บทที่ 273 เบาไป
บทที่ 273 เบาไป
เหอเหลียงกำลังตื่นตระหนก!
เดิมตอนที่เผชิญหน้ากับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขาก็ไร้พลังจะตอบโต้อยู่แล้ว กระทั่งว่าฟันซี่หนึ่งหลุดออกจากปากด้วยซ้ำ ตอนนี้เห็นสีหน้าหญิงสาวดุดันกว่าก่อนหน้า ทั้งยังเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีราวกับจะฆ่าฟัน ไม่แปลกหากเขาจะตื่นตระหนก
“ฉันไม่สู้แล้ว ฉันยอมแพ้!” เหอเหลียงตะโกนเสียงดัง
การยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้คนหรือหญิงสาวนับเป็นเรื่องน่าอับอาย ดังนั้นการทำแบบนี้ย่อมทำให้เหอเหลียงอับอาย แต่เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เพราะครั้งนี้มันจะต้องรุนแรงกว่าครั้งก่อน หากยังดื้อดึงต่อไป ก็มีแต่จะถูกเธอเล่นงานทุบตีจนตายที่นี่!
ดังนั้น เหอเหลียงจึงเลือกยอมรับความพ่ายแพ้
“รุ่นพี่เหอเหลียง น่าอายเกินไปแล้ว!”
“ลุกขึ้น! ลุกขึ้น!”
“ประธานเหอ! เมื่อกี้ยังอวดดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้รีบยอมรับความพ่ายแพ้แล้วล่ะ?”
เห็นเหอเหลียงยอมแพ้ บรรดาผู้ชมจากทั้งสองฝ่ายต่างเริ่มออกปาก โดยเฉพาะพวกผู้ชาย ที่ไม่คิดปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้หลุดลอยไป ฉวยโอกาสเอ่ยโจมตี
ใครใช้ให้เหอเหลียงกล้าออกหน้าหมายปองเทพธิดาในใจของพวกเขากัน ขณะนี้ถูกเล่นงานจนยับเยิน ก็ถือว่าสมควรแล้ว!
ตอนที่เหอเหลียงได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ ดวงตาของเขาตอนนี้ยิ่งมัวหมอง แต่ไม่ว่าใจเขาไม่ยินดีอย่างไร ก็ไม่มีความกล้าที่จะต่อกรกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อีกต่อไปแล้ว เพราะสุดท้ายคนที่เจ็บก็จะมีแค่เขาคนเดียว
สายตาที่เหอเหลียงมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ มีทั้งความคับแค้นและหวาดกลัว
เขาเกลียดหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ก็ยังไม่คิดยั้งมือ เล่นงานเขาจนอับอาย สุดท้ายถึงขั้นทำให้เขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้ออกมา แต่อีกทางเขาก็หวาดกลัววิชาของหญิงสาว เดิมชายหนุ่มคิดว่าด้วยกำลังคาราเต้สายดำของตน ต่อให้ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่าย ทว่าก็ต้องพอต่อสู้ได้บ้าง นึกไม่ถึงว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดผิด เขายังไกลห่างเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
ที่ยิ่งทำเหอเหลียงหวาดกลัว คือการที่เขาตะโกนขอยอมแพ้กับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แล้ว แต่หญิงสาวกลับคล้ายไม่ได้ยิน เธอยังคงเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า สายตาเย็นเยือก
“หลิ่วเหยียนเอ๋อร์! เธอกำลังคิดจะทำอะไร? ฉันยอมแพ้แล้ว เธอจะมาทุบตีฉันอีกไม่ได้!” เหอเหลียงตะโกนเสียงดังใส่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์อย่างตื่นตระหนก เขาที่เคยมองหญิงสาวว่าน่ารักและงดงามนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เหอเหลียงอยากลุกขึ้นยืน แต่ต่อหน้าท่าทีเยือกเย็นของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ รวมกับสายตาที่ราวกับจะฆ่าฟัน ทำให้ตัวเขารู้สึกแข้งขาอ่อนแรง ไม่อาจใช้พยุงร่างกายให้ยืนขึ้นได้ ต่อให้อยากลุก เขาก็ไม่อาจลุกขึ้น!
