บทที่ 326 ไม่กลัวการปะทะ
บทที่ 326 ไม่กลัวการปะทะ
“มันขึ้นมาได้ยังไง?!”
หานเป่าฟางและไช่หงต่างก็ได้เห็นรถของอู๋ฝานผ่านทางกระจกมองหลัง รถของอู๋ฝานค่อนข้างพิเศษ เพียงแค่เห็นคนทั้งสองก็สามารถจำแนกรถได้อย่างง่ายดาย
ทว่าพวกเขาทั้งสองไม่ได้คาดคิดว่าคนที่ไล่ตามมาทันจะเป็นอีกฝ่าย
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งประหลาดใจและตื่นตระหนกก็คือการที่ความเร็วรถของอู๋ฝาน มันกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ระยะห่างระหว่างพวกเขาและรถคันหลัง กำลังหดแคบลงทีละน้อย
จะให้มันแซงหน้าไปไม่ได้!
คนทั้งสองต่างเกิดความคิดนี้ขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน และตัดสินใจลงมือโดยทันที
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หานเป่าฟางจึงไม่ได้ชอบอะไรในตัวอู๋ฝานอยู่แล้ว เมื่อรวมกับความภาคภูมิในตัวของเขา ที่จะไม่ยอมพ่ายแพ้แก่คนอื่น โดยเฉพาะกับคนที่คนอื่นยังไม่มองว่าเป็นนักแข่งมือสมัครเล่นซะด้วยซ้ำ เขาจึงตัดสินใจทำเช่นนี้
ส่วนทางด้านไช่หง แม้ครั้งนี้เขาจะมาแข่งเป็นตัวแทนของเจียงโจว แต่เขาก็เหมือนหานเป่าฟางที่ไม่ได้ชอบใจอะไรในตัวอู๋ฝานนัก มันเริ่มจากการที่อีกฝ่ายไม่ได้วางเดิมพันว่าเขาจะชนะ ขณะที่คนจากเจียงโจวต่างวางเดิมพันข้างเขากันทั้งสิ้น ยกเว้นก็เพียงแต่ชายหนุ่ม มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าอู๋ฝานกำลังปรามาสเขาอย่างไม่ไว้หน้า ในฐานะอดีตนักแข่งรถมืออาชีพ ใจของไช่หงย่อมมีความอวดดีอยู่ข้างในเช่นกัน การที่ชายคนนั้นมองข้ามหัวตนไปนั้น ใจเขาย่อมไม่ยินดี! ไม่แปลกหากจะโกรธ
นอกจากนี้ ไช่หงก็เป็นเหมือนหานเป่าฟาง เพราะเคยเป็นอดีตนักแข่งรถมืออาชีพ ถึงปัจจุบันจะเกษียณออกมาแล้ว แต่หากต้องแพ้คนอย่างอู๋ฝาน ที่ไม่ได้เป็นแม้นักแข่งรถมือสมัครเล่น ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? พวกเขายังต้องอาศัยชื่อเสียงเก่า เพื่อเรียกเงินค่าตัวให้มากขึ้น
ด้วยเหตุนั้น ทั้งไช่หงและหานเป่าฟาง จึงเกิดความคิดเดียวกันขึ้นในเวลาแทบจะพร้อมกัน
หลังรถทั้งสองคันปะทะและแยกกันอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองก็หยุดปะทะกันชั่วคราว เลือกที่จะถอยห่างจากกัน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง
ถนนสายนี้ไม่ได้กว้างมากนัก อย่างมากก็พอให้รถสี่คันสามารถโลดแล่นขนาบข้างกันได้ แต่ทั้งหานเป่าฟางและไช่หงต่างมากด้วยประสบการณ์ พวกเขาไม่ได้ขับโดยชิดสองฝั่งข้างทาง แต่เลือกที่จะกินพื้นที่บริเวณตรงกลางไว้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่ ๆ เหลือทางข้าง ๆ รถของพวกเขา มันไม่มากพอให้รถคันอื่นแล่นผ่านไปได้ หากอู๋ฝานต้องการแซงขึ้นไป ก็เหลือทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือแทรกกลางระหว่างพวกเขาขึ้นไป
ทว่าทั้งไช่หงและหานเป่าฟาง ย่อมไม่มีทางที่จะดูอู๋ฝานแทรกกลางแซงหน้าพวกตนผ่านไปเฉย ๆ ได้
“ทำยังไงดีคะ?” เมื่อถังอวี่เฟยเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ทำยังไง? ก็ต้องบุกเข้าไปเลยสิครับ!” อู๋ฝานตอบกลับด้วยสีหน้าไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
“แต่ว่านะคะ ช่องว่างเล็กแค่นั้น รถสองคันนั้นแทบจะพร้อมปะทะทันทีที่มีรถคันอื่นเข้าไปใกล้เลยนะ” แม้ถังอวี่เฟยจะมีฝีมือการขับรถในเกณฑ์ทั่วไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะอ่านสถานการณ์ไม่ออก
“ถ้าพวกเขาอยากเบียดเข้ามา ก็ให้เข้ามาครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ถึงตอนนั้น คุณจะได้รู้ว่าระบบรับแรงปะทะกับความแข็งแกร่งของรถคันนี้เป็นยังไง”
อู๋ฝานรู้ดีว่าหานเป่าฟางและไช่หงนั้นไม่อาจเทียบกับกลุ่มคนที่เขาแซงมาก่อนหน้านี้ได้ พวกเขาเป็นผู้มากประสบการณ์ด้านการแข่งความเร็ว หากต้องการพึ่งเพียงแค่ความเร็วแล้วเอาชนะพวกเขา มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเป็นไปได้ คนทั้งสองจะไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นแซงตัวเองได้ตามใจชอบ ดังนั้นการที่รถจะปะทะกัน มันจึงเป็นเรื่องที่ยากหลีกเลี่ยง
ทว่าอู๋ฝานไม่กลัวการปะทะ รถของเขาไม่ใช่รถธรรมดา หากปะทะกันจริง ฝ่ายที่ต้องเจ็บก็ไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เท้าของอู๋ฝานก็เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย รถของเขากำลังถีบตัวทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง มันเร่งความเร็วอีกครั้งได้อย่างมหาศาล รถของอู๋ฝานจึงเปรียบดังภูตผีในยามค่ำคืน ที่พร้อมจะโลดแล่นไปอย่างไม่สนสิ่งใด
“นั่นมันรถเทพประทานมาหรือไง? เร่งความเร็วถีบตัวที่ความสูงขนาดนั้นได้ยังไงน่ะ?”
“ไม่น่าจะทำได้เลยนะ ทำได้ก็ยาก อยากได้บ้างก็หาซื้อไม่ได้อีก”
“ปัจจัยสำคัญของรถก็คือการเร่งอีกระดับที่ความสูงขนาดนั้น แต่ว่ารถคันนั้นไม่มีอาการสั่นให้เห็นแม้แต่นิดเดียว มันราบรื่นเกินไปจนบอกว่าเทพเสกให้ยังเชื่อเลย!”
ด้วยโดรนที่ส่งภาพถ่ายทอดสดกลับมา ทำให้กลุ่มคนที่รับชมต่างก็ได้เห็นความยอดเยี่ยมของรถอู๋ฝาน มันเร็วเกินกว่าที่จะเชื่อได้ รวมกับความมั่นคงและเสถียรภาพของตัวรถ ที่แม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูงแล้วก็ยังไม่มีอาการใดให้เห็น พวกเขาต่างนึกอิจฉา คืนนี้พวกเขามาเป็นผู้ชม นอกจากบรรดาหญิงสาวแต่งชุดซิ่งแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนรักรถมาร่วมด้วย ศักยภาพที่รถของชายหนุ่มแสดงให้เห็น มันทำให้พวกเขามองด้วยสายตาริษยา
ตอนนี้หานเป่าฟางและไช่หงต่างก็คิดเช่นเดียวกัน ไม่ต่างอะไรไปจากกลุ่มคนที่รับชมอยู่ เพราะพวกเขาเคยเป็นนักแข่งรถมืออาชีพมาก่อน ดังนั้นจึงมีความเข้าใจในตัวรถดียิ่งกว่าคนทั่วไป ทว่ารถของอีกฝ่ายก็เปรียบดังรถเทพประทานอยู่ดี
น่าเสียดายที่มันเป็นรถที่ไม่มีโอกาสได้ครอบครอง ไม่มีโอกาสแม้จะยื่นมือเข้าไป มันก็ทำพวกเขารู้สึกคันที่หัวใจ แต่ยากที่จะเกา
แต่คนทั้งสองที่ต่างเผยสายตาร้อนแรงด้วยความริษยากันออกมาก็ได้ตระหนักว่าที่อู๋ฝานเร่งความเร็วรถอย่างกะทันหัน เป็นการบอกว่าเตรียมที่จะแซงพวกเขาพร้อมขึ้นนำแล้ว แม้พวกเขาจะพยายามเร่งความเร็ว ทว่าเมื่อได้เห็นความเร็วรถของชายหนุ่ม พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าหากคิดพึ่งพาแค่ความเร็ว เพื่อสะบัดอีกฝ่ายให้หลุดพ้นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้จึงเหลือเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือขวางทางไม่ให้อู๋ฝานแซงขึ้นไป!
