บทที่ 257 กลุ่มแรก
บทที่ 257 กลุ่มแรก
หลังร่ำลากับลั่วเยวี่ย อู๋ฝานก็นำหนิวเอ้อและคณะมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าตรงหน้าหมู่บ้าน ครั้งนี้ไม่ว่าจะเจอกับอะไร เขาจะไม่เข้าไปยังส่วนลึกของป่าอีกเป็นครั้งที่สอง กลุ่มของพวกเขายังไม่แข็งแกร่งมากพอ หากพบเจอมอนสเตอร์เลเวลสูงอย่างพยัคฆ์ทะยานเมฆอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาคงไม่โชคดีเหมือนเช่นครั้งก่อน
หัวหน้าหมู่บ้านขอให้ช่วยสังหารมอนสเตอร์ห้าร้อยตัว โดยไม่ได้มีข้อจำกัดทางด้านเลเวลของมอนสเตอร์ที่ต้องสังหาร ดังนั้นพวกอู๋ฝานจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปส่วนลึกของป่า
ขณะต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อเพิ่มเลเวล อู๋ฝานยังได้รวบรวมสมุนไพรมาส่วนหนึ่ง เพื่อฝึกฝนวิชาปรุงยาของตนเอง ในภายหน้าเมื่อชายหนุ่มเรียนรู้ความสามารถวินิจฉัยคนไข้จากอาจารย์ปรุงยาหลี่ เขาจะสามารถใช้งานมันควบคู่ไปกับการปรุงยาได้ เมื่อถึงตอนนั้นเขาคงจะสามารถรักษาคนไข้ของตนเองได้
เพียงแต่น่าเสียดาย รอบนอกของป่าไม่มีสมุนไพรที่ดีมากนัก ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรระดับต่ำ ทว่ามันก็มากพอสำหรับการใช้ฝึกเพิ่มเลเวลวิชาปรุงยา
ด้วยความร่วมมือจากคนในหน่วย อู๋ฝานเร่งความเร็วในการฆ่ามอนสเตอร์ได้ไม่ใช่น้อย เพียงแค่ช่วงกลางวัน เขาก็สามารถทำภารกิจสังหารมอนสเตอร์ห้าร้อยตัวของหัวหน้าหมู่บ้านได้สำเร็จ ในระหว่างนี้ แม้ว่าจะเพิ่มสักเลเวลไม่ได้ แต่ค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นมาไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังได้รับวัสดุและวัตถุดิบมากมายจากมอนสเตอร์ทั้งหลาย ประเมินคร่าว ๆ จากการชำแหละร่างของพวกมัน ก็ควรขายได้เป็นเงินไม่ใช่น้อยเลย
ขณะที่อู๋ฝานนำกลุ่มคนเดินทางกลับหมู่บ้าน ลั่วหยางและหลี่ว์ปินก็เดินทางกลับมาถึงพอดี และที่ตามด้านหลังของพวกเขามา ก็เป็นกลุ่มคนที่มีเสื้อผ้าค่อนข้างทรุดโทรม พวกเขากำลังยืนสำรวจอยู่ที่กลางลานกว้างของหมู่บ้านเร้นลับ สายตาของพวกเขาแสดงออกราวกับหวาดกลัวสถานที่แปลกใหม่ ที่นับจากนี้พวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีกนาน
“นายท่าน พวกเรากลับมาแล้วขอรับ” ลั่วหยางและหลี่ว์ปินเดินมาหยุดตรงหน้าอู๋ฝาน “คนเหล่านี้เป็นกลุ่มแรกที่ผ่านการตรวจสอบและพากลับมาที่นี่ขอรับ”
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ พร้อมมองกลุ่มคนในลานกว้าง ภายนอกพวกเขาดูสัตย์ซื่อกันดีอยู่ เพียงแต่ มันก็เพียงแค่ภายนอก ไม่มีใครสามารถรู้ถึงในใจของผู้คนได้ เคราะห์ดีที่ตนมีวิชาตรวจสอบ และตัวเขาก็แข็งแกร่งกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ ดังนั้นจึงสามารถใช้วิชาตรวจสอบอย่างเต็มประสิทธิภาพได้โดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว ทำให้ได้ทราบสถานการณ์ของพวกเขา
เพราะคนเหล่านี้อ่อนแอกว่าอู๋ฝาน ผลลัพธ์ที่วิชาตรวจสอบรายงานอย่างรายละเอียดออกมา พบว่าผู้คนเหล่านี้เป็นเพียงคนธรรมดาที่หลบหนีและกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วถือว่าไม่ใช่คนเลวร้าย
“ทุกคนไม่ต้องหวาดกลัวไป หลังมาที่นี่ ทุกคนถือเป็นคนของข้า ตราบเท่าที่พวกเจ้าทำงานด้วยใจ ข้าจะให้ค่าตอบแทนไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน” อู๋ฝานยืนตรงหน้ากลุ่มคนพร้อมบอกเสียงดัง
ตอนที่ได้เห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ต่อหน้า ฝูงชนเหล่านี้ก็ทราบว่าอู๋ฝานมีสถานะสูงในที่แห่งนี้ อีกทั้งชายสองคนที่พาพวกเขามาที่นี่เช่นลั่วหยางและหลี่ว์ปิน ขณะนี้ก็กำลังยืนอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มอย่างนอบน้อม
“นายท่าน หากพวกเราทำงานให้ท่าน จะมีอาหารให้กินใช่หรือไม่ขอรับ?” ชายชราคนหนึ่งรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกมา ท่าทีนั้นนอบน้อมและเจียมตัว กระทั่งสายตาก็ยังไม่กล้าสบตาอู๋ฝานเสียด้วยซ้ำ
“แน่นอน! ตราบใดที่ไม่ได้เกียจคร้าน จะมีอาหารให้กินอิ่มทุกมื้อ” อู๋ฝานตอบรับ “ข้าจะมอบภารกิจให้สองอย่าง ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะได้อิ่มท้อง แต่ยังจะได้รับค่าจ้างตามสมควร!”
กลุ่มคนเหล่านี้ที่ลั่วหยางพามานั้น นำมาด้วยวิธีการจ้างงาน เพราะไม่ทราบว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีท่าทีเช่นไร ลั่วหยางจึงไม่กล้าใช้จ่ายเงินซื้อตัวพวกเขาแทนอู๋ฝาน อย่างน้อยที่สุดคนที่ตัดสินใจซื้อตัวก็ต้องไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินว่าไม่เพียงแต่จะมีอาหารให้กินอิ่มท้อง แต่ยังจะได้รับเงินค่าจ้าง กลุ่มคนที่ตามมาต่างเงยหน้าขึ้นมองตอบ บางคนกระทั่งอุทานร้องออกมาด้วยความยินดีบราวนี่ออนไลน์
หนทางของพวกเขาจนถึงตอนนี้ล้วนแล้วแต่ยากลำบาก พวกเขาพยายามหลบหนีจากเรื่องเลวร้ายที่ได้เจอมา ระหว่างทางไม่เคยได้กินอิ่มท้อง กระทั่งต้องกินต้นไม้ ใบหญ้า หรือวัชพืชประทังชีวิต พวกเขานึกว่าหากหลบหนีไปยังเทศมณฑลชิงหยวน จะพอมีข้าวหรืออะไรให้พอรอดชีวิต
แต่แล้วตอนที่พวกเขาหลบหนีมาด้วยความยากลำบาก กลับได้พบว่าประตูของเทศมณฑลปิดแน่น พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไป บรรดาผู้หาญกล้าฝ่าฝืนเข้าไป จะถูกทุบตีด้วยไม้พลอง หากถูกทุบตีจนตาย พวกเขาก็ไร้ซึ่งที่กลบฝัง สุดท้ายทำได้เพียงต้องโยนร่างทิ้งไว้ในป่า
ส่วนเรื่องอาหาร เทศมณฑลชิงหยวนไม่มีการหยิบยื่นให้ พวกเขาต้องแก้ปัญหากันเอง ทำได้เพียงอยู่รอบนอกของเทศมณฑลชิงหยวนด้วยความสิ้นหวัง ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้จะยังรอดชีวิตหรือไม่ พวกเขาเหนื่อยล้าแสนสาหัส ไม่มีแรงจะเดินทางสู่เมืองถัดไป หลายคนต่างทำได้เพียงรอคอยความตายอย่างสิ้นหวัง
ตอนนั้นเองที่ลั่วหยางและหลี่ว์ปินปรากฏตัว กล่าวว่าพวกเขาจะจ้างแรงงาน ค่าจ้างนั้นจะตอบแทนด้วยอาหาร ส่วนเรื่องเงิน ลั่วหยางไม่ได้กล่าวถึง ด้วยเหตุนั้น บรรดาผู้คนที่หิวโหยมานาน จึงหวั่นไหวและเลือกติดตามลั่วหยางและหลี่ว์ปินจนมาถึงที่นี่
พวกเขาเหลือความหวังในการเอาชีวิตรอดเพียงแค่ทางนี้เท่านั้น!
ทว่าพวกเขาก็ยังยิ่งยินดียามได้ยินคำพูดของนายท่านที่คัดเกณฑ์พวกตนมา ว่าไม่เพียงจะมีอาหารได้ทาน แต่อู๋ฝานยังรับปากจะจ่ายค่าจ้างงานแก่พวกเขา มันถึงขนาดทำพวกเขาอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นยินดีจนไม่อาจควบคุมสีหน้าและท่าทีได้
“นายท่าน ไม่ต้องมอบเงินให้พวกเขาหรอกขอรับ พวกเขาก็พร้อมทำงานอยู่แล้ว” ลั่วหยางกระซิบข้างหูอู๋ฝาน
ในความเห็นของเขา คนเหล่านี้หิวโซแทบอดตาย อู๋ฝานสามารถใช้โอกาสนี้ตักตวงผลประโยชน์ได้ สำหรับพวกเขาแค่นี้ก็ประหนึ่งได้รับการช่วยชีวิตแล้ว พวกเขาจะพร้อมทำงานหนักเพื่อตอบแทนชายหนุ่ม เรื่องเงินนั้นแทบไม่เคยคิดถึงด้วยซ้ำไป
“ไม่เป็นไร เงินเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องตระหนี่” อู๋ฝานตอบรับ
อู๋ฝานเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ ยามนี้พวกเขาอาจยินดีทำงานหนักเพื่อเขา เพราะมีอาหารให้ได้ทาน ต่อให้ไม่ต้องจ่ายเงินจ้างเลยสักเหรียญ พวกเขาก็จะไม่ต่อว่าอะไร ทว่าเมื่อใดที่พวกเขาอิ่มท้อง พวกเขาจะเกิดความคิดอื่นขึ้นอยู่ในใจ และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะรู้สึกว่าการทำงานใช้แรงโดยเปล่านี้ช่างเลวร้าย แม้พวกเขาไม่กล้าประท้วงเพราะยังมีเรื่องของอาหาร แต่แรงใจ อย่างไรก็ต้องได้รับผลกระทบ
อู๋ฝานไม่คิดอยากทำให้งานใหญ่เสียเพราะเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านี้ มันไม่คุ้มค่า และเขาก็ไม่ได้มีเจตนาดูแลผู้คนเหล่านี้เยี่ยงทาส กระทั่งที่จวนในเทศมณฑล คนรับใช้ที่เขาซื้อตัวมา ก็ยังจะได้รับเงินเดือนตามสัดส่วนงาน ขนาดที่ว่าได้เงินมากกว่าครอบครัวใหญ่ทั้งหลายด้วยซ้ำ
นอกจากนี้หลังผู้คนเหล่านี้มีเงิน พวกเขาย่อมจับจ่ายใช้สอยภายในหมู่บ้าน มันคือเศรษฐกิจหมุนเวียน สุดท้ายมันก็จะวนกลับคืนมายังหมู่บ้านหรือไม่ก็อู๋ฝาน
“นายท่าน พวกเราแก่ขนาดนี้แล้ว ย่อมไม่อาจทำงานได้มากนัก พวกเรายังจะได้รับเงินหรือไม่ขอรับ?” ชายชราเอ่ยถามออกมาด้วยความกังวล
“ได้ ได้ทุกคน!” อู๋ฝานตอบรับ “ที่นี่มีงานมากมายให้ทำ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย! ดังนั้น หากต้องการกินดีและได้รับเงินมาก ก็ต้องทำงานหนักแลกมันมา! คนที่แก่และเด็กจะมีเงินพิเศษให้ตามความเหมาะสม แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่าต้องทำงานให้คุ้มค่า ไม่ใช่เกียจคร้าน หากมีใครจงใจเกียจคร้าน เช่นนั้นข้าก็พร้อมที่จะขับไล่ออกไป!”
“นายท่านยิ่งใหญ่เทียมฟ้า! ท่านคือผู้ช่วยชีวิตพวกเราจากความอดอยากยากไร้!” ชายชราร้องเสียงดังตอบรับกลับมา กระทั่งคุกเข่าให้กับอู๋ฝานด้วยสีหน้าตื้นตัน
ทุกคนที่เหลือต่างทำตาม โดยการคุกเข่าให้แก่อู๋ฝาน คำชมเชยซาบซึ้งของพวกเขาต่างเปล่งเสียงดังกันออกมา