จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 696-700

ตอนที่ 696-700

บทที่ 696 : ตัวปลอม (8)
  จิ้งจอกน้อยนอนเงียบๆ ข้างชายหนุ่มเพื่อพักผ่อนเช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มบ้างเป็นบางครั้งคราว
  หลังจากรับรู้ถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่อ่อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเขาก็พลันอ่อนไหว
  เวลาผ่านไปนานแล้วชายที่นั่งหลับตาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาเผยอริมฝีปากขึ้นน้อย ๆ “เฉินเอ๋อ ข้ากระหายน้ำ เจ้าช่วยหาน้ำให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าเขารีบวิ่งไปที่แม่น้ำที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
  เขากระตือรือร้นจนลืมไปว่าสำหรับคนแข็งแกร่งมาก ๆ แล้ว แม้จะไม่ได้กิน หรือดื่มเป็นเวลานานก็ไม่เป็นไร นี่ตี้คังเป็นถึงราชาแห่งแดนอสูร เขาจะกระหายน้ำได้อย่างไร ?
  หลังจากที่ร่างของจิ้งจอกน้อยหายลับตาไปใบหน้าของตี้คังก็ถูกย้อมด้วยสีแดง เขาไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เลือดกระอักออกมาเต็มปาก กระทั่งเขาต้องพ่นออกมา ทำให้ใบหน้าของเขาซีดมากขึ้น
  “ดูเหมือนว่ายังเร็วไปที่จะช่วยเขาสะกดพลังแต่หากข้าไม่ทำ เขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานจากธาตุไฟแตกซ่านได้ทุกเมื่อ”
  ตี้คังเช็ดเลือดที่ริมฝีปากล่างออกเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือเขาได้รับบาดเจ็บจากแรงกดดันจากพลังของเฉินเอ๋อ ต้องให้อาการบาดเจ็บหาย จึงจะให้เฉินเอ๋อพาเขาไปหานางได้
  แท้จริงแล้วทันทีที่ได้พบไป๋เสี่ยวเฉินอีกครั้ง ตี้คังก็ต้องการที่จะสะกดพลังของบุตรชาย หากแต่สิ่งที่เขาคิดถึงอันดับแรกก็คือไป๋หยาน เช่นนั้นเขาจึงวางแผนที่จะพบไป๋หยานก่อนที่จะลงมือ
  หากครานั้นเขาได้พบไป๋หยานก่อนแล้วช่วยเฉินเอ๋อจนกระทั่งตนเองได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะจากไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รบกวนนาง
  ทว่าตอนนี้ดูเหมือนเฉินเอ๋อจะไม่ยอมให้เขาพบไป๋หยานง่าย ๆ จึงเป็นการดีกว่าที่จะสะกดพลังของเฉินเอ๋อไว้ก่อน
  ครั้นรู้สึกได้ว่าจิ้งจอกน้อยกำลังจะกลับมาตี้คังก็หันมองโดยรอบเล็กน้อย เขามองกองดินข้างกาย ก่อนจะใช้สายตาขยับมันไปยังตำแหน่งข้าง ๆ เพื่อปกปิดโลหิตบนพื้นดิน
  เพียงพริบตาจิ้งจอกน้อยก็คาบใบไม้ซึ่งพับเป็นรูปเรือ ภายในบรรจุน้ำ เขารีบวิ่งเข้ามาหาตี้คัง พร้อมกับส่งใบไม้ให้ตี้คัง
  ตี้คังยิ้มรับใบไม้ เขาดื่มน้ำบนใบไม้จนเกลี้ยง ก่อนจะส่งคืนให้จิ้งจอกน้อย
  ”ตอนนี้เป็นโอกาสของเจ้าแล้วไยไม่รีบหนีไปเสีย” นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังมองจิ้งจอกน้อยอย่างเงียบ ๆ
  จิ้งจอกน้อยส่ายหัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงไม่หนี ทั้งที่เขาเองก็ต้องการที่จะหลบหนีจากป๊ะป๋าวายร้าย แต่เขาก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว
  บางที…อาจเป็นเพราะเขาไม่อาจทิ้งพ่อไปได้?
  จิ้งจอกน้อยก้มหัวลงเขาทิ้งไปไม่ได้จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะไม่หักหลังหม่ามี้ของเขา
  ”ไม่ต้องกังวลข้าจะไม่บังคับเจ้า ให้พาข้าไปหาหยานเอ๋อ ในวันนี้หรอก”
  เมื่อตี้คังเหลือบมองจิ้งจอกน้อยเขาก็รู้ถึงความคิดภายในของเด็กน้อย
  จริงๆ นะ ?
  แววตาของจิ้งจอกน้อยสดใสเขามองใบหน้าที่หล่อเหลานั้นอย่างยินดี
  ”หากแต่เจ้าต้องอยู่กับข้า”ตี้คังยกมือขึ้นจับจิ้งจอกน้อยไว้ น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง
  เขาปล่อยเจ้าตัวน้อยไปไม่ได้หากเจ้าตัวน้อยหนีไป เขาจะหาไป๋หยานพบได้อย่างไร ?
  จิ้งจอกน้อยพยักหน้าอย่างสิ้นหวังตราบใดที่พ่อไม่ได้บังคับให้เขาพาไปหาแม่ เขาก็ไม่ว่าอะไร
  ”ไปกันเถอะข้าเคยพบถ้ำแถวนี้ วันนี้ข้าอยากไปพักที่นั่น”
  ตี้คังลุกขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพาจิ้งจอกน้อยบ่ายหน้าไปยังถ้ำ
  *****
  ในขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินอยู่กับตี้คังไป๋หยานก็กำลังยุ่งอยู่กับการฝึกฝน เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในแม่น้ำหลงเฮอ
  ต้นเหตุก็คือหลังจากที่เจ้าทองจากไปเจ้าเงินก็ว่ายวนอยู่ในแม่น้ำหลงเฮอ กระทั่งถูกทีมค้นหาจากตำหนักเซียนพยับหมอกพบตัวเข้า
  ด้วยเหตุที่เป็นมังกรยักษ์เขาสามารถทำให้ผู้คนมากมายหวาดกลัวพลังของเขาได้ ทว่าในตำหนักเซียนพยับหมอกมียอดฝีมือนับไม่ถ้วน เช่นนั้นด้วยการปิดล้อมของคนหมู่มาก ที่สุดเขาก็ต้องพ่ายแพ้
  ***จบบทตัวปลอม (8)***

บทที่ 697 : ตัวปลอม (9)
  ”อาวุโสมู่เจิน”
  ริมฝั่งแม่น้ำหลงเฮอผู้คนที่อยู่แถวนั้นมองเห็นอาวุโสมู่เจินเดินมาจากที่ไกล ๆ พวกเขาต่างก็เปิดทางเป็นสองฝั่ง เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ
  ”อืม”มู่เจินพยักหน้าอย่างใจเย็น พลางเดินช้า ๆ ผ่านฝูงชนไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
  บนฝั่งน้ำเจ้าเงินเต็มไปด้วยรอยแผลมากมาย ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเลือด ลมหายใจของเขาอ่อนแรง เขาจ้องมองผู้คนรอบกายด้วยดวงตาดุร้าย
  ”นี่คือมังกรที่พยายามโจมตีเรือมังกรในวันนั้นรึ?” มู่เจินเดินไปด้านข้างเจ้าเงิน พลางมองมังกรที่นอนราบอยู่บนพื้น แววตาของนางเย็นยะเยือก “ข้าจำได้ว่า วันนั้นเหลงเอ๋อบอกว่ามีมังกรสองตัว ไยพวกเจ้าถึงเจอเพียงตัวเดียว ?”
  ”ท่านอาจารย์ข้าจะส่งคนลงไปค้นหาเพิ่มอีก แม่น้ำหลงเฮอกว้างใหญ่มาก บางทีมังกรตัวนั้นอาจกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง” มู่เหลงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
  ร่างของมังกรเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า
  เกล็ดของมังกรสามารถใช้สร้างอาวุธซึ่งมีความคมมากหากผู้ใดได้กินอวัยวะภายในของมังกร ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นก็จะสูงส่งขึ้นมาก ทั้งเนื้อของมังกรก็อร่อยมาก นอกจากนี้ยังสามารถเสริมสร้างร่างกายได้อีกด้วย
  แล้วนางจะปล่อยมันไปง่ายๆ ได้อย่างไร ?
  ”อืม”มู่เจินพยักหน้า “เจ้าลงไปในแม่น้ำ แล้วทำการค้นหามังกรต่อไป”
  ครั้นเจ้าเงินที่นอนอยู่บนริมฝั่งได้ยินคำกล่าวของมู่เจินเขาก็คำรามออกมาทันที ร่างใหญ่พยายามลุกขึ้นจากพื้นอีกครั้ง
  ท่านชิงอี้ยังคงอยู่ที่ก้นแม่น้ำหลงเฮอเขาไม่มีวันปล่อยให้คนเหล่านี้ เข้าไปในแม่น้ำหลงเฮอได้เป็นแน่
  แม้ต้องแลกด้วยชีวิต! เขาก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายท่านชิงอี้ !
  ”ชะ?”
  ครั้นเห็นว่ามังกรที่ใกล้ตายรอมร่อกล้าที่จะขวางนางมู่เจินก็เลิกคิ้วขึ้น นางซัดพลังใส่เนื้ออันแข็งแกร่งของมังกร
  ”กล้าขวางข้างั้นหรือ!
  ปัง…
  ร่างของมังกรล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงร่างของเขาสั่นสะท้าน เขารู้สึกเนื้อตัวหนักอึ้ง กระทั่งไม่มีแม้แรงจะเงยหัวขึ้น
  ไม่…
  ไม่…หากเป็นเช่นนี้ท่านชิงอี้จะต้องตกอยู่ในอันตรายเขาจะต้องแจ้งให้ เจ้าทองรู้ !
  เปลือกตาของมังกรเงินหนักอึ้งวิสัยทัศน์ของเขาพร่ามัว เขาเห็นเพียงกลุ่มคนเหล่านั้นกำลังตรงไปที่แม่น้ำหลงเฮอ
  *****
  บนท้องฟ้าเหนือบ้านสกุลจงมีวงพลังชี่แท้หนาแน่นครอบคลุมบ้านทั้งหลังทั่วท้องฟ้า
  พลันพายุก็ก่อตัวขึ้น
  โครม!
  ทันใดนั้นเองก็เกิดประกายฟ้าแลบตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องครืน ๆ ท้องฟ้ามืดครึ้ม พายุที่รุนแรงโหมกระหน่ำลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งคฤหาสน์ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
  การเคลื่อนไหวที่รุนแรงนี้ทำให้คนในตำหนักเซียบพยับหมอกต่างก็วิ่งออกมาดูแม้แต่บรรดาผู้อาวุโสที่อยู่ในสภาก็ยังวิ่งออกมาดูพายุด้วยความสยองขวัญ
  ”แสดงว่ามีคนทะลวงเข้าสู่จุดสูงของระดับซุ่นเจี่ยได้ใช่หรือไม่เนี่ย?”
  ”ดูจากทิศทางแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นบ้านสกุลจงนะ”
  “บ้านสกุลจงงั้นรึ? พี่น้องสกุลจงงั้นรึ ? ไม่ใช่ว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหรอกรึ ? พวกเขาไม่สามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิตมิใช่หรือ ? ก็แล้วตอนนี้เขาก้าวไปสู่ขั้นสูงของระดับซุ่นเจี่ยได้อย่างไร ? อาจเป็นได้ว่ามีคนไปฝึก และผ่านเข้าสู่ระดับดังกล่าวได้ที่ภูเขาหลังบ้านสกุลจง ? … ”
  สองพี่น้องบ้านสกุลจงจะสามารถบุกทะลวงเข้าสู่ซุ่นเจี่ยระดับสูงได้จริงงั้นหรือ?
  ตลกน่า!
