บทที่ 304 พังทลาย
บทที่ 304 พังทลาย
คนที่โจมตีเล่นงานโฉวหย่งเชาย่อมต้องเป็นอู๋ฝาน
อู๋ฝานลอบเข้าถึงตัวโฉวหย่งเชาจากด้านหลังโดยอาศัยวิชาดำดิน หลังปรากฏตัว เขาก็ส่งกระบี่แทงลงไป เล่นงานโฉวหย่งเชาโดยไร้ความลังเล อีกฝ่ายที่ไม่รู้ตัวจึงไม่ได้ป้องกันใด ๆ ทั้งสิ้น ถูกแทงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ชายคนนั้นคงไม่เคยคิดว่าแม้กระทั่งซ่อนตัวในกลุ่มคนแล้ว ก็ยังถูกบุกโจมตีอย่างกะทันหันถึงเพียงนี้
โฉวหย่งเชาไม่ใช่คนที่อ่อนแอ ในสภาพที่พร้อมเต็มที่ เขาก็สามารถสู้กับยอดฝีมือขอบเขตมืดขั้นสูงได้ หากอู๋ฝานต้องสู้กับอีกฝ่ายตัวต่อตัว ย่อมไม่มีทางชนะซึ่งหน้า แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดปะทะกับโฉวหย่งเชาซึ่งหน้าอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ยังทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บเพราะลูกธนูก่อนด้วยซ้ำ ทั้งตอนนี้ยังใช้วิชาดำดินมาลอบโจมตีอีกฝ่ายโดยไม่ให้รู้ตัว ทำให้ศัตรูบาดเจ็บอย่างสาหัส
เมื่อเผชิญหน้ากับโฉวหย่งเชาที่บาดเจ็บหนัก อู๋ฝานย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบเต็มประตู
ที่อู๋ฝานต้องเผชิญหน้าในตอนนี้ไม่ใช่แค่เพียงโฉวหย่งเชา แต่ยังรวมถึงทหารส่วนตัวของเขา และทหารของกองทัพกบฏด้วย
หลังเห็นอู๋ฝานทำหัวหน้าของตนบาดเจ็บสาหัสต่อหน้าต่อตา ทหารส่วนตัวของตน โฉวหย่งเชาย่อมโกรธจัด บุกทะยานเข้าหาชายหนุ่มหมายสังหารทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนนี้ อู๋ฝานก็ไม่คิดอยู่ต่อ พริบตานั้นก็ใช้งานวิชาดำดินแหวกว่ายใต้ผืนเลือนหายไป
“คนล่ะ? ตัวคนหายไปไหน?”
ตอนที่ทุกคนเห็นว่าอู๋ฝานหายตัวไปอย่างกะทันหัน พวกเขาถึงกับตื่นตระหนก นอกจากอาการตื่นตระหนกแล้วก็ยังต้องตื่นตัวระมัดระวัง
ขณะกลุ่มคนยังคงมองหาตัวอู๋ฝาน ชายหนุ่มกลับโผล่พรวดขึ้นมาอย่างกะทันหัน กระบี่พลันแทงเข้าใส่ร่างโฉวหย่งเชาที่อ่อนแรงอยู่ก่อนแล้ว เป็นการปลิดชีพอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ โฉวหย่งเชาเจอกับความตายในสภาพที่ยังคงสับสนและสงสัย ไม่ทราบว่าตนเองถูกวิชาภูตผีใดเล่นงาน ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าเขามีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า แต่อีกฝ่ายกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงฝีมือ เริ่มเล่นงานตัวเขาด้วยลูกธนู ตามมาด้วยการลอบโจมตี อย่างที่ไม่มีโอกาสแม้จะต่อต้าน
หากมีโอกาสได้ต่อสู้กับอีกฝ่าย โฉวหย่งเชาก็มั่นใจว่าสามารถคว้าเอาชัยชนะมาครอบครองได้ แต่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสเช่นนั้น ทำให้เขาไม่อาจทำอะไรจนกระทั่งชีวิตจบสิ้นลง
“ลาก่อน”
หลังอู๋ฝานสังหารโฉวหย่งเชาเสร็จ บรรดาทหารส่วนตัวของอีกฝ่ายก็ได้เห็นชายหนุ่ม ทว่าเขากลับโบกมือลาอีกฝ่ายพร้อมยิ้มทักทาย ก่อนจะหายไปอีกครั้งหนึ่ง
ขณะนั้นเองกลุ่มคนนี้ พวกเขาไม่มีใจจะระวังอู๋ฝานอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขาพบว่าโฉวหย่งเชาหมดลมหายใจไปแล้ว แม้ดวงตาทั้งสองยังคงเปิดกว้าง แต่ตัวคนไร้ซึ่งลมหายใจอย่างสิ้นเชิง
โฉวหย่งเชาตายแล้ว!