“ตึง!”
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เข้าถึงข้างกายเหอเหลียง พร้อมกับเตะใส่หน้าอกอีกฝ่าย ร่างเหอเหลียงม้วนกลิ้งกับพื้นประหนึ่งลูกบอลที่ถูกเตะ โถงกลางของยิมการต่อสู้แห่งนี้ ปรากฏเสียงร้องประหนึ่งสัตว์ถูกเชือด มันดังจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่น
คนในที่แห่งนี้ต่างตกอยู่ในความเงียบประหนึ่งความตายมาเยือนอีกครั้ง นอกจากเสียงร้องของเหอเหลียง ก็ไม่มีเสียงอื่นในโถงกลางอีกแล้ว ทุกสายตากำลังจับจ้องหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ผู้มีใบหน้างดงามและเย็นเยือก พลางลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
โหดเหี้ยม!
อำมหิต!
เหอเหลียงยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตนเองแล้ว ทว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กลับยังลงมือต่ออย่างเลือดเย็น เธอไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปง่าย ๆ เดิมผู้ชายหลายคนในที่นี้ยังคงมีฝันหวานต่อหญิงสาว แต่หลังได้เห็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเหอเหลียงกับตาตัวเอง พวกเขาต่างก็พร้อมใจกันละทิ้งความคิดนั้น
หากไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่อาจเป็นแฟนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้จริง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงต้องเผชิญสภาพอนาถเช่นเหอเหลียง หรือบางทีอาจเลวร้ายยิ่งกว่า!
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่งดงาม ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะเข้าไปข้องเกี่ยวหรือแตะต้อง!
เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินเข้าหาเหอเหลียงอีกครั้ง ถังอวี่เฟยจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา “เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง? ทำไมลงมือหนักขนาดนั้น? เหอเหลียงสภาพเลวร้ายขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังไม่ปล่อยเขาไปอีก? นี่คงไม่ใช่ว่าเธอคิดจะทุบตีเหอเหลียงจนตายที่นี่หรอกนะ?”
ถังอวี่เฟยยังไม่รู้ว่าเพราะการกระทำของตนเองเมื่อครู่ ทำให้ประสาทของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถูกกระตุ้นอย่างเต็มที่ เธอเองก็นับเป็นต้นเหตุหายนะของเหอเหลียงบราวนี่ออนไลน์
“อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิครับ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนั้น” อู๋ฝานเอ่ยคำขึ้น
แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่อู๋ฝานก็ยังกังวลว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะลงมือรุนแรงเกินไป หากพลั้งมือฆ่าเหอเหลียงภายใต้สายตาของผู้คนมากมายขนาดนี้ เรื่องราวก็คงเลวร้ายแล้ว
“หยุด!”
ภาษาจีนที่สำเนียงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ดังขึ้นเป็นการทำลายความเงียบ
ก่อนจะเห็นชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าปรากฏตัวต่อหน้าสายตาของผู้คน เขาเดินเข้าหาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมปากที่พูดไม่หยุด อู๋ฝานไม่เข้าใจคำที่เขากล่าวออกมา แต่จากสีหน้าที่ค่อนข้างดูโมโหนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังต่อว่าหญิงสาว
“เขาคือยอดฝีมือจากประเทศอาทิตย์อุทัยที่เหอเหลียงเชิญมาค่ะ” ถังอวี่เฟยกล่าวบอกอู๋ฝาน “เขากำลังต่อว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่โหดร้ายจนเกินไป และบอกให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์หยุดการกระทำนั้นทันที”
“ฟังที่เขาพูดรู้ด้วยเหรอครับเนี่ย?” อู๋ฝานถาม ภาษาจากประเทศอาทิตย์อุทัย ชายหนุ่มเพียงเคยได้ยินมาบ้างจากภาพยนตร์ที่เคยดูในอดีต หากในความเป็นจริงไม่มีบทบรรยายประกอบเสียงพากย์ เขาก็ไม่มีทางเข้าใจคำพูดที่อีกฝ่ายกำลังพูดแม้แต่น้อย
“ฟังออกค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบรับอย่างมั่นใจ “ภาษาของประเทศอาทิตย์อุทัย ก็ถือว่าเข้าใจยากจริง ๆ นั่นแหละค่ะ”
อู๋ฝานรู้สึกอายขึ้นมา แน่นอนว่าระหว่างเขาและนักศึกษาแถวหน้าของมหาวิทยาลัยเจียงโจว มันย่อมต้องแตกต่างกันมาก
ตอนนี้คนหนุ่มจากประเทศอาทิตย์อุทัยกำลังต่อว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อีกครั้งหนึ่ง
“เขากำลังท้าประลองกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ค่ะ บอกว่าเขาต้องการรักษาเกียรติของวิชาคาราเต้ และหวังว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะยอมรับคำท้า” ถังอวี่เฟยแปลภาษาให้อู๋ฝานฟังอย่างทันท่วงที
“หลิ่วเหยียนเอ๋อร์! ไม่ใช่ว่าเธอแข็งแกร่งมากหรือยังไง? ถ้ามีความสามารถจริง ก็ยอมรับคำท้านี้ซะ!” เหอเหลียงตะโกนใส่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขาแค้นจนมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นศัตรูไปแล้ว เขาอยากเห็นหญิงสาวพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เพราะถูกอีกฝ่ายหยามอย่างรุนแรง มีเพียงวิธีการดังกล่าว จึงจะสามารถบรรเทาความเกลียดชังในใจเขาได้บ้าง
“ถ้าเธอแพ้ เธอจะต้องไปเป็นผู้หญิงของเขา!” เหอเหลียงยังคงตะโกน แต่เพราะฟันหายไปซี่หนึ่ง ทำให้คำที่พูดออกมาในตอนนี้ ค่อนข้างฟังดูแปลกหูไปบ้าง
“โห่!” คำพูดของเหอเหลียง ทำให้ทั้งสถานที่เดือดพล่าน จนคนส่งเสียงร้องตอบกลับออกมา
เสียงนี้ไม่ใช่โห่ร้องให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แต่เป็นเหอเหลียง อีกฝ่ายที่ไม่สามารถชนะหญิงสาวได้ด้วยตนเอง และกำลังขอให้คนอื่นช่วยเหลือ อีกทั้งยังคิดบังคับให้เธอเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย คนที่เป็นคนจากประเทศอาทิตย์อุทัย ไม่แปลกหากจะทำบรรดาผู้ชมไม่ยินดี กระทั่งกลุ่มผู้หญิงที่เคยประทับใจในตัวชายหนุ่ม ตอนนี้ยังเผยสีหน้าเหยียดหยามกับการกระทำ พร้อมมองแรงใส่เหอเหลียง
อย่างไรหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว เป็นคนของประเทศแห่งนี้ ต่อให้พวกเขาเทียบไม่ได้และไม่คู่ควรกับหญิงสาว แต่ก็ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายต้องตกเป็นแฟนของคนต่างชาติ
อู๋ฝานขมวดคิ้วมองเช่นกัน เมื่อกี้ตัวเขารู้สึกได้ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ไม่ได้ทุบตีเหอเหลียงจนหนักหนาปางตายอะไร อย่างไรพวกเขาก็ถือเป็นนักศึกษาร่วมสถาบันเดียวกัน แต่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าหญิงสาวลงมือเบาเกินไป เธอควรทำให้อีกฝ่ายพิการจนพูดไม่ได้ หรือไม่ก็ทำให้หมดสติไปซะ