊า!” นางกรีดร้อง จากนั้นนางก็รู้สึกว่าหางมังกรพันอยู่รอบกายนาง มันดึงร่างของนางลงสู่ก้นแม่น้ำ
  น้ำเย็นๆ ในแม่น้ำทะลักเข้าปากของนาง มือของนางโบกไหว ๆ อยู่เหนือน้ำ นัยน์ตาของนางเริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อย ๆ มือของนางค่อย ๆ หมดพลังกระทั่งค่อย ๆ จมหายภายใต้กระแสน้ำ
  นางต้องตายในวันนี้แล้วหรือ?
  กว่าจะได้ฝึกฝนวิชาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจะต้องมาตายเช่นนี้หรือ ?
  ใบหน้าของหวนหยินเผยรอยยิ้มสิ้นหวังเปลือกตาของนางหนักอึ้งกระทั่งไม่อาจลืมขึ้นไหว นางค่อย ๆ หลับตาลงทีละน้อย ๆ
  ทว่า…
  ขณะที่นางกำลังจะจมลงสู่ก้นแม่น้ำทันใดนั้นเองก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาคว้าแขนของนางแน่น จากนั้นก็กระชากขึ้นอย่างแรง กระทั่งนางรู้สึกว่าร่างของนางหลุดพ้นจากพันธนาการทันที จากนั้นนางก็สูดอากาศที่ไม่อาจหายใจได้อยู่เป็นเวลานานเข้าจมูก นั่นทำให้นางรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
  ”ข้ายังไม่ตายงั้นหรือ?”
  ชั่วขณะนั้นเองหวนหยินคิดว่านางกำลังจะตาย หากแต่ไม่คาดคิดว่านางจะสามารถหลุดรอดจากวิกฤตมาได้
  ทันใดนั้นเองนางก็นึกถึงมือที่ดึงตัวนางขึ้นจากก้นแม่น้ำ พลันใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ในขณะที่นางต้องการถามถึงเด็กสาวอีกคนที่ถูกโยนลงไปก้นทะเล นางก็มานอนอยู่บนดาดฟ้าเรือตัวเปียกโชกแล้ว
  *****
  ยามนี้บนดาดฟ้าเรือเต็มไปด้วยผู้คน ทุกคนมองไปที่แม่น้ำลึกนั่นด้วยอาการตกใจ และสำนึกผิด
  ”ลูกพี่ลูกน้อง?” ที่สุด หวนหยินก็ลุกขึ้นจากดาดฟ้า นางสูดลมหายใจอย่างหนักสองสามครั้งพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ผู้ใดช่วยข้า ?”
  แววตาของเหวินซุนฮวนเต็มไปด้วยความซับซ้อน”ก็สตรีที่ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของเจ้าไง”
  ถึงตอนนี้เหวินซุนฮวนก็พบว่า เขาไม่เคยถามชื่อแซ่สตรีผู้นั้นเลย
  ”ว่าไงนะ?” หวนหยินสะดุ้งพลางคว้าแขนของเหวินซุนฮวนอย่างใจจดใจจ่อ
  ***จบบทนางเป็นคนดีจริง ๆ (2)***

บทที่ 667 : นางเป็นคนดีจริง ๆ (3)
  ”นางยังไม่ขึ้นมาเลย”
  ยังไม่ขึ้นมาเลยงั้นหรือ?
  หวนหยินคำรามสมองของนางเหมือนจะระเบิด นางก้าวถอยหลังสองสามก้าว แววตาของนางบ่งบอกถึงความเจ็บปวด “ข้าเป็นหนี้นางสองครั้งสองครา รวมเป็นหนี้ชีวิตนางด้วย !”
  “แม่น้ำหลงเฮอลึกมากข้าจะกลับไป ขอให้ทุกคนในสภาอาวุโสมาช่วยค้นหา ไม่ว่านางจะเป็นหรือตาย ข้าก็ต้องการเห็นร่างของนาง !”
  เหวินซุนฮวนกำหมัดแน่นเขาหวนนึกถึงภาพตอนที่ไป๋หยานกระโดดลงไปในแม่น้ำ ด้วยเหตุผลใดไม่รู้ที่ทำให้เขารู้สึกราวถูกเข็มปักหัวใจ
  คนพวกนั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้ใดเสียสละตนเอง เพื่อคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเองเช่นนี้ !
