บทที่ 307 กำจัดเชลย
บทที่ 307 กำจัดเชลย
อู๋ฝานเดินกลับมายังลานกว้างของหมู่บ้าน เชลยและคนที่ได้รับบาดเจ็บต่างมองเขา ราวกำลังรอคอยว่าชายหนุ่มจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร
คนเหล่านี้ก็เหมือนผู้อพยพทั้งหลายที่เปลี่ยนฝั่งไปเรื่อย เดิมทีก็มาจากพื้นเพเดียวกัน พวกเขาต่างก็เคยเป็นชาวนาในหมู่บ้านและเมืองทั้งหลายมาก่อน เพราะเหตุผลมากมายที่ประดังเข้ามา พวกเขาจึงต้องเดินบนหนทางแห่งการก่อกบฏ สาเหตุหลักที่พวกเขาเป็นเช่นนี้ จะบอกว่าเป็นเพราะราชสำนักก็ไม่ใช่เรื่องผิด กองทัพกบฏที่อื่นต่างก็ลุกฮือกันขึ้นเพราะเหตุผลเดียวกัน แต่เรื่องเหตุผลความเป็นมาจนนำมาสู่จุดที่เป็นตอนนี้ อู๋ฝานไม่คิดสนใจ
ชายหนุ่มกำลังปวดหัวว่าควรจัดการกับพวกเขาอย่างไรดี
หากพวกเขาถูกสังหารในการต่อสู้ เช่นนั้นก็แล้วไป แต่ปัญหาก็คือคนเหล่านี้ยอมจำนนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การสังหารผู้ยอมจำนนนั้นไม่ใช่เรื่องผิดหลักอะไรในยุคนี้ ทว่าใจอู๋ฝานไม่อาจยอมรับได้
ปล่อยพวกเขาไป?
ก็คงไม่ใช่เรื่องดี
พวกเขาส่วนใหญ่สูญเสียบ้าน หากปล่อยตัวไป พวกเขาก็มีแต่จะหิวจนตาย หรือไม่ก็เข้าร่วมกองทัพกบฏที่อื่น หากคิดให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตเช่นที่เคยเป็นก็นับเป็นเรื่องยาก
หลังครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง อู๋ฝานจึงเอ่ยกับกลุ่มคนตรงหน้าว่า “ข้าจะไม่สังหารพวกเจ้า แต่ข้าก็ไม่อาจปล่อยพวกเจ้าไปได้เช่นเดียวกัน พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องอยู่ที่นี่ทำงานให้กับข้า ข้าจะให้อาหารและที่อยู่อาศัย หลังหนึ่งปีผ่านไป พวกเจ้าเลือกจะไปจากที่นี่หรืออยู่ทำงานต่อให้ข้าก็ได้ หากเลือกอยู่ต่อ ข้าก็จะจ่ายค่าแรงให้ตามความเหมาะสม”
ตอนนี้คือช่วงเวลาแห่งการก่อสร้างครั้งใหญ่ของหมู่บ้านเร้นลับ อู๋ฝานต้องการกำลังคนจำนวนมาก สาเหตุที่เขาขอให้ลั่วหยางและหลี่ว์ปินหยุดรับคนจำนวนหลายพันก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่เพราะคนเกือบพันที่มีนั้นเพียงพอ แต่ด้วยทรัพยากรทุนทรัพย์ที่มีตอนนี้นั้นไม่มากพอ เขาจะต้องหาทางทำเงินให้มากกว่านี้เสียก่อน อย่างไรทุกคนที่ทำงานก็ต้องได้รับค่าจ้าง ยังไม่กล่าวว่าเขายังมีหน่วยรักษาการณ์ที่ต้องเลี้ยงดู
และตอนนี้ กลุ่มเชลยนักโทษกลับปรากฏตัวได้อย่างเหมาะเจาะ อู๋ฝานจึงคิดใช้พวกเขาเป็นแรงงานโดยไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง เพียงแค่มอบอาหารและที่อยู่อาศัย เช่นนั้นค่าใช้จ่ายย่อมน้อยลงไปมาก
เหลือก็เพียงว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาอะไรหรือไม่
ผู้ที่ตกเป็นเชลยมีหรือจะเอ่ยเงื่อนไขอะไรออกมาได้? อู๋ฝานไม่สังหารพวกเขาทิ้งก็ดีเพียงใดแล้ว ยังไม่กล่าวว่าทุกวันนี้ หากคิดหางานทำก็เป็นเรื่องยากลำบากแล้ว ดังนั้นการหาอาหารและที่อยู่อาศัยจึงยิ่งเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกับพวกเขาที่เหลือทางเลือกเป็นได้แค่ทหารกบฏ ไม่ได้มีฝีมืออะไร
หลังได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน แทนที่พวกเขาจะไม่พอใจและโต้แย้ง ทว่ากลับเผยท่าทีซาบซึ้งนึกขอบคุณออกมาเสียด้วยซ้ำไป
“ขอบคุณนายท่าน!”
พวกเขาทุกคนต่างซาบซึ้งในตัวอู๋ฝาน ในใจของพวกเขานั้น ชายหนุ่มในตอนนี้เปรียบดังเทพจากฟากฟ้า อีกฝ่ายไม่เพียงไม่ลงมือสังหาร แต่ยังหยิบยื่นที่อยู่อาศัยและอาหารให้ จะมีใครที่ไหนดีไปกว่าคนตรงหน้านี้? กระทั่งบุพการีของพวกเขาก็ยังไม่ดีถึงขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะกับโฉวหย่งเชาที่พวกเขาเคยรับใช้ อีกฝ่ายไม่มีทางเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ อู๋ฝานก็ทำให้ความคิดต่อต้านในใจของกลุ่มเชลยเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าต่อให้พวกตนต่อต้านจนหลบหนีไปได้ ก็ไม่มีทางที่จะหาสถานที่อื่นซึ่งดีไปกว่าที่นี่เจอ
“กับคนพวกนี้ แค่มีอาหารกับที่ให้หลับนอนก็ยินดีมากแล้วขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ พวกเขาไม่เคยได้เห็นด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้เป็นเช่นไร หากรู้ว่าพวกเราไม่ได้มีเพียงแค่อาหารกับที่พัก แต่ยังได้รับค่าจ้างแรงงาน ไม่รู้เลยว่าจะอิจฉาจนแทบตายอย่างไร”
“ต้องขอบคุณความเมตตากรุณาของนายท่าน!”
“ใช่แล้ว! หากไม่ใช่นายท่าน พวกเราคงหิวจนตายกันไปหมดแล้ว”
บรรดาผู้ลี้ภัยที่เข้าร่วมกับอู๋ฝานก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นเหล่าเชลยตื่นเต้นยินดีเพียงเพราะอู๋ฝานหยิบยื่นอาหารและที่พักพิง พวกเขาต่างก็นึกเวทนาอีกฝ่ายอยู่ในใจ ในตอนนี้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนือกว่า
พวกเขาเข้าใจดีว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของพวกเขาเกิดขึ้นก็เพราะอู๋ฝาน หากว่าไม่มีอีกฝ่าย พวกเขาก็คงไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตอนนี้จะไปอยู่ที่ใดกันบราวนี่ออนไลน์
อู๋ฝานค่อนข้างพอใจกับการตอบรับของกลุ่มเชลย เขาได้แรงงานฟรีค่าแรงหลายพันคน ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างกำแพง หรือการเพาะปลูกทำไร่ทำสวนตรงหน้าหมู่บ้าน เขาก็มีกำลังคนมากพอให้ใช้งานแล้ว
นอกจากนี้ อู๋ฝานยังวางแผนใช้ระบบรางวัลและบทลงโทษเพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นของพวกเขา หากใครแสดงฝีมือหรือศักยภาพได้ดี ชายหนุ่มก็พร้อมจะหยิบยื่นการดูแลที่ดียิ่งขึ้น หรืออาจกระทั่งจ่ายค่าจ้างที่เหมาะสมให้ เพื่อพวกเขาจะได้รับการดูแลที่ทัดเทียมกับผู้เข้าร่วมก่อนหน้านี้ เขาเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมคุณภาพงานและผลลัพธ์
ด้วยความร่วมมือของกลุ่มคน การเก็บกวาดพื้นที่สู้รบจึงเสร็จสิ้นในเวลาสั้น ๆ ทว่าบรรยากาศก็ยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เป็นการบ่งบอกว่าที่นี่เคยเกิดศึกครั้งใหญ่
ศึกก่อนหน้านี้ อู๋ฝานและคนของเขาได้เตรียมการรออยู่ก่อนแล้ว เพราะได้ทราบข้อมูลก่อนศัตรูจะบุกมา รวมกับการจัดเตรียมอาวุธไว้แต่แรก จึงมีคนได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ไม่กี่คน นอกจากนี้ อาการบาดเจ็บของพวกเขาก็ไม่ได้รุนแรง ส่วนเรื่องคนตายนั้น ไม่มีแม้แต่หนึ่งคนด้วยซ้ำไป!
หากสถานการณ์ของที่นี่เปิดเผยออกไป มันย่อมเกิดความฮือฮาครั้งยิ่งใหญ่ คนเพียงหลักร้อยสามารถต่อกรกำลังคนสี่ถึงห้าพันคนได้ ถึงขนาดที่ว่าฝ่ายน้อยกว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์ ผลการศึกเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากจะไขว่คว้ามา แม้จะเป็นขุนพลที่มากด้วยชื่อเสียงก็ตาม
ทว่าอู๋ฝานก็ทราบดี เพราะตนเองอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ค่อนข้างพิเศษ ผลลัพธ์จึงเป็นอะไรที่ยากคาดเดาเช่นนี้ แต่กว่าจะสำเร็จได้ผลลัพธ์เช่นนี้มานั้น มันก็ต้องเตรียมการมากมายอยู่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเสบียงทัพ อาวุธ และกลยุทธ์บุกสังหารผู้นำของศัตรู ขณะที่ศัตรูนั้นหาได้ทราบข้อมูลใดของเป้าหมายที่คิดจะบุกเข้าไปไม่ ชายหนุ่มเชื่อว่าสถานการณ์จะแตกต่างหากเป็นศัตรูกลุ่มอื่น หรือถ้าผู้บัญชาการหน่วยรักษาการณ์ของหมู่บ้านไม่ใช่เขา ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้เป็นเช่นตอนนี้
เพราะเหตุดังกล่าว และด้วยการสู้รบที่ผ่านพ้นไปแล้ว อู๋ฝานจึงได้เข้าใจถึงความสำคัญของสติปัญญาและอาวุธที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังได้ทราบว่ากองทัพไม่ต่างอะไรกับเม็ดทรายที่กระจัดกระจาย หากไม่มีความเข้มงวดย่อมแตกพ่ายได้ง่าย ๆบราวนี่ออนไลน์
อู๋ฝานตัดศีรษะโฉวหย่งเชา ก่อนจะส่งให้ลั่วหยางและหลี่ว์ปินรับช่วงต่อเพื่อนำส่งไปให้กัวจื่อหมิงที่เทศมณฑลชิงหยวน ตอนนี้ทางราชสำนักกำลังต้องการปลุกขวัญกำลังใจเพื่อหาทางต่อสู้กับกองทัพกบฏและกองทัพโลกอสูร ชายหนุ่มที่สามารถสังหารโฉวหย่งเชาได้นั้น ย่อมนับได้ว่าเป็นความดีความชอบประการหนึ่ง โอกาสได้รับรางวัลตอบแทนเช่นนี้เขาไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าบอกกับถังซานด้วยว่าการจัดตั้งหน่วยข่าวกรองขึ้นมาต้องดำเนินต่อไป ไม่ต้องกลัวเรื่องค่าใช้จ่าย เร่งความเร็วจัดตั้งให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้” อู๋ฝานฝากคำพูดไปกับลั่วหยางและหลี่ว์ปิน
ถังซานรับผิดชอบจัดตั้งหน่วยข่าวกรอง ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มันยังไม่อาจแสดงผลในการศึกออกมา มันไม่ใช่อะไรที่อู๋ฝานอยากจะเห็น หมู่บ้านเร้นลับคือฐานของเขา ดังนั้นเขาย่อมไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาใดขึ้นกับที่นี่
ลั่วหยางและหลี่ว์ปินต่างออกเดินทางกันไปพร้อมกับม้าและอาวุธที่ได้รับจากกองทัพกบฏ แม้ทหารของกองทัพกบฏจะมีเครื่องสวมใส่ที่ไม่ต่างกับไม่มี อาวุธมีหลากหลายแต่ไม่อาจใช้งานได้จริง แต่พวกมันก็ยังสามารถขายเป็นเงินได้ ตอนนี้อู๋ฝานต้องรับผิดชอบทั้งครอบครัวและกิจการใหญ่ แม้จะเป็นเศษเหรียญก็ต้องไม่ปล่อยให้หลุดมือ ไม่ว่าจะเป็นยุงหรือเนื้อสัตว์ก็ต้องคว้าเอาไว้ และผู้ที่รับผิดชอบขนส่งไปขายครั้งนี้ก็ยังคงเป็นลั่วหยางและหลี่ว์ปินเช่นเดิม
หลังจัดการเรื่องที่นี่เสร็จเรียบร้อย อู๋ฝานก็เหลือเวลาอีกไม่นานก่อนจะเทเลพอร์ตกลับไป