  ต่อให้มู่เหลงศิษย์ของมู่เจินเข้าถึงระดับสูงของซุ่นเจี่ยทว่าสองพี่น้องนั่นก็จะยังคงอยู่ในระดับกลางของซุ่นเจี่ยจนกว่าจะหมดแรงฝึกไปเองเท่านั้น
  ”แต่ไม่ว่าในกรณีใดเราควรแจ้งให้เจ้าตำหนัก และภรรยาของเขาทราบก่อน พวกเขาต้องรู้เรื่องนี้”
  เหล่าผู้เฒ่าหันมองหน้ากันก่อนจะรีบไปที่คฤหาสน์เจ้าตำหนักเซียนพยับหมอก
  เดิมทีเหวินหวู่เหว่ยได้ยินว่าพบตัวแม่นางน้อยที่รักษาหวนหยินแล้ว เขาจึงรีบมาพบมารดาของตน เพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้ หากแต่ตอนนี้เนื่องจากมีคนทะลวงเข้าสู่ระดับซุ่นเจี่ยได้ เรื่องการพบนางจึงต้องเลื่อนออกไปก่อน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “สถานที่ซึ่งพายุนั่นปรากฏ อยู่แถว ๆ บ้านสกุลจง เราไปหาคำตอบที่บ้านสกุลจงกันก่อนเถอะ แล้วเราก็จะรู้ได้ว่าผู้ใดคือผู้ที่เข้าถึงระดับสูงของซุ่นเจี่ย”
  ***จบบทตัวปลอม (9)***

บทที่ 698 : ตัวปลอม (10)
  เขากล่าวอย่างนั้นพลางเดินไปที่ประตู
  แม้ว่าจุนเทียนเยว่เองก็อยากจะพบหญิงสาวหากแต่นางก็ได้ยินมาว่าหญิงผู้นั้นได้รับบาดเจ็บพอควร จำต้องรักษาตัวให้ดีขึ้นก่อนถึงจะให้การรักษาหยุนเฟิงได้ นางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะออกไปกับเหวินหวู่เหว่ย
  *****
  ในบ้านสกุลจงเสียงหัวเราะอย่างสะใจของชายชราทั้งสองดังขึ้น ไป๋หยานเพิ่งลืมตา นางก็เห็นชายทั้งสองเดินผ่านประตูเข้ามา
  “ฮ่าฮ่าแม่หนู เจ้าเป็นดาวนำโชคของเราจริง ๆ ยานั่นไม่เพียงแต่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเราได้เท่านั้น ยังทำให้เราสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสูงของซุ่นเจี่ยได้อีกด้วย”
  ในความเป็นจริงก่อนหน้านี้ชายชราทั้งสองพยายามที่จะทะลวงขั้นสูงตลอดมา ทว่าเพราะอาการบาดเจ็บพวกเขาจึงไม่อาจเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้อาการบาดเจ็บก็ได้หายสิ้นแล้ว ทั้งคู่จึงสามารถก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดได้ทันที
  ด้วยพลังระดับสูงเช่นนี้พวกเขาย่อมมีภาษีพอที่จะต่อสู้กับ มู่เจิน
  ”นั่นนับเป็นโชคของท่านอาจารย์ทั้งสอง”ไป๋หยานยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
  ปัง! จู่ ๆ ประตูก็ถูกผลักเข้ามาอย่างกระทันหัน พลันเจ้าทองก็พุ่งผ่านประตูเข้ามาเหงื่อแตกเต็มหน้า “นายหญิง เกิดเรื่องแล้ว !”
  ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย”เกิดอะไรขึ้น ?”
  ”เจ้าเงินกับข้าเป็นมังกรคู่พวกเราต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันได้ ข้ารู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ เขาต้องถูกกลุ่มคนที่ค้นหาในแม่น้ำหลงเฮอทำร้าย หากคนพวกนั้นพบท่านชิงอี้ นางจะต้องเป็นอันตราย !”
  หากเป็นชิงอี้เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนย่อมไม่มีผู้ใดในตำหนักเซียนพยับหมอกที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้
  อย่างไรก็ตามตอนนี้ท่านชิงอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งไม่สามารถต่อสู้ได้ หากคนเหล่านั้นได้พบนาง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
  ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าทองจะร้อนใจเช่นนี้
  ”ไปที่แม่น้ำหลงเฮอเดี๋ยวนี้!” นัยน์ตาของไป๋หยานเปล่งแสงเข้ม เสียงของนางเย็นยะเยือก
  จงหนานและจงเป่ยขมวดคิ้วเช่นกันขณะกล่าวว่า “ลูกศิษย์ เจ้าต้องการให้พวกเราช่วยเหลืออะไรหรือไม่ ?”
  ”อืม”
  ไป๋หยานไม่เกรงใจคนทั้งสองแล้วนางพยักหน้าน้อย ๆ
  นางรีบออกจากบ้านอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้ชายชราทั้งสองถึงกับตกใจ
  ”ดูจากความเร็วของลูกศิษย์เราแล้วคาดว่านางคงจะไม่ได้อยู่เพียงระดับตี้เจี่ยเป็นแน่” จงหนานลังเล หากแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
  เรื่องเร่งด่วนคือต้องช่วยชีวิตคนของศิษย์เขาก่อนหากมีคำถามใด ๆ รอจนกว่าจะช่วยคนได้ค่อยถามไถ่กัน
  *****
  บริเวณแม่น้ำหลงเฮอมีผู้มามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ เหอซุ่ยซุ่ยที่เพิ่งได้ยินมาว่ามังกรในแม่น้ำหลงเฮอถูกจับ เช่นนั้นนางจึงแอบออกมา ในขณะที่ผู้คุ้มกันตระกูลมู่ไม่ใส่ใจ
  นางซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนสายตาของนางสังเกตเห็นหวนหยินท่ามกลางฝูงชน พลันหัวใจของนางก็รู้สึกยินดี “แม่นางหวนหยิน !”
  หวนหยินเองก็สังเกตเห็นเหอซุ่ยซุ่ยเช่นกันเดิมทีนางแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ครั้นนางได้ยินเสียงเรียก นางจึงพยักหน้าให้หญิงผู้นั้น
  เหอซุ่ยซุ่ยไม่รู้สึกถึงความเฉยชาของหวนหยินนางรีบกระวีกระวาดไปอยู่ข้างกายหวนหยิน “มังกรตัวนี้ถูกจับจนได้หวนหยิน เราสามารถชำระความแค้นได้แล้ว”
  “มังกรทำสิ่งผิดมันก็สมควรที่จะถูกฆ่าแต่การที่มันตกอยู่ในมือของผู้อาวุโสมู่เจิน ข้าเกรงว่าสภาพของมันจะน่าสังเวชกว่าที่คิดไว้มาก” หวนหยินถอนหายใจเบา ๆ นางมองดูเจ้าเงินที่นอนจมกองเลือด ทว่าในใจของนางแทบจะทนดูไม่ได้
  แต่นี่คือวิถีโลกคนอ่อนแอย่อมถูกคนที่แข็งแกร่งกว่ากลืนกิน
  หวนหยินขมวดคิ้วจากนั้นก็ไม่สนใจเหอซุ่ยซุ่ยอีกต่อไป นางรอให้บิดานางไปสืบหาความจริง จากนั้นไม่ช้าก็เร็วเรื่องจริงจะต้องถูกเปิดเผย
  บนฝั่งมู่เจินกุมมือตนเองขณะยืนนิ่งเงียบ รอกลุ่มคนที่ลงไปค้นหาในแม่น้ำหลงเฮอ
  เพียงไม่นานกลุ่มคนที่ดำลงไปก้นแม่น้ำก็โผล่ขึ้นมา จากนั้นก็ปีนขึ้นมาบนฝั่งแม่น้ำ พวกเขากล่าวด้วยความเคารพนบนอบว่า “ผู้อาวุโส ไม่มีมังกรตัวอื่นในแม่น้ำแห่งนี้แล้ว”
  ***จบบทตัวปลอม (10)***

บทที่ 699 : ตัวปลอม (11)
  ”ไม่?”
  ใบหน้าของมู่เจินเคร่งขรึม”เจ้าได้ค้นหาทุกที่แล้วหรือยัง ?”
  “พวกของข้าน้อยค้นหาไปทั่วทุกซอกมุมของแม่น้ำแล้วหากแต่ไม่พบมังกรตัวอื่นเลย พวกเขาพบเพียงวังมังกร ทว่าก็ไม่มีอะไรในนั้น”
  ไม่มีมังกรหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร ?
  มู่เจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนัยน์ตาของนางพลันส่องประกาย “ข้าได้ยินมาว่าสัตว์อสูรจะรักพวกพ้องมาก ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามังกรอีกตัวจะทนเห็นเพื่อนเจ็บปวดทรมานได้หรือไม่ ?”
  ”มานี่ข้าจะแล่มังกรเงินตัวนี้ออกเป็นชิ้น ๆ ข้าจะดูสิว่าอีกตัวยังจะหลบซ่อนตัวอยู่ได้อีกหรือไม่ ? !” นางเย้ยหยัน
  ”ขอรับผู้อาวุโส”
  ผู้คุ้มกันเดินนำมู่เจินไปที่ร่างมังกรเงินพร้อมด้วยดาบด้ามยาว ดาบเฉือนลงตัดเนื้อมังกรออกเป็นชิ้น ๆ เลือดไหลรินออกมา เจ้าเงินเปล่งเสียงคำรามก้องด้วยความเจ็บปวด
  ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธมันจับจ้องมองมู่เจิน ร่างใหญ่โตของมันสั่นสะท้านอยู่กับพื้น
  ฉากนองเลือดนี้บีบหัวใจเกินทนหัวใจของหวนหยินสั่นไหว นางเบือนหน้าหนีภาพเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่อาจทนดูภาพฉากที่โหดร้ายเช่นนี้ได้
  “ข้าจะนับถึงสามหากเจ้ายังไม่ยอมปรากฏตัวอีก ข้าจะแล่เนื้อของมังกรตัวนี้ทั้งเป็น ๆ ใบหน้าของมู่เจินเย็นยะเยือก นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเลือดเย็นยิ่ง “หนึ่ง … ”
  ”สอง!”
  ก่อนที่คำว่าสามจะจบลงกระแสน้ำในแม่น้ำหลงเฮอพลันเพิ่มสูงขึ้น จากนั้นมังกรสีเขียวก็พุ่งผ่านแม่น้ำ ผงาดบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
  มังกรเขียวดวงตาที่ทรงพลังของมันเต็มไปด้วยแสงเย็นยะเยือก ส่งผลให้ผู้ที่มีฝีมือระดับต่ำไม่มีความกล้าหาญพอที่จะมองนางได้
  ”ท่านชิงอี้!” เจ้าเงินกระวีกระวาดที่จะลุกขึ้น หากแต่มันก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ มันถูกมู่เจินเหยียบย่ำ
  มันทั้งกลัวทั้งโกรธ มันคำราม กระทั่งแม่น้ำสั่นสะเทือน
  ร่างมังกรของชิงอี้ค่อยๆ จางหายไป เพียงชั่วอึดใจ ชิงอี้ก็ปรากฏตัวในร่างของมนุษย์สตรี นางยืนอยู่บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
  ใบหน้าของนางซีดทว่าดวงตาของนางมั่นคงหนักแน่น
  เช่นเดียวกับขุนพลมังกรเขียวผู้ไม่ย่อท้อต่อสิ่งใด
  “เจ้าเงินเป็นลูกน้องของข้าในวันนั้นข้าไม่ได้สั่งสอนเขาให้ดี ปล่อยให้เขามาทำร้ายมนุษย์ที่นี่ ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้แม่นางทั้งสองหวาดกลัว” ชิงอี้คำนับอย่างจริงใจ “หากแต่ข้าจำได้ว่าลูกน้องของข้าไม่ได้ทำร้ายเจ้า ทว่าเจ้ากลับทำร้ายลูกน้องของข้า กระทั่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จะชดใช้บัญชีนี้อย่างไร ?”
  มู่เจินเย้ยหยัน”ในฐานะผู้อาวุโสของตำหนักเซียนพยับหมอก ข้ามีสิทธิ์ที่จะปกป้องผู้คนของตำหนักเซียนพยับหมอก เมื่อทำร้ายคนของข้า ต่อให้ข้าสังหารเขา มันก็สมควร !”
  ”ข้า…” แม่นางน้อยคนหนึ่งยกมือขึ้นช้า ๆ “ข้ายอมรับคำขอโทษของนาง”
  เด็กสาวคนนี้เป็นคนที่ถูกมังกรกวาดลงไปในน้ำเป็นคนแรกและนางจำมังกรตัวนี้ได้ทันทีที่เห็น หากแต่ตอนนี้นางทนไม่ได้ที่จะเห็นเจ้าเงินถูกทรมาน
  อย่างไรเสียนางก็เป็นอิสตรีเป็นอิสตรีที่อ่อนไหวและใจอ่อน นางเกรงว่าหากนางไม่ให้อภัยเขา มู่เจินจะไม่ปล่อยมังกรเงิน
  ”ข้ายอมรับคำขอโทษเช่นกัน”หวนหยินมองตามู่เจิน นางก้าวออกมาจากกลุ่มคนขณะกล่าว
  ใบหน้าของมู่เจินเปลี่ยนไปเล็กน้อยทว่านางกลับเหลือบไปเห็นเหอซุ่ยซุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังฝูงชน เกิดประกายแสงแวบหนึ่งในดวงตาของนาง “หญิงผู้นี้ก็เป็นเหยื่อคนหนึ่งเช่นกัน ข้าสัญญากับนางว่า จะให้ความยุติธรรมแก่นาง !”
  ชิงอี้ประหลาดใจเมื่อได้เห็นเหอซุ่ยซุ่ยนางหันไปมองเจ้าเงิน “เจ้าทำร้ายคนนี้ด้วยหรือ ?”
  ”ไม่เลยท่านชิงอี้ข้าไม่รู้จักหญิงผู้นี้”
  เจ้าเงินส่ายหัวอย่างมั่นใจเขาลงมือเพียงครั้งเดียว เขาไม่รู้จักหญิงผู้นี้
  คำพูดของเจ้าเงินนั้นชิงอี้เชื่ออย่างสนิทใจ พลันแรงกดดันของนางก็แพร่กระจายออก ดวงตาของนางเย็นยะเยือก
  ***จบบทตัวปลอม (11)***

บทที่ 700 : ไป๋หยานมาถึงแล้ว (1)
  “ลูกน้องของข้าไม่ได้จับนางมาเหตุใดเจ้าจึงทำร้ายคนของข้ารุนแรงถึงเพียงนี้ ?”
  ในอากาศที่ว่างเปล่าอาภรณ์สีเขียวพริ้วไสว การแสดงออกของสตรีในอาภรณ์สีเขียวแลดูเย็นชา แววตาของนางเย็นยะเยือก เจตนาสังหารของนางแข็งแกร่งเช่นเดียวกับขุนพลที่ต่อสู้มานานหลายปี
  ”หึ!” มู่เจินยิ้มมุมปากพลางกล่าวเหน็บแนม “เขาตอบว่า เขาไม่ได้ทำ ก็แปลว่าเขาไม่ได้ทำจริง ๆ กระนั้นรึ ? ในฐานะมนุษย์ ข้าจะเชื่อคำพูดของสัตว์อสูรได้อย่างไร ? ยิ่งไปกว่านั้น แม้ไม่มีเรื่องเหล่านี้ มันก็เป็นการสมควรที่จะกำจัดพวกเจ้าเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์”
  ความหมายก็คือแม้ว่าข้าจะกินเจ้าทั้งที่ยังมีชีวิต เจ้าก็ต้องถือว่ามันเป็นเกียรติ และยังต้องกล่าวขอบคุณด้วยซ้ำ
  ”โลกนี้แต่ไหนแต่ไรมา ผู้อ่อนแอก็คือผู้อ่อนแอ ซึ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ !”
  นางเดินช้าๆ เข้าไปหาสตรีในอาภรณ์สีเขียว ประกายแสงเย็นยะเยือกส่องผ่านแววตาของนาง
  ชั่วขณะนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆมัวสลัว ฟ้าร้องคำรามลั่น
  ครั้นเห็นว่าสงครามใกล้จะเกิดผู้ชมทั้งสองฝั่งน้ำก็ทยอยถอยกลับ เพราะเกรงว่าสงครามจะส่งผลกระทบต่อพวกเขา
  ”ท่านชิงอี้!”
  เจ้าเงินกระอักเลือดออกมามันแลดูเป็นกังวล ขณะมองสตรีในชุดเขียวบนอากาศอย่างเป็นห่วง
  ชิงอี้ยืนตัวตรงร่างผอมกระหร่องของนาง ไม่ต่างกับต้นไผ่ที่ตั้งตรงอย่างภาคภูมิ แลดูโดดเด่นชัดเจน ไม่หยิ่งยโส ไม่แยแส แต่ก็ไม่โหดเหี้ยม
  ทว่า..
  ชิงอี้ไม่สนใจอะไรแแล้วนางมองมู่เจินด้วยสายตาดูถูก
  ”ดูเหมือนว่าวันนี้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ … ”
  ”ไม่ไม่ ไม่” มู่เจินส่ายหัว “การต่อสู้สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพียงเจ้ายอมเป็นลูกศิษย์ของข้า !”
  หญิงผู้นี้แตกต่างจากมังกรเงินเมื่อครู่ มู่เจินประจักษ์ชัดถึงศักยภาพของหญิงผู้นี้ ขอเพียงนางยอมติดตามข้า และมีความมุ่งมั่นมากกว่ามู่เหลง นางก็จะได้เป็นอันดับหนึ่งในตำหนักเซียนพยับหมอกได้
  นอกจากนี้
  การทำให้มังกรยอมเป็นทาสนางได้นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก นางจะสยบมันให้อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของนางให้จงได้
  รอยยิ้มของชิงอี้เย็นยะเยือก
  ”ชีวิตของชิงอี้ไม่ว่าจะชาติภพก่อนหรือชาติภพนี้ยอมติดตามเพียงคนผู้เดียวเท่านั้น จะให้ข้ารับเจ้าเป็นอาจารย์กระนั้นหรือ ? ไม่มีทาง เจ้าไม่คู่ควร”
  เดิมทีก่อนที่จะได้ยินถ้อยคำของชิงอี้ มู่เจินก็ดูจะมีความสุขมาก แต่ครั้นได้ฟังถ้อยคำเย็นชาของชิงอี้ สีหน้าของมู่เจินก็พลันเคร่งขรึมลง กล้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? ในเมื่อเจ้าเป็นเพียงนักโทษของข้า ?
  ”ในเมื่อเจ้าละทิ้งโอกาสที่ดีเช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิข้า” มู่เจินหรี่ตามอง ก่อนจะเหินร่างลอยขึ้นไปกลางอากาศไปยืนอยู่ในระดับเดียวกับชิงอี้ในอากาศที่ว่างเปล่า “อย่างไรก็ดี ข้าอยากจะบอกเจ้าเรื่องหนึ่งว่าลูกศิษย์ของข้าคือ อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักเซียนพยับหมอก อนาคตของนางมีแต่ความรุ่งโรจน์ที่ไม่มีสิ้นสุด ซึ่งเจ้าเองก็อาจเป็นเช่นนางได้ ทว่าน่าเสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสได้เห็น ตอนที่นางอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวล และเจ้าจะกลายเป็นแค่อาหารของศิษย์ข้าเท่านั้น”
  ชิงอี้เย้ยหยัน”ไม่จำเป็นต้องพูดพล่าม ในเมื่อเจ้าไม่ยอมปล่อยคนของข้า เช่นนั้นเราก็ต้องต่อสู่กัน !”
  ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิดบังเกิดเสียงฟ้าร้องร่างของชิงอี้เปลี่ยนเป็นสายฟ้า พุ่งเข้าโจมตีก่อน
  บูม!
  สองฝ่ามือปะทะกันสนั่นหวั่นไหวกระทั่งภูเขาสั่นสะเทือน
  น้ำด้านล่างพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศกลายเป็นเสาน้ำ
  ”กรรรรรร!”
  เจ้าเงินคำรามอีกครั้ง
  หากเป็นชิงอี้ในอดีตนังหญิงน่ารังเกียจผู้นี้ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของนาง ทว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บของท่านชิงอี้ยังไม่หาย จะต่อสู้กับคนอื่นได้อย่างไร ?
  เจ้าเงินยันร่างขึ้นหลายต่อหลายครั้งทว่าก็ล้มเหลว เขาไม่อาจลุกขึ้นจากพื้นได้ ร่างของเขาทรุดลงอย่างแรงอีกครั้ง กระทั่งฝุ่นตลบ
  หางตาของมันมีน้ำตาหยดลงมาน้ำตาแห่งความเจ็บปวดหัวใจ และคับแค้นใจ มันเกลียดตัวเองที่ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี
  หากมิใช่เพื่อออกมาช่วยมันแล้วท่านชิงอี้ก็คงไม่ถูกมนุษย์พวกนี้รังแก

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท