บทที่ 189 ไม่ได้ดีเด่นอะไร
บทที่ 189 ไม่ได้ดีเด่นอะไร
ผู้คนในที่แห่งนี้ ไม่ว่ารู้จักอู๋ฝานหรือไม่ ขณะนี้เริ่มคาดเดาตัวตนของชายหนุ่มกันแล้ว กระทั่งคนที่เคยรู้จักเขามาก่อน ขณะนี้ยังเกิดรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดาเช่นที่พวกเขาเคยรู้จัก
ถังอวี่เฟยที่ถือตำราอยู่ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นยินดีระคนลังเล หลังลังเลไม่นาน เธอก็ส่งตำรากลับคืนให้อู๋ฝานพร้อมบอก “อาจารย์อู๋ ของขวัญนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ไหวค่ะ”
การกระทำนี้ถูกต้องแล้ว เพราะแม้กระทั่งผู้อาวุโสนอกสำนักเช่นเทียนเหอยังให้ค่ามันมาก สิ่งนี้พอที่จะแสดงให้เห็นถึงน้ำหนักของมัน ถ้าเป็นเพียงของขวัญธรรมดา ถังอวี่เฟยย่อมยินดีรับเอาไว้ แต่ของขวัญอันแสนหนักอึ้งนี้ กลับทำเธอรู้สึกหนักอึ้งตาม และเกรงกลัวจนไม่อาจรับไว้ได้
หลังเห็นถังอวี่เฟยส่งตำรากลับคืนให้อู๋ฝาน ทุกคนในที่นี้ต่างนึกริษยากันขึ้นมา กระทั่งว่ามีหลายคนคิดอยากเสนอตัวไปแย่งชิงเอามา ถังอวี่เฟยไม่ต้องการ แต่พวกเขาต้องการอย่างแรงกล้า
ตอนนี้ถังหมิงเจี๋ยไม่อาจสงบใจลงได้ เขารีบเดินเข้ามาเอ่ยขึ้น “อวี่เฟย อาจารย์ของลูกมอบของขวัญให้ เป็นการแสดงถึงความตั้งใจ ลูกปฏิเสธแบบนี้ได้ยังไงกัน”
ถ้าเป็นเพียงของธรรมดา แม้เป็นของขวัญมูลค่านับร้อยล้านหยวน ถังอวี่เฟยจะส่งกลับคืนหรือไม่นั้น ถังหมิงเจี๋ยก็คงไม่เก็บมาใส่ใจ แต่มันไม่ใช่กับเคล็ดวิชาฝึกฝน ของเช่นนี้มีเงินมากมายก็ไม่อาจซื้อหาได้ อีกทั้งมีหรือเขาจะไม่เห็นว่าผู้คนในที่นี้ดวงตาแดงประหนึ่งกระต่ายป่าหิวกระหาย
ดังนั้นหลังเห็นบุตรสาวส่งของขวัญกลับคืน ถังหมิงเจี๋ยจึงอดไม่ได้ที่จะต้องยอมเสียหน้า เข้ามาห้ามปรามการกระทำของเธอเอาไว้
“นักศึกษาถัง พ่อของคุณพูดถูกต้องแล้ว ผมมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่คุณ ของที่มอบออกไปแล้วจะให้รับกลับคืนมาได้ยังไง?” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
แม้หลังจากที่ได้ทราบถึงความหายากของเคล็ดวิชาฝึกฝน เขาจะเกิดนึกเสียดายที่มอบมันไปเป็นของขวัญก็ตาม แต่ก็เพราะอู๋ฝานไม่ต้องการเป็นที่สนใจมากจนเกินไป ดังนั้นจึงไม่ใช่ตนหวงแหนที่จะมอบให้ และในเมื่อมอบออกไปแล้ว ผู้คนต่างก็ทราบแล้วว่าเขามีเอาไว้ในครอบครอง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรับกลับคืนมาอีก
อีกทั้งอู๋ฝานยังได้เห็นว่าผู้คนในที่นี้ริษยาเช่นไรต่อตัวตำรา เมื่อคิดถึงจุดนี้ ถ้าเขารับคืน มันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเอง ชายหนุ่มไม่คิดว่าทุกคนในที่นี้จะเป็นสุภาพชนกันทั้งหมด และไม่มีทางที่จะไม่ใช้เล่ห์กลหรืออุบาย อย่างน้อยหลี่ปิงและเจียงอวี่ก็ไม่ใช่คนเถรตรง ถ้าของดังกล่าวกลับคืนสู่มือเขา จะต้องมีหลายคนคิดหาโอกาสเข้ามาช่วงชิงเอาไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุดังกล่าว การมอบให้ถังอวี่เฟยเก็บไว้กับตระกูลถัง จึงถือได้ว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว
“แต่ของขวัญนี้ล้ำค่าเกินไปนะคะ” ถังอวี่เฟยยังหวาดเกรงที่จะรับมันเอาไว้
“มีค่าหรือว่าไม่มี มันก็เพียงแค่ตำราคัดลอกฉบับเขียนมือของผม เป็นของที่ไม่ได้ดีเด่นอะไร ดีแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ใส่ใจและดูหมิ่นมัน” อู๋ฝานตอบกลับ
เคล็ดวิชาฝึกฝนดังกล่าวเป็นอู๋ฝานเขียนมือด้วยตนเองจริง เนื้อหาที่บันทึกเอาไว้นั้น เป็นโจวซานที่สอนวิชาอาวุธมีคมอันยอดเยี่ยมให้ อย่างไรแล้วโจวซานก็ไม่ใช่ตัวตนระดับปรมาจารย์ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่อาจเรียนรู้วิชาโดยใช้เพียงแค่การฟัง มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบันทึกเนื้อหาของโจวซานจึงเกิดขึ้นมา
ขณะนี้อู๋ฝานได้เรียนรู้เคล็ดวิชาการใช้อาวุธมีคมเรียบร้อยแล้ว ตำราดังกล่าวจึงแทบไม่เคยถูกนำออกมาใช้ทบทวน ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดจะมอบให้ถังอวี่เฟย แต่เพราะเห็นผู้อาวุโสเทียนเหอมอบตำราให้ ตนจึงเกิดนึกถึงไอเทมชิ้นนี้ในกระเป๋าหลังขึ้นมาได้ มันเป็นตำราที่เปรียบดังของไร้ค่าสำหรับชายหนุ่ม ต่อให้ไม่มอบให้หญิงสาว เขาก็คิดทำลายมันทิ้งอยู่ดี อย่างไรแล้วมันก็สิ้นเปลืองเนื้อที่กระเป๋าหลัง
คำพูดของอู๋ฝานถึงกับทำผู้คนเกิดรู้สึกนึกรังเกียจขึ้นมา เขาถึงขั้นพูดออกมาว่าเป็นของไร้ค่า แต่ของไร้ค่าที่ว่า พวกเขาแม้ต้องการก็ยังไม่มี!
“อวี่เฟย ในเมื่ออาจารย์ของลูกพูดถึงขนาดนั้นแล้ว ลูกก็ไม่ควรหาข้ออ้างอะไรอีก อย่าทำร้ายความรู้สึกของอาจารย์สิ” ถังหมิงเจี๋ยกล่าวบอก
ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝาน ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจอะไรกับตำราที่มอบให้มาจริง ดังนั้นเธอจึงเอ่ยตอบ “ขอบคุณค่ะอาจารย์อู๋ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมาเลย”
คำพูดของถังอวี่เฟย ไม่มีใครในที่นี้กล้าหักล้าง เพราะพวกเขาเองก็คิดเช่นนั้นจริง แม้ว่าจะมีบางคนมอบของขวัญล้ำค่าให้ถังอวี่เฟยเพื่อเอาใจ แต่ของเหล่านั้น เมื่อนำมาเปรียบกับตำราที่อู๋ฝานมอบให้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ดีเทียบเท่า
งานเลี้ยงดำเนินต่อไป เพียงแต่จุดสนใจเปลี่ยนจากผู้อาวุโสเทียนเหอและคณะมาเป็นอู๋ฝาน ใครใช้ให้เขาลงมืออย่างโดดเด่นถึงขนาดนั้นกัน
จริง ๆ แล้วตัวอู๋ฝานเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่าวิชาอาวุธมีคมที่ตนเองดูหมิ่นไปบ้าง กลับได้รับคำชมเชยอย่างสูงจากผู้อาวุโสเทียนเหอ กระทั่งว่าเป็นถึงวิชาระดับลึกล้ำ ต่อมาภายหลังอู๋ฝานได้อ่านทบทวนมันหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังคงมองมันเป็นกระบวนท่าเคลื่อนไหวธรรมดาทั่วไป
“เป็นไปได้ไหมว่าโลกแห่งเกมที่เราไปนั้น ในด้านนี้ได้ก้าวล้ำนำหน้าโลกแห่งความเป็นจริงไปมากแล้ว?” อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
เขาเคยได้พบกับสถานการณ์นี้มาก่อน นั่นคือฝีมือการทำอาหารของหลิวอี้เตา
เดิมนั้นอู๋ฝานคิดว่าหลิวอี้เตาที่เป็นหัวหน้าเชฟร้านคัลเลอร์แมน จะมีวิชาทำอาหารที่ไม่ใช่ต่ำเตี้ย แต่แล้วกลับได้พบว่าหลิวอี้เตาพ่ายแพ้แก่ตนเอง ซึ่งเวลานั้นเขายังเป็นเพียงคนทำอาหารระดับสูง
และตอนนี้เคล็ดวิชากระบวนท่าเคลื่อนไหวที่แสนธรรมดา กลับกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมากมาย กระทั่งว่าอาจเป็นถึงเคล็ดวิชาระดับลึกล้ำ จึงเป็นอีกครั้งที่ทำให้อู๋ฝานได้เข้าใจถึงการดำเนินชีวิตและวิชาต่อสู้ในโลกจริงอีกครั้ง เหมือนว่าระดับวิชาของที่นี่จะด้อยกว่าโลกแห่งเกม อีกทั้งของบางส่วนที่ไม่ได้ดีเด่นในโลกแห่งเกม กลับกลายเป็นสมบัติของที่นี่
แม้แต่วัตถุดิบธรรมดาทั้งหลาย ก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ผู้อาวุโสเทียนเหอที่เดิมมีแผนจะกลับทันทีที่ส่งมอบของขวัญเสร็จ ยังต้องเปลี่ยนใจอยู่ต่อ เพียงแต่แทนที่จะพูดคุยกับทางตระกูลถัง เขากลับอยู่ใกล้อู๋ฝานพร้อมเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุย
บุคคลที่สามารถส่งมอบเคล็ดวิชาระดับลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย ย่อมต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดา เบื้องหลังของเขาจะต้องเป็นกองกำลังอันยิ่งใหญ่ หากเป็นพลังอำนาจเช่นนั้น สำนักล้ำสวรรค์ทั้งสำนักของพวกเขาอาจเทียบได้เพียงแค่ตัวตนเช่นอู๋ฝาน ผู้อาวุโสเทียนเหอย่อมไม่คิดพลาดโอกาสทำความรู้จัก พร้อมทั้งผูกมิตรสหายใหม่
คนของตระกูลถังไม่ได้โกรธเคืองท่าทีของผู้อาวุโสเทียนเหอแต่อย่างใด แม้ว่าพวกเขาคิดอยากจะสนทนากับทั้งอู๋ฝานและผู้อาวุโสเทียนเหอ แต่เห็นได้ชัดว่าขณะนี้คนทั้งสองถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของตระกูลถัง อย่างที่ไม่อาจทำให้ขุ่นข้องหมองใจได้ ดังนั้นการเข้าไปรบกวนคนทั้งสองจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก
เรื่องราวเช่นนี้ทำให้ถังอวี่เฟยรู้สึกหมองหม่นอยู่ในใจ เธอเป็นคนเชิญอู๋ฝานมา ไม่ใช่เพราะต้องการของขวัญแสนวิเศษ แต่เพราะต้องการอยู่กับเขาให้มากขึ้น แต่ตอนนี้อู๋ฝานกลับถูกผู้อาวุโสเทียนเหอยึดตัวไปเสียแล้ว
นับเป็นโชคดีที่ก่อนหน้านี้ถังอวี่เฟยได้เต้นรำกับอู๋ฝานเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ใจหญิงสาวพอจะได้รับการเติมเต็มขึ้นมาบ้าง