ผู้นำเสียชีวิตแล้ว พวกเขาจะทำอย่างไรต่อ?
บุกต่อไปงั้นหรือ?
หรือจะเลือกถอย?
กลุ่มคนเผชิญสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หากไร้คำสั่งการหนึ่งเดียวนั้น พวกเขาย่อมมีความคิดในใจที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ต้องการสังหารคนในหมู่บ้านล้างแค้นให้โฉวหย่งเชา บ้างก็หวาดกลัวแนวป้องกันพิสดารจนต้องการหลบหนี บ้างก็คิดยอมศิโรราบเสียที่นี่ พวกเขาไม่อยากสู้อีกต่อไปแล้ว และพวกเขาก็ไม่อยากจบชีวิตที่นี่เช่นเดียวกัน
ตอนนั้นเองที่อู๋ฝานใช้วิชาดำดินกลับมาถึงหมู่บ้าน ก่อนที่เขาจะเดินไปยืนตรงหน้ากำบังอีกครั้ง พร้อมตะโกนด้วยเสียงดัง “หัวหน้าของพวกเจ้าตายแล้ว วางอาวุธและยอมจำนนซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
จากนั้นอู๋ฝานก็ขอให้คนข้างกายช่วยตะโกนเสียงดัง ถ่ายทอดข้อความต่อไปยังนอกหมู่บ้านพร้อมกัน
“ยอมจำนนแล้วจะรอด!”
“ยอมจำนนแล้วจะรอด!”
เสียงทวนซ้ำนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ความตายของโฉวหย่งเชา ตอนแรกมีเพียงคนกลุ่มน้อยที่ทราบ แต่ตอนนี้พวกอู๋ฝานตะโกนดัง หลายคนจึงได้รู้ ทว่าพวกเขาไม่ทราบว่าที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ด้วยความสงสัยจึงหันกลับไปมองยังตำแหน่งที่โฉวหย่งเชาเคยแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน
พวกเขาไม่เห็นร่างที่คุ้นเคย รวมถึงไม่ได้ยินเสียงสบถตอบโต้ของโฉวหย่งเชาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นคนทั้งหลายจึงเริ่มเชื่อคำพูดของอู๋ฝานขึ้นมา
ขณะเดียวกันนี้เอง บรรดาทหารส่วนตัวของโฉวหย่งเชากลับตะโกนเสียงดังขึ้นมา “หัวหน้าถูกคนในหมู่บ้านสังหาร! บุกเข้าหมู่บ้าน ล้างแค้นให้หัวหน้า!”
คนเหล่านี้คือทหารส่วนตัวที่ภักดีกับโฉวหย่งเชา พวกเขาใกล้ชิดกับอีกฝ่ายที่สุด ตอนนี้เห็นโฉวหย่งเชาถูกสังหาร พวกเขาจึงโกรธเกรี้ยวคิดล้างแค้นให้
แต่เสียงตะโกนของพวกเขากลับไม่อาจเรียกขวัญกำลังใจการแก้แค้นแก่ทหารกบฏได้ มันกลายเป็นการยืนยันว่าโฉวหย่งเชาตายไปแล้วจริง
ขณะนั้นเองหลายคนเลือกที่จะหนีไปโดยไม่คิด
ภายใต้ผู้พิทักษ์คุ้มกันเช่นมอนสเตอร์และนักรบโลกอสูร หลายคนต่างใจดิ่งฮวบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป ก่อนหน้านี้เป็นเพราะคำสั่งของโฉวหย่งเชาที่บีบบังคับให้พวกเขาต้องสู้ แม้จะสร้างความเสียหายให้นักรบโลกอสูรและมอนสเตอร์ได้บ้าง แต่ผู้เสียชีวิตทางฝั่งของพวกเขาก็หนักหนาจนเกินรับได้บราวนี่ออนไลน์
ตอนนี้ความตายของโฉวหย่งเชาได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้ว หลายคนจึงไม่คิดสู้เอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงอีกต่อไป พวกเขาเลือกที่จะหันหลังกลับและหลบหนี บ้างก็คุกเข่าลงกับพื้นเตรียมอ้อนวอนยอมศิโรราบ ขณะที่บางส่วนมีเจตนาบุกเพื่อล้างแค้นให้แก่โฉวหย่งเชา
อย่างไรพวกเขาก็เป็นกองทัพกบฏ ไม่เคยได้รับการฝึกอย่างเข้มงวดเช่นกองทัพประจำการ พวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นและแรงใจที่จะต่อสู้ถึงขนาดนั้น
“ทุกคนบุกเข้าไป ใครต่อต้าน ฆ่ามัน!” อู๋ฝานออกคำสั่งกลุ่มของตนเอง ขณะเดียวกันเขาก็ยังขอให้ทหารข้างกายออกไปส่งสัญญาณแก่หน่วยที่ดักซุ่มโจมตีที่รออยู่ตั้งแต่แรก ให้พวกเขาลงมือในตอนนี้
จากนั้นอู๋ฝานจึงนำหน่วยรักษาการณ์หกสิบคน บุกออกไปจากกำบังพร้อมเข้าประหารกองทัพกบฏ
อู๋ฝานทำเช่นนี้ ทางหนึ่งก็เพื่อทำลายขวัญกำลังใจของคนที่คิดต่อต้าน อีกทางหนึ่งก็เพราะต้องการเพิ่มประสบการณ์ให้หน่วยรักษาการณ์ พวกเขาในตอนนี้ยังขาดประสบการณ์ต่อสู้ในสมรภูมิที่แท้จริง กองทัพกบฏตรงหน้านี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร กระทั่งว่ากำลังพังทลายซะด้วยซ้ำ จึงนับเป็นตัวอย่างทดลองให้ฝึกซ้อมได้เป็นอย่างดี
เห็นคนในหมู่บ้านบุกออกมาซึ่งหน้า กองทัพกบฏในตอนนี้ก็ยิ่งแตกตื่น แม้อู๋ฝานและหน่วยรักษาการณ์จะมีกำลังคนเพียงแค่หกสิบกว่า และคนอื่นที่เหลือก็เป็นเพียงแค่ผู้อพยพที่ตามออกมาสมทบ พวกเขาไม่มีทั้งอาวุธและกำลังสู้รบ แต่กลับกำลังโบกธงรบพร้อมเสียงตะโกนดัง เป็นการสร้างความกดดันในการสู้รบ
“บุก!”
“ฆ่า!”
“ฆ่าพวกกบฏให้หมด!”
ขณะที่ทหารกองทัพกบฏแตกตื่นตกใจ พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ตอนนี้ยิ่งน่าสะพรึงกลัว เพราะทั้งสองข้างปรากฏกลุ่มคนดักซุ่มบุกออกมาโจมตี
คนของหมู่บ้านแห่งนี้แท้จริงแล้วดักซุ่มรออยู่ตั้งแต่แรก!
เมื่อเผชิญการดักซุ่มโจมตี มันเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ทำให้ทหารกองทัพกบฏที่จิตใจพังครืนอยู่ก่อนแล้ว พังทลายอย่างสมบูรณ์
ผู้คนในหมู่บ้านพวกนั้นก็ยากจะรับมือจัดการแล้ว ใครกันคาดว่าแท้จริงจะยังมีการดักซุ่มรออยู่ตั้งแต่แรก? พวกเขาจะเอาอะไรไปต่อกรได้?
ตอนนี้ คนส่วนใหญ่เลือกที่จะคุกเข่าลงกับพื้นร้องขอชีวิต บางคนเลือกที่จะหลบหนี มีเพียงแค่ส่วนน้อยที่เลือกจะต่อต้าน
กับคนที่คิดจะต่อต้าน อู๋ฝานไม่คิดมากมารยาทด้วย เขาพร้อมนำหน่วยรักษาการณ์เข้าประหารเสียให้สิ้นเรื่องราว
พละกำลังของอู๋ฝานไม่อ่อนด้อย และด้วยความช่วยเหลือของเหล่าทหารที่ศึกร่วมกันมา รวมถึงธงที่ช่วยเสริมทั้งด้านการโจมตีและป้องกัน ทำให้หน่วยของเขาเปรียบดังหัวหอกที่พร้อมทิ่มแทงปลิดชีวิตศัตรู