  เมื่อเทียบกับนางแล้วพวกเขาต่างก็รู้สึกละอายใจ ! เหตุใดเมื่อครู่พวกเขาไม่กระโดดลงแม่น้ำหลงเฮอ
  จริงๆ แล้ว พวกเขาขี้ขลาดมาก เมื่อต้องเผชิญกับใบหน้าถมึงทึงของมังกรยักษ์
  “พี่ฮวนดูเหมือนว่าจะไม่เป็นการสมควรนักนะ” มู่เหลงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วน้อย ๆ “ตอนนี้อาการของพี่ชายท่านก็ยังไม่สู้ดี ท่านผู้อาวุโสคงไม่ว่างพอที่จะมาสนใจในเรื่องพวกนี้ ทั้งพวกเราก็ไม่มีเวลาเหลือพอที่จะช่วยชีวิตนางได้ นอกจากนี้หลังจากที่นางจมลงสู่ก้นแม่น้ำ นางย่อมไม่มีทางรอด..”
  ความหมายก็คือเจ้าไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรของตำหนักเซียนพยับหมอก เพื่อคนที่ตายไปแล้วหรอก
  ”หุบปาก!” ทันทีที่ได้ยิน นัยน์ตาของเหวินซุนฮวนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง อีกทั้งเย็นชา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
  มู่เหลง…นังงี่เง่า! เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นางคือหญิงสาวที่เขาคุ้นเคย และแสนงดงามผู้นั้น
  นับเป็นครั้งแรกที่เหวินซุนฮวนตวาดนาง
  นอกจากนี้ที่เขาตวาดนางยังเป็นเพราะสตรีแปลกหน้าคนหนึ่ง
  ”มู่เหลงข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนสูงส่ง ไม่ถือตัว เจ้าเป็นคนจิตใจดี ทั้งไม่ยโส ทว่าถึงตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าผู้ใดเลย” เหวินซุนฮวนเย้ยหยัน “อย่าลืมสิว่าเจ้าให้สัญญาว่าจะปกป้องความปลอดภัยของคนเหล่านี้ ทว่าเจ้ากลับเป็นคนแรกที่ถอนตัว ! อันที่จริงการปกป้องตนเองของเจ้ามิใช่เรื่องผิด เพราะใคร ๆ ก็รักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น !”
  “ข้า… ” ใบหน้าของมู่เหลงเปลี่ยนเป็นซีดขาวนางกล่าวคำใดไม่ออกไปชั่วครู่หนึ่ง
  ”ทว่า…” เหวินซุนฮวนกำหมัดของเขา “ในเมื่อเจ้ารักตัวกลัวตาย เหตุใดเจ้าถึงกล้าให้สัญญา ? ทั้งยังอ้างว่าจะจัดการกับมังกรนั่นด้วยตนเอง ! มู่เหลง … มู่เหลง ข้าเหวินซุนฮวน ตาบอดจริง ๆ ที่ตามตื๊อสตรีเช่นเจ้า !”
  ริมฝีปากของมู่เหลงสั่นระริกนางพยายามแก้ตัว
  ก่อนที่นางจะทันได้กล่าวคำใดหญิงสาวที่ถูกมังกรลากลงไปในแม่น้ำ ที่สุดก็กลับขึ้นมาได้ นางสำลักเสียงสะอื้น
  “ข้าเห็นแล้วว่าผู้ที่ช่วยชีวิตข้าก็คือสตรีผู้นั้น นางเป็นคนดีจริง ๆ นางเสียสละตน เพื่อช่วยคนแปลกหน้าเช่นเรา”
  แววตาของคนอื่นต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้เคยเยาะเย้ยถากถางไป๋หยานภายในใจของพวกเขาต่างก็รู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
  ”เจ้าตำหนักน้อยรองหากสภาอาวุโสไม่ยอมยื่นมือเข้าช่วย ข้ายินดีที่จะส่งคนจากตระกูลของข้ามาช่วยค้นหา เพื่อให้การช่วยเหลือนาง”
  ”ข้าเองก็เช่นกันนางมีน้ำใจมากถึงเพียงนี้ พวกเรามิอาจเพิกเฉยได้ … ”
  *****
  ในเวลานี้ไป๋หยานผู้ซึ่งจมลึกลงสู่ก้นแม่น้ำดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นในเรือมังกร