ทั้งสองคนทราบว่าสถานการณ์ไม่ดี ฝ่ายหานเป่าฟางนั้นไม่ต้องพูดถึง ต่อให้เป็นสมัยที่ยังแข่งและมีชื่อเสียง เขาก็พร้อมที่จะทำ ส่วนไช่หงก็ไม่ใช่มือใหม่กับเรื่องเช่นนี้ แม้เขาจะไม่ได้ยินดีกับชัยชนะจากการทำแบบนี้ แต่เพื่อไม่ให้รถคันอื่นขึ้นแซง การขัดขวางเอาไว้ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำ
ขณะที่คนทั้งสองลอบตระหนักอยู่ในใจ อู๋ฝานก็มาจ่อติดหลังรถของพวกเขาแล้ว ระยะห่างที่เคยว่างกำลังลดน้อยเกินกว่าสิบเมตร ทั้งสองควบคุมพวงมาลัยของตนเองให้เบียดเข้าตรงกลางระหว่างกัน ทำให้ช่องว่างตรงกลางแคบลงมา
ความเร็วรถของอู๋ฝานค่อนข้างรวดเร็ว การปะทะกับสองคันด้านหน้าก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้หานเป่าฟางและไช่หงจะคิดว่าความเร็วที่พวกตนใช้นั้นสูงมากแล้ว แต่พวกเขาก็ยังปรามาสความเร็วรถของชายหนุ่มต่ำเกินไป ตอนที่ประตูรถของพวกเขาแทบจะประชิดกับประตูรถของอีกฝ่ายที่อยู่กลาง รถทั้งสามจะปะทะกันอย่างไม่มีทางเลี่ยง ภาพเช่นนั้น บรรดาผู้คนที่กำลังรับชมอยู่อดไม่ได้ที่จะต้องร้องอุทานออกมา เพราะกังวลว่าการเบียดตรงกลาง จะทำให้อู๋ฝานและถังอวี่เฟยที่อยู่ตรงกลางไม่ปลอดภัย
ทว่าอู๋ฝานที่อยู่ในรถกลับนิ่งสงบ ตอนที่รถทั้งสองเบียดเข้าหา ถังอวี่เฟยถึงกับหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว แต่หลังจากนั้น เธอกลับไม่รับรู้ถึงแรงสะเทือนใด ๆ แม้แต่น้อย
ถังอวี่เฟยลืมตาขึ้นด้วยท่าทีประหลาดใจ เพราะเห็นรถสองคันข้าง ๆ เข้ามาใกล้ ตอนนี้รถทั้งสามแนบชิดเบียดเสียดกันแล้ว ถ้าปะทะแล้วจริง ๆ ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนล่ะ?
“เป็นยังไงบ้างครับ? ระบบรับแรงกระแทกกับการปะทะของรถผมเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของถังอวี่เฟย อู๋ฝานก็ยิ้มพร้อมเอ่ย “ระบบรับแรงปะทะของรถคันนี้ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่ไม่กลัวการปะทะ แต่ตอนที่ปะทะ มันยังแทบไม่เกิดแรงสั่นสะเทือนอะไรถึงห้องโดยสารด้วยซ้ำไปครับ”
“รถของคุณคันนี้ รถคันนี้… แข็งแกร่งเกินไปแล้วนะคะ!” ถังอวี่เฟยตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ศักยภาพของรถคันนี้ เธอเพิ่งได้รู้ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก มันทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างเกินจินตนาการจริง ๆ