บทที่ 291 โทรศัพท์
บทที่ 291 โทรศัพท์
ประเด็นที่หวังจื่อหมิงต้องการพูดคุยกับอู๋ฝาน จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องการแข่งรถในอีกไม่กี่วันถัดจากนี้
“ได้ยินจากอวี่เฟยว่านายเองก็เข้าร่วมการแข่งขันด้วย” หวังจื่อหมิงมองอู๋ฝานพร้อมเอ่ยคำถาม
“ผมคิดจะเข้าร่วมจริง ๆ นั่นแหละครับ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย” อู๋ฝานตอบกลับ
“ถ้านายเข้าร่วม ก็ระวังคนที่ชื่อหานเป่าฟางเอาไว้ให้ดี” หวังจื่อหมิงกล่าวบอก
“หานเป่าฟางเป็นใครครับ?” อู๋ฝานถามกลับ
“อดีตนักแข่งรถน่ะ” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ได้ยินมาว่าเขาเองก็เข้าร่วมการแข่งครั้งนี้ นายรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงวางมือ?”
“ไม่รู้ครับ ผมไม่รู้จักเขาอยู่แล้ว” อู๋ฝานหัวเราะตอบ
“เขาเป็นคนเสพติดการแข่งขัน เพื่อชนะการแข่งก็พร้อมจะใช้อุบายทุกอย่าง เขาวางมือออกมาก็เพราะไปเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในการแข่งขันน่ะ” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ตอนนั้นสถานะของเขาก็ย่ำแย่ลงมาพอสมควรแล้ว ในการแข่งขันที่เดิมก็อันตรายอยู่แล้ว เขากลับจงใจชนรถคันหน้า ทำให้รถเสียการควบคุม หลุดออกจากทางวิ่ง สุดท้ายรถก็เกิดอุบัติเหตุจนระเบิด ส่วนคนขับตายคาที่ หลังเผชิญแรงกดดันจากสาธารณชนเข้าไป เขาก็เลยเลือกที่จะวางมือ”
“โหดเหี้ยมขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” อู๋ฝานประหลาดใจ
แม้ในการแข่งขันรถแข่ง การเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง แต่การเจตนาชนเป็นอะไรที่แทบไม่เคยเกิดขึ้น ยังไม่พูดว่าการตั้งใจชนแบบนั้นเป็นอันตรายสำหรับทุกฝ่าย มันมากพอแสดงให้เห็นว่าหานเป่าฟางคนนี้โหดเหี้ยมแค่ไหน ทั้งยังกล้าได้กล้าเสีย และพร้อมเสี่ยงอันตรายมากถึงขนาดไหน
“ถูกต้อง เพราะอย่างนั้นฉันถึงเตือนนายให้ระวังเขาเอาไว้ แม้เขาอธิบายหลังเกิดอุบัติเหตุว่าไม่ได้เจตนา แต่จากหลักฐานแวดล้อมมันบอกว่าเขาจงใจ ในอดีตชื่อเสียงในวงการแข่งรถของเขาก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ด้วย” หวังจื่อหมิงบอกเสริม “และเขาก็ยังมีอาจารย์ที่ชื่อเสียงค่อนข้างฉาวโฉ่ ที่เป็นนักแข่งรถมือฉกาจแถบท่าเรือเหลียนฮวา”
“สืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นเลยสินะครับเนี่ย ฮ่า ฮ่า” อู๋ฝานหัวเราะตอบ
“เพราะอย่างนั้นฉันถึงมาเตือนให้นายระวังเอาไว้” หวังจื่อหมิงตอบกลับ
“เข้าใจแล้วครับ แต่ไม่น่าห่วงเรื่องที่เขาจะมาสร้างปัญหาอะไรให้ผมนะครับ เพราะถ้าเขากล้า ผมจะเป็นคนทำให้เขาเสียใจเอง” อู๋ฝานตอบกลับ
ถ้าอู๋ฝานเข้าร่วมการแข่งขันจริง ๆ ชายหนุ่มก็ต้องใช้รถของตัวเอง และรถของเขาก็ไม่ใช่รถธรรมดา หากหานเป่าฟางคิดสร้างความวุ่นวายในการแข่งขันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“นี่นายแข่งรถเก่งด้วยงั้นเหรอเนี่ย?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถาม “นึกว่านายแค่เข้าร่วมหาความสนุกอะไรทำนองนั้นซะอีก”
“นิดหน่อยครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
หวังจื่อหมิงคิดว่าฝีมือการขับรถของอู๋ฝานอยู่เพียงแค่ระดับปานกลาง ที่คิดอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ก็เพื่อหาความสนุกและตื่นเต้น
“อะไรก็ช่างเถอะ เรื่องที่บอกไป ขอให้นายจำเอาไว้ให้ขึ้นใจด้วย” หวังจื่อหมิงย้ำคำ
อู๋ฝานพยักหน้ารับ พร้อมกับจดจำชื่อหานเป่าฟางเอาไว้ในใจ
ถังอวี่เฟยกำลังรออู๋ฝานอยู่ เพื่อหลังจากเลิกงานจะได้ไปส่งเขากลับบ้าน
“โหวเสี่ยวกวงคนนั้นเป็นเพื่อนคุณเหรอคะ?” ภายในรถ ถังอวี่เฟยถามกับอู๋ฝาน
“ใช่ครับ เป็นเพื่อนสนิทของผมตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่” อู๋ฝานนึกถึงสมัยที่ยังเรียนอยู่ มีแค่เวลาที่ได้ใช้กับโหวเสี่ยวกวงเท่านั้นที่จะถูกนับว่าเป็นความทรงจำดี ๆ
“แล้วผู้หญิงคนที่อยู่ถัดจากเจ้าเซียวถิง ผู้หญิงคนนั้นใช่คนที่คุณชอบสมัยเรียนหรือเปล่าคะ?” ถังอวี่เฟยยังคงถามต่อ “ชื่อเจ้าเสวี่ยอี๋ใช่หรือเปล่านะ?”
“ความจำคุณดีไม่ใช่เล่นเลยนะครับ” อู๋ฝานตอบรับ “เธอชื่อว่าเจ้าเสวี่ยอี๋ครับ แต่ผมไม่ได้ชอบเธอเหมือนในตอนนั้นแล้ว เพียงแค่มีความรู้สึกดี ๆ มอบให้ ความรู้สึกอย่างความชอบกับการมอบความรู้สึกดี ๆ ให้นั้นค่อนข้างแตกต่างกันนะครับ”
เรื่องระหว่างอู๋ฝานและเจ้าเสวี่ยอี๋ ถังอวี่เฟยเคยได้ฟังอีกฝ่ายเล่ามาแล้ว
“ฉันเข้าไปก็เพราะอยากเห็นหน้าเธอนั่นแหละค่ะ” ถังอวี่เฟยหัวเราะเบา ๆ “จากที่ฉันมอง เธอไม่ได้ชอบอะไรคุณเลยสักนิด ถ้าไม่งั้นเธอคงไม่มีท่าทีเฉย ๆ ตอนที่ฉันบอกว่าเป็นแฟนหรอกค่ะ”
“ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรอยู่แล้วครับ เรื่องที่เคยเกิดขึ้นก็เป็นความเข้าใจผิดตั้งแต่แรก” อู๋ฝานตอบกลับ
“โชคร้ายจริง ๆ นะคะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ผู้หญิงคนนั้นพลาดโอกาสไปแล้ว ฉันกล้ารับปากเลยว่าอนาคตตลอดชีวิตของเธอจะไม่มีทางพบใครที่ดีไปกว่าคุณได้ค่ะ”
“นี่ผมดีขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย?” อู๋ฝานหัวเราะตอบ
“ใช่ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบชัด “ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น หลังได้รู้ว่าคุณมีดีอะไร เธอจะหาทางติดต่อเข้าถึงตัวคุณแน่ค่ะ”
“เข้าหาผมเนี่ยนะครับ? เป็นไปไม่ได้หรอก” อู๋ฝานตอบกลับ
แต่เขาก็ทราบดีเช่นกันว่าเจ้าเสวี่ยอี๋สมัยยังเรียนมหาลัยมีความภาคภูมิใจในตัวเองเช่นไร หญิงสาวมีคนตามจีบไม่เคยขาด คนอื่น ๆ ต่างเป็นฝ่ายเข้าหาเธอกันทั้งนั้น แทบไม่เคยเห็นเลยว่าเธอจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับใครก่อน โดยเฉพาะกับเพศตรงข้ามบราวนี่ออนไลน์
ทันทีที่อู๋ฝานพูดจบ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มคว้าขึ้นมา พร้อมเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย แต่ตอนที่เห็นว่าเบอร์นี้มาจากฝั่งเซี่ยงไฮ้ ความคิดของตนก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป
คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกมั้ง?
“ไม่รับสายเหรอคะ?” ถังอวี่เฟยถามเมื่อเห็นอู๋ฝานมองโทรศัพท์แล้วนิ่งไป
“น่าจะโทรผิดเบอร์น่ะครับ” อู๋ฝานไม่รับโทรศัพท์ และเลือกที่จะกดวางสาย
นอกจากเธอคนนั้น อู๋ฝานก็ไม่รู้จักใครที่อยู่เซี่ยงไฮ้อีกแม้แต่คนเดียว
แต่ว่าหลังจากอู๋ฝานวางสายไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และยังคงเป็นเบอร์เดิม
“ไม่น่าจะผิดเบอร์นะคะ” ถังอวี่เฟยหัวเราะเสียงเบา “ลองรับดูสิคะจะได้รู้ว่าใครโทรมา”
ด้วยความจนใจ อู๋ฝานจึงรับสาย
“อู๋ฝาน?” เสียงที่คุ้นเคยดังจากปลายสาย “เจ้าเสวี่ยอี๋เองนะ ทำไมเมื่อกี้ไม่รับสายล่ะ?”
อู๋ฝานมองถังอวี่เฟย หรือเธอจะเป็นนักทำนาย? เพราะมันเป็นตามที่เธอบอกไม่ผิดเพี้ยน
ถังอวี่เฟยเห็นสีหน้าของอู๋ฝาน รวมกับเสียงผู้หญิงที่แทรกดังจากโทรศัพท์ ก็ทำให้เธอเข้าใจได้แล้ว หญิงสาวยิ้มออกมา
“ขอโทษที ไม่รู้ว่าเป็นเธอ นึกว่ามีคนโทรผิดหรืออะไรทำนองนั้น” อู๋ฝานตอบกลับอย่างเฉยชา
“เป็นแบบนี้นี่เอง นึกว่าไม่อยากรับสายจากฉันซะอีก” เจ้าเสวี่ยอี๋หัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงที่ใช้พูดคุยตอนนี้ค่อนข้างหวาน “ฉันโทรหานายเพราะอยากขอบคุณที่เลี้ยงวันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก อาหารมื้อนั้นหม่าอิงเฟยเลี้ยงอยู่แล้ว ถ้าอยากจะขอบคุณก็ไปขอบคุณหม่าอิงเฟยดีกว่า ฉันแค่ส่งอาหารกับไวน์ไปเพิ่มนิดหน่อยเท่านั้นเอง” อู๋ฝานตอบกลับ
แม้อู๋ฝานจะแสดงตัวเป็นเถ้าแก่ร้านโลกในแหวน แต่เขาไม่ได้คิดรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในห้องส่วนตัวดังกล่าว และไม่จำเป็นต้องทำด้วย หม่าอิงเฟยต้องการจ่ายเงิน ก็ให้อีกฝ่ายจ่ายตามใจอยาก ชายหนุ่มไม่คิดช่วยอีกฝ่ายออกเงินแต่อย่างใด นอกจากโหวเสี่ยวกวงกับเมิ่งเว่ยฟางแล้ว อู๋ฝานก็มีมิตรภาพกับคนอื่นแค่ดาษดื่น เขาไม่คิดเป็นเจ้าภาพให้คนเหล่านั้นอยู่แล้ว
“แต่ว่านะ เงินที่นายจ่ายค่าอาหารกับเครื่องดื่มพวกนั้น มันมากกว่าที่หม่าอิงเฟยจ่ายเลี้ยงซะอีก” เจ้าเสวี่ยอี๋ยังคงพูดต่อ “เพราะงั้น ฉันขอบคุณก็ถูกต้องแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังไงงานเลี้ยงรุ่นก็จัดขึ้นที่ร้านของฉัน ถ้าเป็นที่อื่นฉันคงไม่ทำแบบนี้แน่” อู๋ฝานตอบกลับ
“จะด้วยอะไรก็ช่างเถอะ ฉันก็ยังต้องขอบคุณอยู่ดี” เจ้าเสวี่ยอี๋ตอบกลับ “พรุ่งนี้นายพอจะมีเวลาไหม? ฉันอยากเลี้ยงมื้อเย็นนายเป็นการตอบแทนหน่อย”