  แท้จริงแล้วทันทีที่มังกรปรากฏตัว นางก็สามารถให้ไป๋เสี่ยวเฉินใช้กลิ่นอายเลือดของตนข่มขู่มังกร หากแต่เพราะที่นี่คือ ตำหนักเซียนพยับหมอก หาใช่โลกภายนอกไม่ เช่นนั้นนางจึงเลิกคิดที่จะปล่อยให้ไป๋เสี่ยวเฉินออกมาจัดการ
  เป็นเพราะสตรีที่ถูกลากลงก้นแม่น้ำคือหวนหยินนางจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าช่วย หากเป็นผู้อื่นนางคงจะปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว
  บริเวณก้นแม่น้ำหลงเฮอมังกรยักษ์สองตัวนอนหมอบพวกมันหันมองดูกันและกันด้วยสายตาที่หวาดกลัวร่างใหญ่ของพวกมันสั่นระริกภายใต้แรงกดดันอันดุเดือด
  จิ้งจอกน้อยตัวเล็กโผล่ออกมาจากอ้อมแขนของไป๋หยานเขาเปรียบดั่งราชายืนอยู่เบื้องหน้ามังกรทั้งสอง ขณะทอดสายตาลงมองชายทั้งสอง
  ***จบบทนางเป็นคนดีจริง ๆ (3)***

บทที่ 668 : นางเป็นคนดีจริง ๆ (4)
  ”ฝ่าพระบาท… ”
  มังกรเอ่ยปากอย่างยากลำบาก”เราไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จมา โปรดยกโทษให้เราด้วย”
  แม้ว่าจิ้งจอกน้อยจะน่ารักและตัวเล็กนิดเดียว ทว่ามังกรทั้งคู่ก็ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์อสูร
  ไม่เพียงเท่านั้นด้วยกลิ่นอายโลหิตของราชวงศ์อสูร ทำให้พวกมันต่างก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น
  ”ข้าอยากถามคำถามเจ้าเพียงข้อ”ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้น “เหตุใดเจ้าถึงต้องดึงมนุษย์ผู้หญิงพวกนั้นลงมาในน้ำ”
  มังกรทั้งสองหันมองหน้ากันราวกับพวกเขากำลังตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่ ?
  ”เฉินเอ๋อ”ครั้นเห็นมังกรทั้งสองไม่ยอมปริปาก ไป๋หยานก็ยกริมฝีปากพลางยิ้ม “ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะบอกเรา เช่นนั้นเจ้าก็ลงมือเถิด”
  จิ้งจอกน้อยถูอุ้งเท้าของตนพลางก้าวเข้าหามังกรทั้งสอง
  ในขณะที่ก้าวไปข้างหน้าแต่ละก้าวนั้นน้ำหนักก็ยิ่งกดทับลงบนหัวของมังกรทั้งสอง น้ำหนักนั้นกดหัวของพวกมัน กระทั่งหัวของพวกมันแทบจะแนบกับพื้น มันแทบจะโงหัวไม่ขึ้น
  ”ข้า…ข้าพูดแล้ว… ”
  มังกรทองไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนั้นได้มันรีบพูดปากคอสั่น “เป็นเพราะนายของข้าได้รับบาดเจ็บ เขาจำเป็นต้องใช้เลือดของมนุษย์ผู้หญิงเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้ทุเลา ทว่านายของข้าไม่อยากเข่นฆ่าผู้คน เช่นนั้นเรื่องนี้จึงยืดเยื้อมานานหลายปี หากแต่ตอนนี้เขาไม่อาจต้านทานไหวแล้ว ดังนั้นเราจึงลอบออกมา และวางแผนที่จะนำมนุษย์ผู้หญิงกลับไปสักสองคน”
  มังกรเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจก่อนหน้านี้ เขาก็ได้กลิ่นอายของเลือดราชวงศ์อสูร หากแต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นผู้ที่อยู่บนเรือมังกร
  ”ได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะท่านผู้อาวุโสมีแค่พวกเราสองคนเท่านั้น พวกเราจะตายไม่ได้ นายท่านกำลังรอเราอยู่ … ”
  มังกรเงินอีกตัวกล่าวขึ้นมันเป็นผู้ที่ม้วนหางลากหวนหยินลงมา ยามนี้แม้มันจะรักศักดิ์ศรีตระกูลมังกรเพียงไร ? ทว่าเพื่อให้มันมีชีวิตรอดแล้ว มันก็ยอมกระทำได้ทุกสิ่ง
  ”พาข้าไปที่บ้านของเจ้า”ไป๋หยานกล่าวขึ้นหลังจากหยุดนิ่งไปนาน
  แท้จริงแล้วทันทีที่นางมาถึงก้นแม่น้ำนางก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย ราวกับว่านางเคยได้กลิ่นอายนี้จากที่ใดสักแห่ง หากแต่นางกลับจำไม่ได้
  ”เอ่อ… ” มังกรเงินลังเล มันหันไปมองมังกรทองซึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วย
  ”เอาล่ะข้าจะพาพวกท่านไปพบนายของข้า”
  ทั้งคู่ต่างก็เป็นเผ่าอสูรและไม่มีความแค้นเคืองใดต่อกัน จึงไม่มีเหตุผลใด ที่ทั้งสองจะทำอันตรายต่อนายของพวกเขา
  *****
  ไป๋หยานเดินตามหลังมังกรทั้งสองเพียงครู่วังอันหรูหราก็ปรากฏต่อสายตาของนาง
  บางทีโลกอาจไม่เคยคาดคิดว่าจะมีวังอยู่ในทะเลมังกรแห่งนี้
  หากเป็นเรื่องจริงตามที่มังกรยักษ์ทั้งสองกล่าวมาดูเหมือนจะไม่มีมังกรตัวอื่นในทะเลมังกรแห่งนี้อีก เช่นนั้นไป๋หยานจึงไร้สิ่งกีดขวางตลอดทาง เพียงไม่นานนางก็มาถึงด้านนอกของห้องนอนห้องหนึ่ง
  บูม!
  เพียงไป๋หยานเข้าใกล้ห้องนอนนั่นประตูห้องก็เปิดออกอย่างฉับพลัน จากนั้นสตรีในชุดกระโปรงยาวสีเขียวน้ำทะเลก็รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วนัยน์ตาของนางสว่างไสว นางกระตือรือร้นที่จะมองไปรอบ ๆ
  ชั่วอึดใจ…
  นางก็มองมาที่ร่างของไป๋หยาน
  ผืนผ้าที่ปกคลุมใบหน้าของไป๋หยานพลันร่วงหล่นเผยใบหน้าที่งดงามต่อสายตาของหญิงสาว สีหน้าของนางเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่เต็มไปด้วยความสับสนกลายเป็นความสุข จากนั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
  ”ท่านเองท่านคือผู้ที่ข้ารอคอยมาตลอด ?”
  หัวใจของไป๋หยานสั่นไหวเล็กน้อยสายตาของนางจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียว พลันนางก็ถามขึ้นว่า “เจ้ารอข้าอยู่งั้นหรือ ?”
  ”ใช่…ข้าฝันถึงท่านนับตั้งแต่ข้าถือกำเนิด… ” สตรีในชุดสีเขียวเดินช้า ๆ เข้าไปหาไป๋หยาน เริ่มมีความสดใสเพิ่มขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าซีด ๆ ของนาง “ในความฝันนั้น มีเสียงบอกให้ข้ารอท่าน ไม่ช้าก็เร็วท่านจะกลับมาหาข้า … ”
  ***จบบทนางเป็นคนดีจริง ๆ (4)***

บทที่ 669 : นางเป็นคนดีจริง ๆ (5)
  ”เช่นนั้นข้าจึงได้แต่เฝ้ารอข้าเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วข้าจะได้พบผู้ที่ข้าต้องรอ”
  สตรีในชุดสีเขียวหยุดพลันนัยน์ตาของนางก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางยกมือขึ้นลูบไล้ไป๋หยาน “และเมื่อท่านเข้ามาใกล้ห้องนอนของข้าเมื่อครู่ ข้าก็รู้สึกได้ว่าท่านคือผู้ที่ข้ารอคอยมาเป็นร้อยปีแล้ว”
  ”เจ้ามีนามว่ากระไร?” มือของไป๋หยานสั่นเทา นางแทบจะไม่สามารถควบคุมจิตใจตนเองได้ แววตาของนางค่อย ๆ เปล่งประกายแวววาว
  ”ชิงอี้นามของข้าคือชิงอี้ ข้ารอท่านอยู่ ข้าคิดว่าข้าจะไม่สามารถทนรอท่านได้แล้ว ทว่าในที่สุดท่านก็มาหาข้าจริง ๆ ”
  น้ำตาของชิงอี้ร่วงหล่นลงมาจากปลายหางตาทว่าใบหน้าของนางยังคงแย้มยิ้ม รอยยิ้มที่มาพร้อมหยาดน้ำตา ยิ่งทำให้ผู้ได้พบเห็นรู้สึกโศกเศร้า
  ”ชิงอี้”
  ไป๋หยานกอดชิงอี้แน่นนางลูบหลังหญิงสาวเพื่อปลอบใจ “ข้ามาแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องเจ็บปวดอีกต่อไป”
  ร่างของชิงอี้มีเลือดของมังกรเขียวเช่นนั้นจึงสามารถรู้ตัวตนของนางได้ชัดเจนโดยไม่ต้องกล่าวคำใด
  อย่างไรก็ตามวิหคอัคคีเคยกล่าวไว้ว่า มังกรเขียวเป็นบุรุษ หากแต่ตอนนี้ไยจึงกลายเป็นสตรีไปได้ล่ะ ? หรือเป็นเพราะการกลับชาติมาเกิด ?
  ”ข้าเชื่อท่าน”เสียงของชิงอี้ฟังน่าภิรมย์มาก ดั่งเช่นน้ำใสบริสุทธิ์ที่ไหลมาจากภูผา
  ”ชิงอี้ให้ข้าตรวจร่างกายของเจ้าหน่อย” ไป๋หยานกล่าว พลางปล่อยร่างของชิงอี้ นางถ่ายทอดพลังจิตดำดิ่งเข้าสู่ร่างของชิงอี้ เพียงไม่นานสีหน้าของไป๋หยานก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อย ผู้ใดทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ?
  ยามนี้ร่างกายของชิงอี้มาถึงจุดที่หมดสิ้นหนทางเยียวยาแล้วไม่ต่างจากตะเกียงที่ไร้น้ำมัน
  หากข้าไม่ได้มาที่นี่ภายในวันสองวันนี้เกรงว่าชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่ได้พบเห็นนางอีก
  นัยน์ตาของชิงอี้เปล่งประกายมืดหม่น”ในตำหนักเซียนพยับหมอก มีมังกรอาศัยอยู่ ทว่ามังกรอย่างเราซ่อนตัวอย่างเร้นลับไม่ให้โลกล่วงรู้ และข้าก็ถือกำเนิดในเผ่ามังกรนี้”
  ไป๋หยานรับฟังถ้อยคำของชิงอี้อย่างเงียบๆ
  เมื่อมังกรเขียวตายจึงต้องกลับชาติมาเกิดเช่นเดียวกับพยัคฆ์ขาวอย่างไรก็ตามวิญญาณพยัคฆ์ขาวมาถือกำเนิดใหม่ในร่างของเสี่ยวมี่ และถูกนางเก็บมาเลี้ยงทันทีตั้งแต่แรกคลอด เช่นนั้น มังกรเขียวก็ย่อมต้องเกิดใหม่ในร่างอื่นเช่นกัน
  “หนึ่งร้อยปีก่อนบิดาของข้าถูกผู้ทรยศของเผ่ามังกรกักขัง ผู้ทรยศเหล่านั้นยึดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าของบิดาข้า ซ้ำยังใส่ร้ายข้าว่าข้าถูกมนุษย์ผู้ชายหลอกลวง แต่เป็นเพราะข้าไร้ฝีมือเลยไม่สามารถทำอะไรบิดาได้ ! ข้าจึงต้องอาศัยการร่วมมือกับมนุษย์ผู้นั้นจับตัวบิดา”
  ”ส่วนมนุษย์ผู้นั้นที่พวกเขากล่าวหาก็คือสหายของข้าเขากับข้าไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ อย่างที่พวกทรยศเหล่านั้นกล่าวหา ซ้ำร้ายพวกนั้นยังยุแยงให้คนเผ่ามังกรสังหารข้าอีกด้วย
  ”ชีวิตของข้าอยู่ได้อีกไม่นานหากแต่ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย นับแต่ข้าถือกำเนิดข้าก็รู้ว่า ข้าต้องรอท่าน หากข้าไม่ได้พบท่าน ข้าก็ยังตายไม่ได้ !”
  ความเศร้าปรากฏบนใบหน้าของชิงอี้”น่าเสียดาย แม้ว่าข้าจะรอจนได้พบกับท่าน ทว่าเวลาของข้าก็เหลือเพียงสองสามวันเท่านั้น”
  ส่วนเรื่องการช่วยชีวิตบิดาและทวงคืนเผ่ามังกรก็คงเป็นได้แค่เพียงความฝัน
  ”ข้าจะหาหนทางรักษาเจ้า”ไป๋หยานกล่าว แววตาของนางเปล่งประกายเคร่งขรึม “หากแต่ยามนี้ข้ายังไม่มียารักษาเจ้า ต่อเมื่อข้าหาสมุนไพรได้ครบ ข้าจึงจะสามารถปรุงยาให้เจ้าได้”
  ชิงอี้เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจพลันแววตาของนางก็แลดูตื่นเต้น : “ข้ายังจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้จริง ๆ หรือ?”
  ไป๋หยานพยักหน้าอย่างหนักแน่น”ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย !”
  ”นอกจากนี้… ” นางเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบยาขวดหนึ่งออกจากถุง “ยาเม็ดในขวดนี้จะช่วยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสามเดือน ภายในสามเดือนนี้ ข้าจะหายามารักษาเจ้าให้ได้”
  ”ตกลง”
  ชิงอี้ยิ้มอย่างมีความสุขนางกินยาทันที นางมองไป๋หยานพร้อมรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “ในเมื่อข้าก็ได้พบท่านแล้ว เช่นนั้นเราก็มาทำพันธะสัญญากันให้เรียบร้อยเถอะ”
  ***จบบทนางเป็นคนดีจริง ๆ (5)***

บทที่ 670 : นางเป็นคนดีจริง ๆ (6)
  พันธะสัญญางั้นรึ?
  ไป๋หยานตะลึง
  ทันใดนั้นนางก็หวนนึกถึงภาพตอนที่นางทำสัญญากับเสี่ยวมี่ เช่นนั้นครานี้นางจึงไม่ปฏิเสธนางพยักหน้าเล็กน้อย “เริ่มกันเถอะ”
  นิ้วของชิงอี้วางบนคิ้วของไป๋หยานพร้อมเสียงดังปัง นางพลันรู้สึกถึงกระแสอากาศไหลเข้าสู่ดวงจิตของตน เมื่อนางกลับมารู้สึกตัวนางก็ยืนอยู่ในสนามรบอีกครั้ง
  ถูกต้องแล้ว!
  ไป๋หยานปรับสภาพจิตใจของตนให้มั่นคงก่อนหน้านี้ นางก็เคยเห็นภาพเหล่านี้ จากการทำพันธะสัญญา
  จากที่เห็นสถานที่แห่งนี้น่าที่จะเป็นชีวิตก่อนของนาง ไม่สิ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้าของนางมากกว่า
  คิดได้เพียงแค่นั้น
  ก็มีเสียงสงครามดังขึ้นเบื้องหน้า
  ไป๋หยานรีบหันมองตามเสียงณ ที่ ๆ ไม่ห่างไกลนัก มีทหารสองคนกำลังเผชิญหน้ากับชายหนุ่มในชุดสีเขียว แขนเสื้อของบุรุษชุดเขียวถลกขึ้นเล็กน้อย ทีท่าของเขามั่นคง และหนักแน่น
  ”เหตุใดเจ้าถึงยอมจำนนให้กับมนุษย์ผู้นั้นเพียงบอกข้ามาว่า นางอยู่ที่ใด ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป !” ศัตรูผู้ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้ว เมื่อเห็นชายเสื้อเขียวขวางทาง
  ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเสียงหัวเราะของเขาดุร้าย เขามีวิญญาณแห่งการอดทน ไม่ย่อท้อต่อสิ่งใดง่าย ๆ
  ”หากข้าไม่ลงนรกผู้ใดจะลงนรก แต่ก่อนที่ข้าจะลงนรก ข้าจะลากเจ้าลงนรกเป็นเพื่อนข้าด้วย !
  ข้าจะไม่ลงนรกผู้ใดจะลงนรก ?
  ผู้ใดกลัวนรกกัน? หากเขากลัวนรก ไยเขาจะกล้ามาที่นี่ ?
  ”ส่งนางมาให้ข้า!” ศัตรูโกรธเพราะถ้อยคำของชายหนุ่ม เขาโบกมือขึ้นพลางกล่าวว่า ” หญิงผู้นั้นกำลังจะทะลวงขึ้นสู่อีกระดับ นางกำลังอยู่ในสมาธิ ยามนี้รีบฆ่าสุนัขที่ขัดขวางเราเสียก่อน อย่าทันให้นางบุกทะลุทะลวงได้สำเร็จ จะต้องสังหารนางเสียก่อน !”
  ท้ายที่สุดกองทัพทั้งสองก็เริ่มโรมรัน
  โลหิตย้อมเสื้อผ้าของพวกเขาจนแดงฉานไม่อาจรู้ว่าโลหิตที่เห็นเป็นโลหิตของเขาหรือของศัตรู
  หากแต่แทนที่จะมัวลังเลการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มกลับยิ่งรวดเร็วและมีพลังมากขึ้น เขาไม่รู้เลยว่ามีดวงวิญญาณกี่ร้อยกี่พันดวงที่ตายดับภายใต้คมดาบของเขา ทว่าเขาก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ มีเพียงคำเดียวที่แจ่มชัดในใจของเขา นั่นก็คือ ฆ่า !
  สงครามครั้งนี้กินเวลาเนิ่นนานมาก
  กองทหารที่อยู่เบื้องหลังชายหนุ่มถูกเข่นฆ่าและบาดเจ็บนับไม่ถ้วนหากแต่กองทหารข้าศึกเองก็แทบไม่มีเหลือรอด
  ในที่สุดเขาก็หมดแรงอาวุธในมือของเขาปักลงกับพื้นอย่างแรงใบหน้าของเขาอาบย้อมไปด้วยโลหิต เส้นผมของเขาเหนียวหนึบติดบนใบหน้าของตน
  ซวบ!
  ทันใดนั้นเองเขาไม่รู้ว่ามีกระบี่พุ่งมาจากด้านหลัง และมันก็พุ่งเข้าเสียบแผ่นหลังของชายหนุ่มทันที
  ชั่วขณะนั้นร่างของชายหนุ่มพลันแข็งค้างเขาหันหน้าไปมองอย่างช้า ๆ ครั้นเขาเห็นผู้ที่อยู่ด้านหลัง อารมณ์มากมายนับไม่ถ้วนพลันปรากฏในแววตาของเขา
  แววตาคู่นั้นแลดูสับสนและเศร้าสร้อยอย่างไม่น่าเชื่อ
  ”เหตุใดเหตุใด เจ้า … ”
  ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มยังกล่าวได้ไม่ทันจะจบประโยคเขาก็ล้มลงทันที ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
  ไป๋หยานยืนอยู่นอกสนามรบนางอยากจะเห็นใบหน้าของผู้จู่โจม ทว่าใบหน้าของผู้จู่โจมกลับถูกหมอกสีขาวหลายชั้นเข้าปกคลุม กระทั่งนางไม่อาจเห็นได้ว่าผู้ที่โจมตีชายหนุ่มนั้นคือผู้ใด ?
  หากแต่จากแววตาสุดท้ายของชายหนุ่มเชื่อว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นคนรู้จักที่เขาคุ้นเคยอย่างแน่นอน !
  บูม!
  ฉากในสนามรบหายวับทันทีไป๋หยานกลับคืนสู่โลกเดิมอีกครั้ง
  นางเช็ดแก้มของตนและเริ่มรู้สึกเย็นยะเยือก
  ”นายหญิงท่านเป็นอะไรไป ?”
  หลังจากทำพันธะสัญญาชิงอี้ก็เปลี่ยนวิธีการเรียกขานนาง คิ้วที่เหมือนใบหลิวของชิงอี้ขมวดเล็กน้อย นางมองไป๋หยานอย่างไม่เข้าใจ
  ”ไม่มีอะไร”
  ไป๋หยานสั่นศีรษะหากชิงอี้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสนามรบ ชิงอี้จะต้องทนทุกข์ทรมานมาก
  หากนางอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนางจะต้องหาคำตอบจากสนามรบด้วยตนเอง
  ***จบบทนางเป็นคนดีจริง ๆ (6)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท