จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 731-735

ตอนที่ 731-735

บทที่ 731 : ไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (8)
  ”มู่เจินเจ้าฆ่าข้า เจ้าฆ่าข้า !”
  นัยน์ตาของเขาแดงฉานเป็นสีเลือดเสียงของเขากรีดแหลม ฟังดูเศร้าหมองราวกับเสียงเล็บขูดกระดาน ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง
  ”เจ้า… ” ใบหน้าของมู่เจินไร้สีเลือด นางก้าวถอยหลังกรูด
  ทว่าข้างหลังนางเป็นหน้าต่างไม่มีทางที่จะให้ถอยได้อีก
  ชายวัยกลางคนต้องการสอนบทเรียนให้กับมู่เจินทว่ามือของเขากลับผ่านร่างของนางไป ไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวนางได้
  ครั้นเห็นเช่นนี้มู่เจินแทนที่จะรู้สึกโล่งใจ นางกลับเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
  “มู่เจินเจ้ากลัวว่าข่าวเรื่องที่เจ้าส่งข้าไปสังหารหญิงผู้นั้นจะถูกเปิดเผย เช่นนั้นเจ้าจึงตั้งใจสังหารข้าใช่หรือไม่ ? ข้าทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเจ้า หากแต่นี่กลับเป็นวิธีที่เจ้าปฏิบัติกับข้า วันนี้ข้าต้องลากคอเจ้าให้ลงนรกไปด้วยกัน !”
  ดวงตาของชายวัยกลางคนแดงไปด้วยเลือดเขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย
  หัวใจของมู่เจินเย็นวาบทันที
  นางมองไปที่เหวินหยุนเฟิงผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความแค้นพลันดวงตาของนางก็เปล่งประกายตื่นตระหนก “เขาใส่ร้ายข้า ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ที่ข้าสังหารเขา เป็นเพราะเขาทำงานผิดพลาดจริง ๆ ข้าไม่ได้ … ”
  เปรี้ยง!
  ตบนี้ผู้ที่ฟาดลงมาก็คือจุนเทียนเยว่ร่างของนางสั่นเทาด้วยความโกรธ พลันน้ำตาก็ไหลรินออกมา
  ”มู่เจินผู้ใดอนุญาตให้เจ้าทำเช่นนี้กับนาง เจ้ากล้าทำร้ายนางเช่นนี้ได้อย่างไร ?” จุนเทียนเยว่กำหมัดแน่น “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า การที่เจ้าไปช่วยเหวินหยุนเฟิงในเวลานั้น แล้วเราจะต้องอดทนกับเจ้าไปทั้งชีวิต ?”
  ตอนนี้นางยังคิดจะฆ่าหลานสาวคนเดียวของข้าอีก!
  หัวใจของมู่เจินเต็มไปด้วยความแค้นนางกำหมัดแน่น พลางหันไปหาเหวินหยุนเฟิง
  แต่สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของนางก็คือสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเหวินหยุนเฟิง
  ทันใดนั้นหัวใจของนางก็เจ็บปวด
  “ความแค้นสังหารภรรยาไม่มีวันจบได้! มู่เจินเจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า”
  เหวินหยุนเฟิงเดินช้าๆ เข้าไปหามู่เจิน มู่เจินรู้สึกได้ถึงเจตนาสังหารที่รุนแรง บางทีอาจเป็นเพราะหัวใจของนางเจ็บปวดเกินไป ทำให้นางลืมที่จะรับมือเขา นางยืนมองจ้องหน้าเหวินหยุนเฟิงผู้ซึ่งยามนี้อยู่ต่อหน้านาง
  ”แต่ให้เจ้าตายมันก็จะง่ายเกิน! ในเมื่อเจ้าสังหารหนิงเอ๋อของข้า เจ้าก็จะต้องตายโดยไร้แม้แต่ศพ !”
  บูม!
  เหวินหยุนเฟิงกดหน้าอกมู่เจิน
  นางไม่สามารถเอี้ยวเอวที่ปวดร้าวของนางหลบได้นางทำได้เพียงจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความสิ้นหวัง
  ทุกคนในตำหนักเซียนพยับหมอกไม่ได้ห้ามเหวินหยุนเฟิงพวกเขาต่างก็ได้รู้ว่าภาวะซึมเศร้าของเจ้าตำหนักน้อยที่เป็นต่อเนื่องนานหลายปีบัดนี้ได้หายสิ้นแล้ว
  ภายใต้กำปั้นของเขาร่างของมู่เจินล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นเหวินหยุนเฟิงก็ยังไม่หยุด กำปั้นของเขาชกลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ
  จิตใจของเขาว่างเปล่าตอนนี้เขารู้เพียงแต่ต้องการระบายความแค้นเคืองของตน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังดึงดาบออกมา แทงร่างของมู่เจินทีละดาบทีละดาบ
  หัวใจของมู่เจินนั้นตายไปแล้วสำหรับนางความเจ็บปวดที่มากที่สุดก็คือ การต้องทนเห็นเหวินหยุนเฟิงเจ็บป่วยมานานหลายปี
  หากนางสามารถตายได้ด้วยน้ำมือของเหวินหยุนเฟิงนางก็พอใจแล้ว
  ”ท่านพ่อ”
  ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังเหวินหยุนเฟิง เสียงนั้นทำให้ร่างของเหวินหยุนเฟิงหยุดชะงัก เขาเบือนหน้ากลับไปมองอย่างช้า ๆ ครั้นแลเห็นสตรีที่อยู่ด้านหลังตน น้ำตาก็เอ่อขึ้นในดวงตาของเขา
  ”เจ้าเรียกข้าว่ากระไรนะ?”
  พ่อ…เขารอคำนี้มานานกว่า20 ปีแล้ว ตอนนี้เขาได้ยินมันแล้ว
  ”อย่าให้เลือดของนางทำให้มือของท่านสกปรก”
  ไป๋หยานเอ่ยปาก
  ต้องการที่จะตายด้วยน้ำมือของเหวินหยุนเฟิงกระนั้นหรือ? ยังหรอก มันขึ้นอยู่กับว่าข้าจะให้โอกาสนั้นหรือไม่ ?
  ”ดี”
  เหวินหยุนเฟิงรู้สึกถึงน้ำตาที่ปลายหางตาของตนเขาเต็มใจที่จะรับปากทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวของเขาจะต้องการสิ่งใด
  ”เจ้า… ” มู่เจินเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยาน พลางหายใจเข้าอย่างเย็นยะเยือก ๆ น้ำเสียงของนางอ่อนกำลังลง “เจ้าจะทำอะไร ?
  ***จบบทไป๋เฉางเฟิ่งโกรธ (8)***

บทที่ 732 : ไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (9)
  ”เจ้าทอง”
  ไป๋หยานสั่งเบาๆ “กินนางซะ”
  ”…”
  เจ้าทองยืนงงเขาจะปฏิเสธได้หรือไม่ ?
  ”อันที่จริงแล้วนายหญิง … ” ทองคำพูดเสียงอ่อย “พวกสัตว์อสูรอย่างเรา ๆ ไม่ค่อยจู้จี้กับอาหารการกินนัก ทว่ามนุษย์คนนี้ข้าไม่กินไม่ลง”
  มู่เจินบาดเจ็บสาหัสนางถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างบอบช้ำ นัยน์ตาของนางดุร้ายยิ่งขึ้น
  ”หยานเอ๋อ”ไป๋ฉางเฟิ่งขมวดคิ้ว “ตาอยากจะพานางกลับไปที่สำนักเวชโอสถ”
  ไป๋หยานหันหน้ากลับไปมองไป๋ฉางเฟิ่ง
  ”นางทำร้ายบุตรสาวของข้าอีกทั้งดูหมิ่นหลานสาวของข้า การตายมันง่ายเกินไปสำหรับนาง ข้าจะพานางกลับไปที่สำนักเวชโอสถมีหลายวิธีที่จะทรมานนาง !”
  ”ตกลง”ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับพยักหน้า “เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะมอบยาเม็ดให้ท่านตา ยาเม็ดนั้นจะช่วยให้นางยังมีลมหายใจ และยังมีชีวิตอยู่ได้ แน่นอนว่ายาเม็ดนั้นย่อมมีผลข้างเคียง นั่นก็คือมันสามารถต่อชีวิตได้ แต่หากท่านเฉือนเนื้อนางแต่ละครั้ง ความเจ็บปวดก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากครั้งก่อนหน้า”
  แววตาของไป๋ฉางเฟิ่งสดใสขึ้นสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย “เอาอย่างที่เจ้าว่า ข้าไม่มีวันยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายบุตรสาวของข้าเฉย ๆ หรอก”
  จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาเหวินหวู่เหว่ยและคนอื่นๆ พลางส่งเสียงฮึ่มฮั่ม “พวกตาเฒ่าเหล่านี้ขวางการแต่งงานของบุตรสาวของข้าใช่หรือไม่ ?”
