เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 5 ตั้งกฎ

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 5 ตั้งกฎ

อาอินเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็รีบสะกิดอาชิงเบา ๆ “แยกกันหนี!”

จี้จือฮวนเห็นได้จากหางตาว่าเจ้าเด็กสองคนนั่นแยกกันหนีไปแล้ว ดูก็รู้ว่าคงจะถูกตีจนชิน แม้แต่เวลาหนียังรู้ว่าต้องแยกกันหนี แต่ว่าเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อยู่ที่นี่จะขัดขวางการลงมือของนางเปล่า ๆ

แม้ว่าการเคลื่อนไหวของจางชุ่ยเฟิงจะรุนแรง แต่ในสายตาของจี้จือฮวนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากภาพเคลื่อนไหวช้า ๆ และไม่รอให้ไม้นวดแป้งฟาดลงมา จี้จือฮวนก็เตะเข้าที่ท้องของนางอย่างแรงจนร่างกระเด็นลอยออกไป

จางชุ่ยเฟิงกลิ้งไปตามถนนหินริมแม่น้ำ เจ็บจนต้องส่งเสียงร้องราวกับแม่หมูกำลังจะโดนเชือดออกมา “ท่านพี่ น้องจะถูกคนตีตายแล้ว รีบมาช่วยที”

จางหู่และจางเป้าได้ยินดังนั้น ก็พับแขนเสื้อขึ้นและถ่มน้ำลายลงบนพื้น กำลังจะเข้ามาจับจี้จือฮวน แต่จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้รอให้พวกเขาเข้ามา นางโน้มตัวและยกเท้าเตะไปที่ขมับของจางเป้าด้วยความปราดเปรียว จากนั้นก็ใช้แรงจากเท้าอีกข้าง พลิกตัวแล้วเตะไปที่หน้าอกของจางหู่

ชายชาวนาที่แข็งแรงสองคนโงนเงนเล็กน้อย ก่อนจะคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกัน คนหนึ่งกุมที่ศีรษะ ส่วนอีกคนกุมที่หน้าอก

หลี่ต้าจ้วงเห็นว่าแม่และลุงของตัวเองผู้ไม่เคยแพ้ใครในหมู่บ้านยังล้มลง ก็หวาดกลัวจนฉี่ราดทันที

อาชิงและอาอินตกตะลึงแข็งค้างอยู่กับที่

นี่ …นี่ยังใช่แม่เลี้ยงของพวกเขาที่แค่ลมพัดก็ป่วยอยู่หรือไม่?

จางหู่และจางเป้าอยากจะตอบโต้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกครั้งที่สตรีผู้นี้กระทืบเท้าก็เหมือนเหยียบโดนประตูชีวิตอย่างไรอย่างนั้น มือเท้าเกิดอาการชา อยากจะขัดขืนแต่กลับไร้เรี่ยวแรง ทำได้เพียงปล่อยให้นางทำจนพอใจ

ตระกูลจางของพวกเขาเป็นนักเลงประจำถิ่นของที่นี่ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รังแกผู้อื่น เคยมีผู้ใดกล้ามาเหยียบหัวพวกเขาเช่นนี้กัน!

จี้จือฮวนราวกับรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงพลิกข้อมือและยกฉมวกขึ้นพุ่งเข้าใส่ลูกตาของเขาทันที จางหู่ร้องตะโกนออกมา พร้อมกับยกแขนขึ้นบัง ฉมวกหยุดอยู่เหนือเปลือกตาของเขาพอดิบพอดี หากเข้าไปใกล้อีกนิดก็สามารถแทงทะลุเบ้าตาของเขาได้อย่างง่ายดาย

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าคิดว่าเจ้าจะกล้ากว่านี้ แต่ก็แค่นี้เองหรอกหรือ?”

จี้จือฮวนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เอาเถอะ ข้าจะไม่ถือสาพวกเจ้า ให้ลูกของเจ้ามาโขกหัวขอโทษข้าซะ แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป มิฉะนั้นข้าจะมัดพวกเจ้าแล้วโยนลงไปในหุบเขาเพื่อเป็นอาหารของหมาป่าซะ”

หลี่ต้าจ้วงร้องไห้สะอึกสะอื้น จางชุ่ยเฟิงเมื่อเห็นพี่ชายทั้งสองคนของตัวเองถูกทุบตีจนลุกขึ้นไม่ไหว เมื่อชั่งน้ำหนักดูก็รู้ว่าอะไรสำคัญ จึงรีบกระโจนเข้าไปจับตัวหลี่ต้าจ้วงแล้วเอ่ยว่า “รีบโขกหัวสิ เจ้าลูกสารเลว!”

หลี่ต้าจ้วงเบะปากออกมา “ทำเช่นนี้อับอายขายหน้าจะตายไป”

จางชุ่ยเฟิงปกติรักลูกชายคนนี้ยิ่งกว่าอะไร แต่เมื่อได้ยินดังนั้นนางกลับตบหน้าของเขาด้วยความโมโห “ลุงของเจ้าสองคนถูกนางตีใกล้จะตายอยู่แล้ว เจ้ายังจะห่วงหน้าตาอีกอย่างนั้นหรือ คุกเข่าเดี๋ยวนี้!”

หลี่ต้าจ้วงถูกแม่ของเขาจับหัวกดลงบนพื้น หน้าผากกระแทกกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า “ท่านน้า ข้าผิดไปแล้ว…”

นัยน์ตาหงส์ของจี้จือฮวนหรี่ลงเล็กน้อยพลางจ้องมองจางชุ่ยเฟิง

จางชุ่ยเฟิงจึงรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มประจบทันที “น้องสาว เมื่อครู่ข้าผิดเอง ข้าปากเสียไปเอง”

จี้จือฮวนหันมองไปทางอื่นอย่างเย็นชา พวกที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่านางเห็นมาเยอะแล้ว เวลานี้ต้องให้พวกเขารู้ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งจริง ๆ เป็นเช่นไร

อาชิงยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง และมองดูจี้จือฮวนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นดวงตากลมโตก็เผยประกายนับถือออกมาทันที

แม่เลี้ยงเก่งจริง ๆ เลย!

อาอินเองก็คิดไม่ถึงว่าจี้จือฮวนจะสามารถตีคนตระกูลจางจนหมอบได้ ทั้งยังไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย ดูสบาย ๆ เป็นอย่างมาก

จี้จือฮวนก้มลงหิ้วปลาที่ถูกร้อยขึ้นมา ก่อนจะชำเลืองมองเด็กทั้งสองคนเล็กน้อยและเตรียมจะกลับบ้าน อาชิงจึงวิ่งตามไปโดยไม่รู้ตัว

“ท่านแม่ ท่านเก่งจังเลย ท่านทำได้อย่างไรหรือขอรับ?”

จี้จือฮวนเห็นว่าเจ้าตัวน้อยนั้นรู้สึกสนใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขาออกไป แต่กลับถามคำถามหนึ่งขึ้นมาแทน “กินปลาย่างเป็นหรือไม่?”

อาชิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ข้ากินได้หรือขอรับ?”

“ได้สิ แต่ว่าบางคนกินไม่ได้” จี้จือฮวนเอ่ยจบ อาอินที่ตามมาทางด้านหลังก็สะดุ้งขึ้นมา นางกัดริมฝีปากล่างพร้อมกับจ้องจี้จือฮวนเขม็ง ความหวาดกลัวในแววตาก็เพิ่มมากขึ้น

คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะมองออกว่านางเป็นคนล่อหลี่ต้าจ้วงมา อีกทั้งยังจงใจพูดเช่นนี้อีก หรือว่านางจะมีแผนร้ายอะไรอีก

อาอินกระวนกระวายใจไปตลอดทาง แต่จี้จือฮวนกลับดูสงบนิ่ง ทั้งยังเก็บเห็ดที่ไม่มีพิษจากป่าข้างทางมาด้วย ตั้งใจว่าจะตุ๋นน้ำแกงปลาให้เผยยวนที่นอนสลบอยู่ได้ดื่ม

นางต้องจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้เสียก่อน ทั้งเรื่องถอนพิษให้เผยยวน และการใช้ชีวิตต่อไปของนาง เด็กน้อยทั้งสองนี้แม้จะไม่ลงรอยกับนาง แต่จะปล่อยพวกเขาไปโดยไม่สนใจใด ๆ ก็คงจะไม่ได้ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือครอบครัวนี้ยากจนมากจริง ๆ

หลังจากกลับมาถึงบ้าน จี้จือฮวนก็เข้าไปในครัวและเริ่มจัดการกับปลา หลังจากชำแหละเครื่องในของปลาและทำความสะอาดอย่างชำนาญแล้ว นางก็ตั้งขาตั้งสามขาสำหรับย่างปลาที่ลานบ้าน หลังจากเอาปลาเสียบไม้เรียบร้อยแล้วก็ให้อาชิงคอยพลิกไปมาเป็นระยะ เพื่อให้ปลาได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง

อาชิงนั้นเต็มใจที่จะทำงานนี้เป็นอย่างมาก เขาพลิกปลาไปก็เช็ดน้ำลายตัวเองไปด้วย ผ่านไปครู่ใหญ่ก็จะถามขึ้นมาสักครั้งว่ากินได้หรือยัง

จี้จือฮวนรู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้น่ารักดี หลังจากแน่ใจว่าเขาสามารถย่างปลาเองได้แล้ว นางจึงกลับเข้าไปในห้องครัวและหาหม้อที่ดูสะอาดใบหนึ่งมา

จี้จือฮวนตั้งใจนำปลาที่เหลืออีกหนึ่งตัวมาตุ๋นน้ำแกงในเผยยวน จากนั้นจึงโยนขิงที่หั่นบาง ๆ และเห็ดป่าลงไป แต่น่าเสียดายที่เครื่องปรุงรสมีจำกัด ไม่สามารถทำของบำรุงอะไรได้มากมาย

ขณะที่นางกำลังยุ่งอยู่นั้น อาอินที่อยู่ในห้องก็มองมาที่ด้านนอกไม่หยุด คิดไปคิดมาก็รู้สึกไม่วางใจจึงเดินออกมา อาชิงเห็นพี่สาวออกมาก็เอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ “พี่หญิง ปลาใกล้เสร็จแล้ว เราจะได้กินปลาแล้ว”

อาอินหิวจนท้องร้องเสียดัง ปลาเหล่านี้หากสตรีชั่วร้ายนั่นไม่ได้เป็นคนจับมา นางบอกได้เลยว่านางสามารถกินได้ถึงสามตัวเลยทีเดียว

ขณะที่นางกำลังน้ำลายสออยู่นั้น เสียงเย็นชาของจี้จือฮวนก็ดังขึ้น “ใครอนุญาตให้นางกินกัน”

ภายในใจลึก ๆ อาชิงยังคงรู้สึกกลัวแม่เลี้ยงคนนี้อยู่ แต่เขาก็อยากจะให้พี่หญิงของเขาได้กินปลาด้วย จึงมองไปยังจี้จือฮวนด้วยตากลมโตที่มีน้ำตาคลอเบ้า

จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้จะให้อาอินทนหิวจริง ๆ แต่ว่ากฎบางอย่างนางก็ต้องพูดให้ชัดเจน นางไม่อยากหลับไปแล้วถูกคนเอาไปขายอีกรอบ

“อาชิง เมื่อครู่พวกหลี่ต้าจ้วงทำผิด ข้าให้พวกเขาทำเช่นไรถึงปล่อยไป”

อาชิงเอ่ยเสียงดังฟังชัด “ให้เขาขอโทษขอรับ”

“อืม คนบางคนที่ไปเข้าข้างคนนอกแล้วยังไม่ขอโทษอีกก็ห้ามกินข้าว ส่วนเจ้าก็ย่างปลาของเจ้าต่อไป”

วันนี้นางจะขอพูดให้ชัดเจนไปเลย

อาอินรู้ว่าที่จี้จือฮวนพูดหมายถึงตัวเอง จึงกระแทกเท้าวิ่งกลับเข้าห้องไป

หลังจากจี้จือฮวนทำน้ำแกงปลาเสร็จแล้ว ก็ไม่มองหน้าอาอินแม้แต่น้อย จี้จือฮวนบีบคางของเผยหยวนเอาไว้ จากนั้นก็คอยป้อนน้ำแกงปลา และถือโอกาสตรวจดูร่างกายของเขาว่าสบายดีหรือไม่

สายตาของอาอินจ้องมองจี้จือฮวนตลอดเวลา ด้วยกลัวว่านางจะทำอะไรท่านพ่อของตัวเอง

โชคดีที่จี้จือฮวนออกไปกินปลาย่างแล้ว และยังบอกอาชิงว่าจะไปเดินเล่นที่ภูเขาด้านหลัง รอนางออกไปแล้วอาชิงจึงนำปลาย่างที่ซ่อนเอาไว้มาให้อาอิน

“พี่หญิงรีบกินเร็วเข้า ท่านแม่ไม่เห็นหรอก”

อาอินรีบคว้ามากินทันที วันนี้นางหิวมากจริง ๆ

แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าการกระทำของอาชิงนั้น ล้วนตกอยู่ในสายตาของจี้จือฮวนทั้งหมด

อาอินกินไปก็มองรอบ ๆ ไปด้วย “นางล่ะ”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท