บทที่ 175 แตกพ่าย
บทที่ 175 แตกพ่าย
เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะหลี่เต๋อหมิงที่กำลังเตรียมพักผ่อน ผู้ช่วยกลับเร่งร้อนบุกเข้ามาในกระโจมของเขา พร้อมทั้งนำข่าวร้ายมาส่ง
ยกเว้นขบวนขนส่งเสบียงจากเทศมณฑลชิงหยวน คณะขนส่งเสบียงอื่นที่เหลือไม่อาจมาถึงที่นี่ได้ทันเวลา รถบรรทุกลากเสบียงเหล่านั้นประสบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายจำนวนมากที่ติดเชื้อจากพลังงานอสูรระหว่างทาง หรือการดักซุ่มของกองทัพกบฏปล้นชิงเสบียง รวมถึงโจรร้ายปล้นชิงทั้งหลาย
สรุปก็คือขบวนขนส่งเสบียงทั้งหมดทำภารกิจล้มเหลว บางส่วนถูกกวาดล้างไปจนสิ้น บางส่วนสูญหาย ขณะที่ตัวคนก็กระจัดกระจายหายไปทุกทิศทาง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้หลี่เต๋อหมิงตื่นตระหนกและสับสนในเวลาเดียวกัน
หากมีเพียงขบวนขนส่งเสบียงที่พบเจอปัญหาจำนวนหนึ่ง เรื่องราวยังพออธิบายได้ว่ามันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ขณะนี้ทุกขบวนขนส่งเกิดปัญหาขึ้นพร้อมกัน กระทั่งขบวนขนส่งจากทางเทศมณฑลชิงหยวนเอง แม้ว่าจะเดินทางมาถึงได้ แต่ระหว่างทางก็พบเจอปัญหาเช่นกัน เรื่องราวเหล่านี้ทำให้หลี่เต๋อหมิงเกิดความสงสัยว่ามันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง และต้องมีการสมรู้ร่วมคิดกันเกิดขึ้น
ทว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาสนใจเรื่องการสมคบคิดเบื้องหลังเรื่องราว หลี่เต๋อหมิงจำเป็นต้องตัดสินใจโดยทันทีว่าจะตายอยู่ที่นี่ หรือว่าถอยทัพ
แม้ว่ามีการสนับสนุนทางเสบียงและหญ้าจากเทศมณฑลชิงหยวน ก็ไม่ใช่ว่าจะยืดเวลาให้พวกเขาได้นาน อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่สามวัน เมื่อถึงเวลานั้นค่ายแห่งนี้จะไม่เหลือแม้แต่อาหารและหญ้า พวกเขาจะเริ่มหิวโหย สุดท้ายก็ล้มลงด้วยตนเอง คนหิวจะเริ่มหาทางหนีทัพ ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเหล่านั้น เป็นเหตุให้หลี่เต๋อหมิงต้องตัดสินใจโดยทันที
หลังหารือกับขุนพลอีกหลายคน หลี่เต๋อหมิงก็ตัดสินใจลงมือโจมตีครั้งสุดท้ายกับเมืองที่ชาวโลกอสูรสร้างขึ้น หากสามารถพิชิตเมืองได้ เช่นนั้นทุกปัญหาจะคลี่คลายจนหมดสิ้น ทว่าหากยังเป็นเช่นเดิม พวกเขาไม่อาจพิชิตเมือง ก็จะต้องพร้อมถอนทัพโดยทันที เพื่อไปจากสถานที่แห่งนี้ อพยพกลับแนวหลังก่อนที่เสบียงจะหมดลง
และเพื่อให้มั่นใจว่าการบุกโจมตีครั้งนี้จะราบรื่น หลี่เต๋อหมิงได้เขียนจดหมายแจ้งต่อผู้บัญชาการอีกสามกองทัพ โดยคาดหวังให้พวกเขาเริ่มเปิดฉากโจมตีพร้อมกัน เพื่อพิชิตเอาชัยเมืองของชาวโลกอสูรในคราวเดียว
และหลังผู้บัญชาการของกองทัพจากสามอาณาจักรได้รับจดหมายที่หลี่เต๋อหมิงส่งมา พวกเขาต่างก็เห็นพ้องกับปฏิบัติการครั้งนี้ จนเป็นเหตุให้หลี่เต๋อหมิงเกิดคาดหวังต่อผลลัพธ์
แต่แล้วหลี่เต๋อหมิงก็ไม่คาดคิดว่าที่รอคอยจะไม่ใช่ชัยชนะ แต่เป็นความพ่ายแพ้ อีกทั้งยังเป็นความพ่ายแพ้อันน่าอนาถ
มันจึงเป็นเหตุให้หลี่เต๋อหมิงรู้สึกยากยอมรับ ขณะเดียวกัน ในใจก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา
เรื่องราวมันไม่ควรเป็นเช่นนี้
กองทัพศัตรูไม่สมควรเตรียมพร้อมรออยู่ก่อน แต่ความจริงไม่ได้มีเพียงแค่นั้น กระทั่งการดักซุ่มโจมตีรอบด้านก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ตอนที่พวกเขากำลังวุ่นวายกับการบุกไปด้านหน้า สองข้างทางก็ปรากฏคนที่ดักซุ่มรอ พร้อมทั้งเริ่มดำเนินการโจมตีโดยทันที กองทัพของหลี่เต๋อหมิงที่ไม่ได้เตรียมรับเรื่องราวเกินคาดเช่นนี้จึงพ่ายแพ้
สาเหตุที่หลี่เต๋อหมิงไม่คิดถึงการซุ่มโจมตีทั้งสองด้าน เพราะทั้งสองด้านมีกองทัพจากอาณาจักรเฟิงเยี่ยและอาณาจักรเทียนจีอยู่ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนของโลกอสูรจะบุกฝ่าแนวป้องกันของคนเหล่านั้นโดยเงียบงัน จนมาดักซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ได้
แม้แบบนั้น หลี่เต๋อหมิงก็ยังถูกดักซุ่มโจมตี
“ท่านขุนพล กองทัพของสามอาณาจักรไม่ได้บุกโจมตีตามข้อตกลงก่อนหน้านี้!” ในระหว่างการหลบหนี ผู้ช่วยของหลี่เต๋อหมิงเร่งรุดเข้าหาพร้อมรายงานสถานการณ์ให้ทราบ
“พวกสารเลว!” หลี่เต๋อหมิงโกรธจนกัดฟันแน่น
ในบรรดาสี่อาณาจักร แม้ว่ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นบ้าง โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีมานี้ที่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรทวีคูณมากขึ้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนของโลกอสูร ท่าทีของพวกเขาต่างแสดงชัดว่าเห็นพ้องต้องกันว่าที่นี่คือโลกของมนุษย์ พวกเขาต้องขับไล่คนจากโลกอสูรที่กำลังคิดบุกรุกรานเข้ามา
มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลี่เต๋อหมิงต้องการให้กองทัพของอีกสามอาณาจักรเข้าร่วมบุกโจมตีโดยพร้อมกัน กระทั่งว่าพวกเขาไม่อาจพิชิตเอาชัยโดยสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้ ที่จะสร้างความเสียหายอันหนักหนาแก่กองทัพจากโลกอสูร
ทว่าหลี่เต๋อหมิงกลับไม่เคยคาดคิด ว่าคนเหล่านั้นจะสะบั้นความไว้เนื้อเชื่อใจ ยิ่งว่านั้นเมื่อคิดถึงเรื่องที่พบเจอก่อนหน้า ที่เป็นการดักซุ่มจากสองทิศทาง หลี่เต๋อหมิงยิ่งสงสัยว่ากองทัพของอาณาจักรเฟิงเยี่ยและอาณาจักรเทียนจี อาจทำข้อตกลงกับกองทัพจากโลกอสูร จนนำมาสู่สถานการณ์เช่นวันนี้
หากลำพังเพียงแค่อีกสามอาณาจักรไม่ยินดีร่วมผนึกกำลังเปิดฉากโจมตี หลี่เต๋อหมิงย่อมไม่บังเกิดโทสะ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่คนเหล่านั้นกลับให้ความร่วมมือแก่กองทัพจากโลกอสูร เป็นเหตุให้ฝั่งพวกเขาเกิดผู้เสียชีวิตมากมาย หากว่าไม่โกรธแค้น ก็ถือเป็นเรื่องแปลกแล้ว
แม้กล่าวว่าผู้สังหารพวกเขาคือกองทัพจากโลกอสูร แต่กองทัพของอาณาจักรอื่นจะต้องรู้เห็นเป็นใจด้วยอย่างแน่นอน!
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสบถก่นด่าคนเหล่านั้น กองทัพอสูรกำลังไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด เขาจะต้องหาทางนำกองทัพที่ยังเหลืออยู่ให้รอดพ้นจากอันตราย รวมถึงหนีให้พ้นจากการไล่ล่าตามหลัง
หลี่เต๋อหมิงมองขุนพลคนหนึ่งพร้อมเอ่ยคำ “เจ้านำกองทัพส่วนหนึ่งรั้งอยู่ด้านหลัง ให้พวกเชลยในค่ายฟังคำบัญชาการของเจ้า”
พวกเขากำลังหลบหนี ดังนั้นจึงไม่มีเวลามากพอจะจัดการดูแลอะไรแก่เหล่าเชลยภายในค่าย แทนที่จะปล่อยพวกเขาหลบหนีจนคิดก่อกบฏกันอีกครั้ง ทางดีที่สุดตอนนี้คือการนำไปใช้เป็นเหยื่อล่อในสนามรบเพื่อถ่วงการโจมตีของศัตรู
แท้จริงแล้ว หากว่าค่ายวิหคไม่ได้สลายตัวไปก่อนหน้า หลี่เต๋อหมิงก็คิดกระทั่งใช้พวกเขาเป็นแนวหลังเพื่อเอาตัวรอด อย่างไรเมื่อเทียบเปรียบกับกองทัพประจำการ กองทัพสำรองแทบไม่นับว่ามีค่าอะไร หากสังเวยค่ายวิหคเพื่อช่วยเหลือทหารของกองทัพประจำการหลบหนีได้ หลี่เต๋อหมิงก็พร้อมจะละทิ้งค่ายวิหคอย่างไม่ลังเล
ทว่าค่ายวิหคได้อพยพไปก่อนแล้ว และสถานการณ์ตรงหน้า คนของค่ายวิหคไม่มีทางหยุดหรือขวางศัตรูเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
ขุนพลถูกสั่งการให้อยู่ต่อเพื่อหยุดกองทัพของฝ่ายศัตรู ขณะที่หลี่เต๋อหมิงจะนำกองทัพใหญ่จัดการศัตรูที่เข้าพัวพันพร้อมล่าถอย พวกเขาไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อได้นานเพราะปัญหาทางด้านเสบียงและหญ้า หลังการบุกโจมตีครั้งนี้ล้มเหลว พวกเขาก็มีแต่ต้องถอยทัพอยู่แล้ว
อู๋ฝานและคณะกำลังหลบหนี ทั้งพื้นที่กำลังตกอยู่ในความโกลาหล คนกระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่ง โดยเฉพาะตอนที่ทหารของค่ายประจำการตามทัน มันยิ่งโกลาหลกว่าที่เคยเป็น ทั้งยังมีคนกระจัดกระจายไปทั่ว
อู๋ฝานและพรรคพวกก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ระหว่างการอพยพ ชายหนุ่มขึ้นบังคับรถลากด้วยตนเอง สมาชิกหน่วยนั่งโดยสารในรถลาก เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวในหน่วยที่สามารถขับรถลากได้ ดังนั้นภาระงานคนบังคับม้าขับรถลากนี้จึงตกเป็นของอู๋ฝาน
ทักษะขี่ม้าของอู๋ฝานได้รับมานานพอสมควรแล้ว และมันไม่ใช่การฝึกโดยสูญเปล่า แม้ว่าการบังคับม้าจากบนหลังและรถลากมีความต่างกันอยู่บ้าง แต่ชายหนุ่มก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับควบคุมรถลากเดินทางเคลื่อนที่ผ่านฝูงชน ประหนึ่งมัจฉาแหวกว่ายในห้วงวารี