  เหวินหวู่เหว่ยมีสีหน้าละอาย”ท่านเจ้าสำนักไป๋ โปรดฟังข้าอธิบายก่อน”
  ”คำอธิบาย? อธิบายอะไร ? มีอะไรต้องอธิบาย ? เจ้าควรรีบกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมที่จะต่อสู้กับสำนักเวชโอสถเถอะ !”
  มุมปากของเหวินหวู่เหว่ยกระตุกเขารีบหันไปมองเหวินหยุนเฟิงโดยหวังว่าเหวินหยุนเฟิงจะช่วยพูดอะไรบ้าง
  หากเหวินหยุนเฟิงพูดไป๋หยานก็อาจจะใจอ่อน และไป๋ฉางเฟิ่งก็รักไป๋หยานมาก นางอาจจะสามารถสร้างความกลมเกลียวระหว่างสำนักเวชโอสถ และตำหนักเซียนพยับหมอกได้
  เช่นนั้นสงครามครั้งนี้ก็อาจหลีกเลี่ยงได้
  เหวินหยุนเฟิงไม่มองตาของเหวินหวู่เหว่ยเขาหันไปมองไป๋ฉางเฟิ่ง “ท่านพ่อตา ข้าอยากจะออกจากตำหนักเซียนพยับหมอก จากนั้นก็เข้าสำนักเวชโอสถของท่านในฐานะลูกเขย”
  ”แค่กๆ !” เหวินหวู่เหว่ยไออย่างแรงสองครั้ง พลางกล่าวอย่างเศร้า ๆ “เย่วเอ๋อ เจ้าดูบุตรชายของเราสิ เขาบอกว่าเขาจะออกจากสำนักเรา”
  จุนเทียนเยว่จ้องมองเหวินหยุนเฟิงอย่างเฉยเมยนางก้าวช้า ๆ ไปยืนข้างกายเหวินหยุนเฟิง “หยุนเฟิง ในเมื่อเจ้าก็หายดีแล้ว บิดาของเจ้าจะต้องให้เจ้าไปหาเทพธิดาเป็นแน่ เช่นนั้นหากเจ้าจะไปสำนักเวชโอสถ แม่ก็จะไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
  ไป๋ฉางเฟิ่งผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อหวนนึกถึงความทุกข์ทรมานของบุตรสาว ครั้นได้เห็นสิ่งที่เหวินหยุนเฟิงและจุนเทียนเยว่เลือก เขาก็ทำสีหน้าเหมือนกลืนอุจจาระ เขารู้สึกว่าความโกรธเคืองที่ซึมลึกในหัวใจของเขาบัดนี้ลดน้อยลง
  “ดี! สำนักเวชโอสถของข้าออกจะใหญ่โตกว้างขวาง ข้าเลี้ยงดูพวกเจ้าทั้งสองได้แน่ อย่าสนใจบิดาที่อ่อนแอเช่นนี้เลย !”
  คนอย่างเขาไป๋ฉางเฟิ่ง ไม่เคยต้องการครอบครัวเช่นนี้ !
  ”ไป๋ฉางเฟิ่งอย่าให้มากจนเกินไปนัก !”
  ใบหน้าของเหวินหวู่เหว่ยโกรธจนเขียวทำเกินไปแล้ว ตาแก่นี่ฮุบบุตรชายของเขายังไม่พอ ยังคิดจะพาเยว่เอ๋อภรรยาของเขาไปอีกด้วย เขาไม่ยอมเป็นเด็ดขาด
  นี่ยังไม่นับเรื่องที่เขาเป็นเจ้าตำหนักเซียนพยับหมอกอีก!
  ”ข้าเพียงไม่อยากให้หยุนเฟิงและหลานสาวของข้าต้องเสียใจ เช่นนั้นข้าจึงไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับสำนักเวชโอสถ อย่าได้คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าจริง ๆ !”
  “ข้าไม่มีปัญหาใด”ไป๋หยานยักไหล่พลางยิ้มมุมปาก จากนั้นนางก็หันไปหาสองอาวุโสสกุลจง “ท่านอาจารย์ทั้งสอง ท่านอยากกลับไปที่สำนักเวชโอสถกับข้าหรือไม่ ?”
  ยามนี้ท่านตาของนางให้การสนับสนุนบิดามารดาของนางเรื่องอะไรไป๋หยานจะไม่ฉวยโอกาสยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับไป๋ฉางเฟิ่ง
  หัวใจของไป๋ฉางเฟิ่งสดชื่นขึ้นมากเพราะแม้หลานสาวของเขาจะได้พบปู่กับย่าของนางแล้ว ทว่าในหัวใจของนางก็ยังเห็นว่าท่านตาของนางสำคัญที่สุดอยู่ดี !
  ***จบบทไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (9)***

บทที่ 733 : ไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (10)
  สองอาวุโสสกุลจงลังเลอยู่เพียงครู่ที่สุดก็ก้าวไปยืนเคียงข้างไป๋หยาน
  แม้ว่าตำหนักเซียนพยับหมอกจะมีความสำคัญต่อพวกเขาทว่าศิษย์ของพวกเขาสำคัญมากกว่า
  ยิ่งไปกว่านั้นหยานเอ๋อก็ไม่ได้ต่อสู้กับตำหนักเซียนพยับหมอกจริง ๆ นางเพียงต้องการขู่ให้พวกเขากลัว ก็ผู้ใดใช้ให้พวกเขาทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนั้นกันเล่า
  เหวินซุนฮวนเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาหลังจากที่เขามา เขายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ตอนนี้เมื่อได้ยินการโต้แย้งของเหวินหวู่เหว่ย และไป๋ฉางเฟิ่ง เขาก็ยกมือขึ้นอย่างอ่อนใจ
  “ข้าก็จะไปสำนักเวชโอสถเช่นกันข้าไม่เป็นลูกเขยของท่าน ข้าจะขอเป็นลูกชายของอาวุโสไป๋”
  หรือหากเป็นหลานเขยจะได้หรือไม่?
  แน่นอนว่าหากเขาไม่รู้จักตัวตนของไป๋หยาน เขาก็จะพูดออกไปเช่นนั้นอย่างแน่นอน ทว่าไป๋หยานเป็นหลานสาวของเขา เขาก็ได้แต่ทำใจไม่ไปตามตื๊อหลานสาวตนเอง หาไม่เรื่องคงจะวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น
  ยิ่งไปกว่านั้นพี่ชายของเขาคงจะฆ่าเขาเป็นแน่!
  ครั้นเขาคิดได้ว่าเขาเคยแต๊ะอั๋งหลานสาวของตนมาก่อน กระทั่งโดนเตะเข้าที่หว่างขา เรื่องนี้เขาต้องไม่ให้พี่ชายรู้ หาไม่สาว ๆ ของเขาจะต้องถูกทิ้งให้อยู่เดียวดาย
  ”เจ้า…เจ้า… ”
  เหวินหวู่เหว่ยโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวดคนพวกนี้กะจะฆ่าเขาทั้งเป็นใช่หรือไม่ ?
  นอกจากนี้เขาไม่ได้บอกสักหน่อยว่า ครั้งนี้เขาจะมอบหยุนเฟิงให้กับเทพธิดา
  “เอาสิ”ไป๋ฉางเฟิ่งคิดว่าเหวินหวู่เหว่ยยังโกรธไม่พอ เขาจึงพยักหน้ารับ “ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว กับบุตรสาวอีกหนึ่งคน จะว่าไปก็ไม่เลวนักหากข้าจะมีบุตรชายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน”
  นัยน์ตาของเหวินซุนฮวนสว่างไสวขึ้นทันที”ท่านอาวุโสไป๋ ท่านสัญญาแล้วว่าจะรับข้าเป็นบุตรชาย เช่นนั้นต่อไปข้าก็ต้องเรียกท่านว่า ท่านพ่อ … ”
  ”เหวินซุนฮวน!” เหวินหวู่เหว่ยคำราม พร้อมตัวสั่น “พ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะเรียกผู้ใดว่าพ่ออีกหา ! ข้ามีบุตรชายที่ไร้ค่าอย่างเจ้าได้ยังไง !”
  ”พี่ชายคนโตของข้าทั้งกตัญญูทั้งเชื่อฟัง สุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร ? ท่านยังไม่ให้เขามีทางเลือก โชคดีที่ตอนนั้น ข้ายังเด็ก เทพธิดาเลยไม่มองข้า ตอนนี้หากนางเห็นว่าข้าหล่อเหลาเอาการ เกิดนางต้องการได้ข้าเป็นสามี ข้าก็จะบอกว่าอาวุโสไป๋ต่างหากที่เป็นบิดาของข้า”
  ถ้อยคำของซุนฮวนชัดเจนว่าเขาไม่พอใจพฤติกรรมในครานั้นของเหวินหวู่เหว่ยมากเพียงใด ยามนี้เมื่อเขาได้เห็นภรรยาและบุตรสาวของพี่ชายคนโตต้องถูกพรากจาก เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น
  แท้ที่จริงเมื่อได้รู้ว่าเหวินหยุนเฟิงป่วย เขาเองก็รู้สึกเสียใจ เพียงแต่ไม่เคยเอ่ยกับผู้ใด
  เช่นนั้นเมื่อได้ยินถ้อยคำของหยุนเฟิงก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจมากขึ้นเขาต้องการที่จะอ้าปากพูดหลายต่อหลายครั้ง หากแต่เขาก็พูดไม่ออก
  ”อย่ามัวเสียเวลากับเขาเลยเรากลับสำนักเวชโอสถกันเถอะ” ไป๋ฉางเฟิ่ง เบ้ปาก
  หากเป็นเขาเขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ๆ ของตน ทว่าชายผู้นี้ขี้ขลาดมาก กระทั่งใช้บุตรชายของตนเข้าแลกเพื่อสันติ
  “เหวินหวู่เหว่ยฮ่าฮ่าฮ่า บิดาของเจ้ามากด้วยพรสวรรค์จริง ๆ ที่ตั้งชื่อนี้ให้กับเจ้า สมกับเป็นหวู่เหว่ยจริง ๆ”
  น้ำเสียงประชดประชันของไป๋ฉางเฟิ่งทำให้ศีรษะของเหวินหวู่เหว่ยลดต่ำลงอย่างละอาย แต่ครั้นเขาเห็นว่าเขากำลังจะถูกพรากภรรยา และลูก ๆ ไปเขาก็โกรธขึ้นมาทันที
  “ไป๋ฉางเฟิ่งเรื่องนี้เป็นความผิดของข้าก็จริง ข้าต้องขอโทษสำหรับการกระทำของข้า ทว่าเจ้าไม่สามารถพาภรรยาและลูก ๆ ของข้าไปได้ !”
  ไป๋ฉางเฟิ่งมองเหวินหวู่เหว่ย”เจ้าแน่ใจหรือว่าจะหยุดพวกเราได้ ?”
  ”เหตุใดจะไม่ได้?” เหวินหวู่เหว่ยก้าวไปข้างหน้าสองก้าว “อำนาจของตำหนักเซียนพยับหมอกของเราก็พอ ๆ กับสำนักเวชโอสถ ! หากเจ้าต่อสู้กับข้าก็ต้องเอาชีวิตเข้าแลก”
  ไป๋ฉางเฟิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “หากเราเพิ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้ามาล่ะ ?”
  ”ดินแดนศักดิ์สิทธิ์? สำนักทั้งสามของเราไม่เคยสนิมสนมกันมาก่อน ข้ายังจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเคยขโมยอัจฉริยะของผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะเชิญดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาจัดการกับตำหนักเซียนพยับหมอกของเราด้วยกระนั้นรึ ?”
  ***จบตอนไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (10)***

บทที่ 734 : ไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (11)
  อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยอมให้ภรรยาและลูกๆ ของเขาจากไป
  ”ฮ่าๆ”
  ไป๋ฉางเฟิ่งหัวเราะเยาะเจ้าไม่รู้รึว่าเดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ?
  ในวันนั้นครั้งที่เหวินหวู่เหว่ยไปที่สำนักเวชโอสถ ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้กลับไปหมดแล้ว ทั้งชายชราก็เป็นกังวลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของบุตรชายตน เช่นนั้นเขาจึงย่อมไม่สังเกตสิ่งใด ทำให้เขาจึงไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ไป๋หยานและดินแดนศักดิ์สิทธิ์
  ทันใดนั้นเองเสียงอันเรียบเฉยก็เจาะทะลุท้องฟ้าผ่านเข้าไปในหูของทุกคน
  ”มีอะไรเกิดขึ้นในตำหนักเซียนพยับหมอกกระนั้นหรือ? ผู้ใดกล้ามีเรื่องกับตำหนักเซียนพยับหมอกล่ะ ? เอ๊ะ ! ไป๋ฉางเฟิ่ง ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยกระนั้นรึ ?”
  ภายนอกมีเสียงหัวเราะของสองคนดังลอยมา
  เมื่อพวกเขาหันไปมองพวกเขาก็เห็นชายชราสองคนเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
  ชายชราทั้งสองนี้หนึ่งในนั้นมีเส้นผม และเคราสีขาว เขาสวมเสื้อคลุมสีเหลืองราวกับสายลม ส่วนอีกคนแต่งกายในชุดสีเขียวเข้มพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า
  ทว่า…
  เมื่อชายชราทั้งสองเห็นไป๋ฉางเฟิ่งตอนแรกพวกเขาก็ตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็แลดูหงุดหงิด
  มิใช่ว่าเรื่องการมาช่วยศิษย์รักของพวกเขา? โดนตาแก่นี่ตัดหน้าไปอีกแล้วหรอกหรือ ?
  ”เหรินอี้ฉิวชู่หรง เหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่ล่ะ ?” เหวินหวู่เหว่ยขมวดคิ้วน้อย ๆ
  เขาเชิญเพียงไป๋ฉางเฟิ่งเหตุใดชายชราทั้งสองคนนี้ถึงมาโดยไม่ได้รับเชิญ ?
  แต่ครั้นเห็นสายตาที่เป็นปรปักษ์ยามพวกเขามองไป๋ฉางเฟิ่ง แสดงว่าจะต้องมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับไป๋ฉางเฟิ่งเป็นแน่
  ”เรากำลังตามหาใครบางคนทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นแล้ว” เหรินอี้ ยิ้ม นัยน์ตาของเขาหันกลับมาจับจ้องมองหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน แววตาของเขาพลันเศร้า “ลูกศิษย์ เหตุใดเจ้าไม่บอกเราบ้าง เจ้ามาที่ตำหนักเซียนพยับหมอกเองอย่างเงียบ ๆ เจ้ายังคิดว่าตาแก่อย่างเราเป็นอาจารย์อยู่อีกหรือไม่เนี่ย ? ”
  อาจารย์กระนั้นรึ?
  ความเงียบเข้าครอบงำ
  ใบหน้าของเหวินหวู่เหว่ยแข็งค้างสมองของเขาพลันวิงเวียน
  เหรินอี้กับฉิวชู่หรงชายชราทั้งสองนี้มีตำแหน่งสูงส่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทว่าก็ต้องพิจารณาก่อนว่า ประมุขแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จะยอมต่อสู้เพื่อชายชราทั้งสองหรือไม่ ?
  เพราะอย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กหากสามสำนักจะต่อสู้กัน
  ขณะที่เหวินหวู่เหว่ยคิดทบทวนไปมาฉิวชู่หรงก็ถอนหายใจ “ศิษย์รัก เจ้าเป็นคนหุนหันพลันแล่น ผู้คนในตำหนักเซียนพยับหมอกพวกนี้รู้ดีรู้ชั่วกันบ้างหรือไม่ ? ข้อนี้ข้าเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ? ตอนที่ข้าออกมา ท่าประมุขกำชับข้าว่าอย่าปล่อยให้เจ้าพบปัญหา แต่หากเจ้าพบปัญหาใด ก็อย่าลืมกลับไปบอกเขา เขาจะออกมาพบเจ้าเอง !”
  หัวใจของไป๋หยานพลันอบอุ่นนางได้รับการดูแลอย่างดีมาก ในช่วงเวลาหลายปีที่นางอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
  ”ไม่ต้องเป็นกังวลข้าไม่พบปัญหาใด ๆ เลย” ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับยิ้ม “ข้าอยากจะแนะนำท่านให้รู้จักกับอาจารย์อีกสองคนที่ข้ารู้จักในตำหนักเซียนพยับหมอก พวกเขาดีกับข้ามาก”
  เหรินอี้และฉิวชู่หรง เลิกคิ้วขึ้น “ดูเหมือนว่าสมาชิกในกลุ่มอาจารย์ของเราต้องเพิ่มขึ้นอีกแล้วสินะ แต่ก็ไม่เลว มาอยู่ด้วยกัน เราจะได้สามารถเอาชนะไป๋ฉางเฟิ่งได้”
  ไป๋ฉางเฟิ่งฮึดฮัดพร้อมกับไพล่มือข้างหนึ่งไปด้านหลัง “ต่อให้มีคนมากขึ้น อย่างไรเสียข้าก็เป็นตาของหยานเอ๋อ ข้ากับนางใกล้ชิดกันด้วยสายเลือด!”
  ไม่มีผู้ใดมาเทียบได้หรอก
  มุมปากของจงหนานยกขึ้นเขากระแอมออกมาสองครั้ง ก่อนจะกล่าวพร้อมกับยิ้มว่า “เมื่อต่างก็เป็นอาจารย์ของหยานเอ๋อ เราก็ไม่จำเป็นต้องมากมรรยาท แต่เท่าที่ข้ารู้ ท่านดูไม่เหมือนผู้ฝึกฝนหมอปรุงยาระดับแปดเลย”
  หมอปรุงยาระดับแปดกระนั้นรึ?
  ผู้อาวุโสทั้งสองหันไปมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวผู้นี้ทะลุถึงระดับแปดแล้ว…
  ข้อสงสัยนี้ยังไม่ได้รับการสอบถามพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวน
  ”เยว่เอ๋อข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว อย่าทิ้งข้าไปเลย … ”
  เหวินหวู่เหว่ยร้องไห้พลางกอดต้นขาของจุนเทียนเยว่ เอ่ยกล่าวทั้งน้ำตา
  ***จบบทไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (11)***

บทที่ 735 : ไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (12)
  ใบหน้าของจุนเทียนเยว่เปลี่ยนไปนางรีบผลักเขาออก พลางกล่าวว่า “ท่านทำอะไรน่ะ ? ปล่อยข้านะ !”
  ”ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปเจ้าต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทิ้งข้า ข้าถึงจะปล่อยเจ้า !”
  รักษาหน้าเพื่อ? หากอยากรักษาหน้านัก ก็ควรต้องสูญเสียภรรยาสิ ?
  สิ่งใดสำคัญกว่าในเวลานี้เหวินหวู่เหว่ยตระหนักดีแล้ว
  แต่เดิมเขาคิดจะใช้ไม้แข็ง เพื่อให้ไป๋ฉางเฟิ่งปล่อยคนของเขา ทว่าตอนนี้สำนักเวชโอสถจะร่วมมือกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อจัดการเขา เขาจะแข็งขืนได้อย่างไร ?
  ไม้อ่อนแหละดีที่สุด!
  ใบหน้าของจุนเทียนเยว่เปล่งประกายด้วยแสงสีแดงที่ดูไม่ชัดเจนนัก
  ”ออกไปซะ!”
  “หากปล่อยเจ้าไปเจ้าคงจะไม่กลับมาอยู่กับข้าแน่” เหวินหวู่เหว่ยกอดต้นขาของจุนเทียนเยว่แน่น พลางคร่ำครวญ “ข้ารู้แล้ว ว่าข้าผิด ข้าจะไม่บังคับเหวินหยุนเฟิงอีกแล้ว อย่าไปเลยนะ หาไม่ข้าจะ… ”
  ”จะอะไร?” ปากของจุนเทียนเยว่จิกราวกับเห็นเป็นเรื่องน่าขัน
  ”หาไม่ข้าจะไปที่สำนักเวชโอสถด้วย ทั้งข้าจะไม่ยอมกลับ เว้นแต่ไป๋ฉางเฟิ่ง จะขับไล่สมาชิกทั้งสี่ของครอบครัวเรา !”
  มุมปากของไป๋ฉางเฟิ่งยกโค้งเป็นรอยยิ้มเยาะ”สำนักเวชโอสถของข้าไม่ต้อนรับเจ้า”
  ”ข้าไม่สนหากเจ้ากล้าพาภรรยา และลูกของข้าไป ข้าจะไปอยู่บ้านเจ้า เจ้าจะต้องให้ข้ากินดื่มให้ความสำราญกับข้า และ … ”
  ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจบไป๋ฉางเฟิ่งก็เตะเขา
  ”ไปให้พ้น!”
  แค่อยู่บ้านของเขายังไม่พอนี่ยังจะให้เขาหาให้กิน ให้ดื่มอีก
  ฝันไปเถอะ!
  ”ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น!” ไป๋ฉางเฟิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พลางกล่าวว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าสามารถหาบุตรสาวมาให้ข้าได้ ข้าจะเห็นแก่หน้าบุตรสาว และหลานสาวของข้า จะยกโทษให้เจ้า !”
  เหวินหยุนเฟิงที่ฟังอยู่เงียบๆ เอ่ยถามขึ้นทันที “ท่านพ่อตา หนิงเอ๋อยังไม่ตายหรือ ?”
  ภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ?
  หัวใจของเหวินหยุนเฟิงสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นกระทั่งไม่สามารถควบคุมอาการที่เต็มไปด้วยความสุขของเขาได้
  ”หากหนิงเอ๋อตายแล้วเช่นนั้นหยานเอ๋อจะออกมาจากที่ใด ?” ไป๋ฉางเฟิ่ง เหลือบไปมองเหวินหยุนเฟิง พลางกล่าวว่า “เพียงข้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้หนิงเอ๋อจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ? หากนางประสบสิ่งเลวร้ายอย่างที่ข้าคาดไม่ถึง ข้า…ไป๋ฉางเฟิ่งต้องเป็นปฏิปักษ์กับตำหนักเซียนพยับหมอก เช่นนั้นเจ้าไม่ต้องคิดเลยว่าจะได้เหยียบบ้านของข้า !”
  เหวินหยุนเฟิงไม่ได้ยินถ้อยคำของไป๋ฉางเฟิ่งเลยความคิดเดียวที่เหลือในใจของเขาก็คือหนิงเอ๋อยังมีชีวิตอยู่ !
  นางยังมีชีวิตอยู่!
  เหวินหยุนเฟิงยิ้มพลางหัวเราะจากนั้นก็ร้องไห้ “หนิงเอ๋อ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ”
  เป็นเพราะเขาเขาไร้ประโยชน์ เขาไม่สามารถปกป้องนางได้
  นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ทำให้นางตกระกำลำบากทุกข์ทรมานมาก
  มองสภาพโศกเศร้าน่ารันทดของเหวินหยุนเฟิงแล้วไป๋ฉางเฟิ่งก็ถอนหายใจเบา ๆ เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย
  หากเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้เกิดในตำหนักเซียนพยับหมอกก็คงจะดีบางทีหนิงเอ๋ออาจจะยังคงอยู่กับเขา ทั้งหยานเอ๋อก็จะไม่ต้องตกระกำลำบากเช่นนี้ตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก
  เหรินอี้และฉิวชู่หรงสับสน”นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้น เจ้าเป็นพ่อตาของเจ้าตำหนักน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
  ”แค่กๆ ” จงเป่ยไอออกมาสองครั้ง “เรื่องนี้ซับซ้อนนัก”
  แม้ว่าเรื่องนี้จะซับซ้อนมากทว่าเขาก็พยายามเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างง่าย ๆ ให้คนทั้งสองพอได้เข้าใจ
  หากแต่หลังจากได้ยินว่ามู่เจินทำร้ายไป๋หยาน ชายชราทั้งสองก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นอย่างฉับพลัน จากนั้นถ้อยคำอื่น ๆ ของพวกเขา ผู้เฒ่าทั้งสองก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว
  ”นังสารเลว!” ฉิวชู่หรงกล่าวด้วยความโกรธ “นางอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฐานะใดกระนั้นรึ ? ท่านประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์รักนางไม่ต่างจากบุตรสาว แม้กระทั่งเกาะศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมอบให้กับนาง ส่วนองค์หญิงน้อยของข้าก็ติดตามนางตลอดทั้งวัน แม้แต่ประมุขน้อยก็ยังหลงใหลอยากจะลักพาตัวนางเสียหลายครั้งแล้ว แม้จะต้องผิดหวังเสมอก็เถอะ”
  ”แค่ก!”
  เหรินอี้กระแอม”พ่อของหยานเอ๋ออยู่ตรงนั้นนะ !”
  ***จบบทป๋ฉางเฟิ่งโกรธ (12)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท