เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 4 แผนการของอาอิน

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 4 แผนการของอาอิน

อาอินจ้องไปที่คนกลุ่มคนพวกนั้น รอจนกระทั่งพวกเขาเดินเข้ามาใกล้แล้วจึงก้มลงเก็บเห็ดป่าขึ้นมาหนึ่งกำมือ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเดินไปทางคนกลุ่มนั้น แสร้งทำเหมือนว่าเดินผ่านไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

หลี่ต้าจ้วงผู้นี้มักจะชอบกลั่นแกล้งนางกับอาชิงอยู่เสมอ ไม่ใช่ว่านางเอาชนะเจ้าหมอนี่ไม่ได้ แต่ท่านพี่บอกให้นางอดทน อย่าไปขัดแย้งกับพวกอันธพาลพวกนั้น นางจึงทำได้เพียงอดทนไว้ แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว

หลี่ต้าจ้วงกำลังรู้สึกเบื่อ ๆ ไม่รู้ว่าจะไปหาเรื่องสนุกจากที่ใดทำ จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงบ้า ๆ เดินก้มหน้าพุ่งออกมาจากข้างทางมาชนเขาเข้าพอดี

“อยากตายหรืออย่างไร!” หลี่ต้าจ้วงผลักอาอินลงกับพื้น เมื่อมองดูใกล้ ๆ ก็จำได้ว่านี่มันเด็กจากครอบครัวที่พ่อนอนเป็นผักอยู่บนเนินเขาไม่ใช่หรือ?

“เจ้าตาบอดหรืออย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้าเดินมา จู่ ๆ ก็เดินมาชน อยากตายอย่างนั้นหรือ!” หลี่ต้าจ้วงด่าจบ อาอินแสร้งทำเป็นหวาดกลัวแล้วรีบลุกขึ้นพลางกล่าวว่า “มีอะไรน่ากลัวกัน ท่านแม่ข้าก็อยู่ด้วย หากเจ้ากล้ารังแกข้า ระวังนางจะตีเจ้าให้ตาย”

หลี่ต้าจ้วงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “แม่เลี้ยงอัปลักษณ์ของพวกเจ้าน่ะหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ วันนี้ข้าก็จะตีนางด้วย!”

ขณะที่พูด เขาก็หิ้วอาอินเดินมาทางจี้จือฮวน ดวงตาของอาอินเป็นประกายระยิบระยับ รอหลี่ต้าจ้วงสั่งสอนสตรีผู้นั้นสักยก นางก็จะเอาเงินคืนมาเพื่อรักษาอาการป่วยของท่านพ่อได้ เช่นนี้ก็สามารถอยู่รอจนกว่าพี่ใหญ่จะกลับมาได้แล้ว

จี้จือฮวนเพ่งสมาธิแน่วแน่ ยืนนิ่งอยู่ในน้ำไม่ขยับเขยื้อน รอเมื่อปลาเหล่านั้นคิดว่าไม่มีอันตรายและเข้ามาใกล้อีกครั้ง นางก็แทงลงไปอย่างรวดเร็ว อาชิงยังไม่ทันเห็นชัด ๆ ปลาอีกตัวก็ถูกโยนมาที่ข้างเท้าแล้ว

ปลาริมแม่น้ำสายนี้จับยากที่สุด คนในหมู่บ้านหลายคนก็ไม่สามารถจับได้ คิดไม่ถึงว่าแม่เลี้ยงของเขาจะร้ายกาจเช่นนี้!

“นางผู้หญิงอัปลักษณ์ ใครอนุญาตให้เจ้าจับปลากัน รีบขึ้นมารับความตายจากข้าซะ!”

จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นเด็กโตหลายคนออกมาจากอีกด้านหนึ่ง รูปร่างของพวกเขาสูงกว่าอาชิงเกินหนึ่งคืบ คาดว่าอายุน่าจะประมาณเจ็ดหรือแปดขวบได้

คนที่เป็นหัวหน้ามีรูปร่างกำยำ กินจนอ้วนกลมไปหมด มองออกเลยว่าอาหารการกินคงอุดมสมบูรณ์ และตอนนี้ในมือก็ยังหิ้วคอเสื้อของอาอินเอาไว้ด้วย

จี้จือฮวนหรี่ตาลง พิจารณาว่าคนกลุ่มนี้มาจากที่ใด

หลี่ต้าจ้วงกางขาทั้งสองข้างออก ก่อนจะผลักอาอินออกไปและพูดขึ้นมา “ลูกสาวเจ้าเดินชนข้า หากเจ้ายอมคุกเข่าคารวะข้าสามที ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป!”

อาชิงรีบวิ่งไปที่ข้างกายของอาอิน ใบหน้าแดงก่ำ พลางถลึงตาโตใส่และขู่ฟ่อขึ้นมา “เจ้าจะทำอะไร รังแกพี่สาวข้าทำไม เจ้าคนชั่ว”

หลี่ต้าจ้วงเห็นว่าเจ้าเด็กคนนี้กล้าด่าตัวเอง ตาตี่ ๆ จึงเบิกกว้างขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมืออวบอ้วนออกไปหวังจะต่อยอาชิง

จี้จือฮวนพุ่งฉมวกแทงปลาในมือออกไป ก่อนที่ไม้นั้นจะปักลงที่ข้างเท้าของหลี่ต้าจ้วงพอดิบพอดี ไม่เฉไม่เอียงแม้แต่น้อย

“มาหาข้าไม่ใช่หรือ มาสิ จะสู้ตัวต่อตัวหรือจะเข้ามาพร้อมกัน?” จี้จือฮวนเอ่ยถามขณะเดินเข้าไปหาพวกเขาก็พับแขนเสื้อไปด้วย

หลี่ต้าจ้วงถุยน้ำลายออกมา ก้าวขาสั้น ๆ นั้นพุ่งเข้าหาจี้จือฮวนทันที

แค่เจ้าเด็กนี่ จี้จือฮวนไม่อยากเสียเวลามาจัดการเขาหรอก นางยื่นมือไปผลักหัวโต ๆ ของเขาเอาไว้ อึดใจเดียวก็ทำให้เจ้าอ้วนนั่นล้มลงไปกับพื้นได้แล้ว

“นางผู้หญิงอัปลักษณ์ เจ้ากล้าทำข้าหรือ ลุงข้าตีเจ้าตายแน่!” หลี่ต้าจ้วงอาละวาดขึ้นมา พร้อมกับตะโกนใส่จี้จือฮวน

จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น พลางเอ่ยอย่างดูแคลน “อย่าพูดจาไร้สาระ จะสู้ไม่สู้ ถ้าไม่สู้ก็ไสหัวไปซะ”

อย่าขวางทางนางจับปลา

หลี่ต้าจ้วงถ่มน้ำลายออกมา “ถุย ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!” เขาลุกขึ้นมาปัดก้นของตัวเอง ก่อนหยิบก้อนหินปาใส่จี้จือฮวน “นางผู้หญิงอัปลักษณ์ ข้าจะปาหินใส่เจ้าจนตาย ดูสิว่าเจ้ายังจะกล้าดุข้าอีกหรือไม่”

จี้จือฮวนเอียงหัวหลบก้อนหิน สายตาที่มองหลี่ต้าจ้วงก็ดูเหมือนจะเริ่มความอดทนเต็มที

หลี่ต้าจ้วงยังไม่รู้ตัวว่าทำให้จี้จือฮวนโมโหขึ้นมาแล้วจริง ๆ เขายังคงทำหน้าตาทะเล้นอย่างได้ใจอยู่ “แบร่ ๆ ๆ มาตีข้าสิ นางผู้หญิงอัปลักษณ์!”

จี้จือฮวนแสยะยิ้มออกมา “ได้เลย คำขอเช่นนี้ข้าไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” นางเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะเดินไปตรงหน้าหลี่ต้าจ้วง

หลี่ต้าจ้วงยังคงมุ่ยปากทำท่าทางไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน จี้จือฮวนจึงเตะเข้าที่ก้นของเขาจนล้มคะมำลงไป จากนั้นก็ปลดสายรัดเอวของหลี่ต้าจ้วงออก โดยไม่สนใจเสียงร้องราวกับหมูถูกเฉือดของเขา ก่อนจะมัดกีบหมูของเขาแล้วจับไปแขวนไว้บนต้นไม้

ปกติเจ้าอ้วนผู้นี้มักจะวางอำนาจบาตรใหญ่ใส่ผู้คนในหมู่บ้าน เคยถูกรังแกเช่นนี้เมื่อใดกัน เขาจึงร้องไห้โฮออกมาทันที สุดท้ายก็สำลักน้ำลาย จนน้ำมูก น้ำตาไหลออกมาอย่างหมดสภาพ

“นางผู้หญิงอัปลักษณ์ เจ้ารีบปล่อยข้านะ ข้าจะไปฟ้องลุงข้า”

“ถ้าเจ้ามีชีวิตรอดกลับไปได้ เจ้าจะไปเขียนเป็นบทร้องงิ้วเอาไว้ร้องทุกวันก็ยังได้” จี้จือฮวนเอาฉมวกแทงปลาตบเข้าที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่มันเยิ้มของหลี่ต้าจ้วง ก่อนจะชำเลืองมองไปด้านข้าง พวกลูกน้องของหลี่ต้าจ้วงต่างก็รีบพากันวิ่งหนีอย่างอลหม่านด้วยความกลัวจนฉี่ราด

“นางผู้หญิงอัปลักษณ์ฆ่าคนแล้ว! นางผู้หญิงอัปลักษณ์ฆ่าคนแล้ว!”

อาอินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เดิมทีคิดจะให้หลี่ต้าจ้วงสั่งสอนนาง เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ นางจึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านรีบปล่อยเขาเถอะ ลุงเขาเป็นถึงอันธพาลของที่นี่ ถึงเวลาแล้วพวกเราจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่”

จี้จือฮวนปรายตามองนางเล็กน้อย แววตาคู่นั้นราวกับมองทะลุได้ทุกสิ่ง “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ?”

ดวงตาอาอินเบิกโพลง ประกายตื่นตระหนกพาดผ่านแววตาของนางแวบหนึ่ง “ท่านพูดอะไร?”

จี้จือฮวนไม่ได้ตอบนาง เพียงแค่ใช้สายตาราวกับจะยิ้มจ้องมองนางนิ่ง ๆ

“นางผู้หญิงอัปลักษณ์ รีบปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้ รอแม่ข้ามาแล้ว ข้าจะจัดการเจ้าแน่!”

จี้จือฮวนไม่คิดที่จะทำอะไรรุนแรงกับเด็ก แขวนไว้ก็ไม่ได้สูงมาก ดังนั้นจึงอยู่สูงจากพื้นแค่ครึ่งเมตรเท่านั้น ความสูงนับว่ากำลังพอดี

นางไม่มีเวลามานั่งดูปาหี่ไร้เดียงสาของพวกปีศาจน้อยเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องอิ่มท้องก่อน

อาอินมองจี้จือฮวนที่กลับไปจับปลาด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกว่าแม่เลี้ยงผู้นี้ของนางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อก่อนเวลาหลี่ต้าจ้วงมาหาเรื่อง นางต้องหลบด้วยความตกใจกลัวทุกครั้งไป

จี้จือฮวนแทงปลาอีกห้าตัวด้วยความว่องไว ปลาเหล่านั้นสะบัดหางไปมา แค่คิดว่าอีกประเดี๋ยวจะเอาไปทำเป็นอาหารรสเลิศต่าง ๆ เสียงท้องก็ยิ่งร้องดังขึ้น

“อยู่ตรงนั้น ครอบครัวนางผู้หญิงอัปลักษณ์จับพี่ต้าจ้วงแขวนอาไว้ พวกนางจะฆ่าคน!” มีเสียงตะโกนดังมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำ

มาช้าจริง ๆ ขืนช้ากว่านี้เจ้าอ้วนนั่นคงได้ตะโกนจนคอแตกเป็นแน่

สตรีที่ถือไม้นวดแป้งและสวมผ้ากันเปื้อนเดินนำหน้ามา หน้าตาคล้ายกับหลี่ต้าจ้วงนั่นไม่มีผิด คาดว่าคงจะเป็นแม่ของหลี่ต้าจ้วง

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ จางชุ่ยเฟิงยังไม่ทันเข้ามาใกล้ แค่เห็นลูกชายตัวเองถูกแขวนเอาไว้บนกิ่งไม้ก็ตะโกนออกมาทันที “ลูกแม่!”

ชายชาวนารูปร่างสูงใหญ่สองคนที่ตามหลังนางมาก็รีบพุ่งเข้ามาหาทันที จากนั้นก็รีบปล่อยหลี่ต้าจ้วงที่ถูกแขวนและร้องไห้จนหน้าดำหน้าแดงลงมา

เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นหน้าครอบครัว ก็เบะปากพลางชี้ไปที่จี้จือฮวนและคร่ำครวญออกมายกใหญ่ “ลุงใหญ่ ลุงรอง นางผู้หญิงสารเลวผู้นี้แหละขอรับ นางผู้หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ มันจับข้าแขวนเอาไว้ อีกทั้งยังบอกว่าจะจัดการข้าด้วย!”

จางชุ่ยเฟิงได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเบิกโพลง ร่างอ้วนท้วนที่ใหญ่กว่าจี้จือฮวนถึงสามเท่ายกไม้นวดแป้งขึ้นและเตรียมจะเข้าไปตีจี้จือฮวน “นางผู้หญิงชั้นต่ำ แม้แต่ลูกชายข้าเจ้าก็กล้ารังแกอย่างนั้นหรือ ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท