บทที่ 761 : ไป๋หนิงหลบลี้หนีภัย (1)
เหวินหวู่เหว่ยรู้สึกเหมือนตัวเองโง่เง่าหากไม่ใช่เพื่อนางเทพธิดาเจ้าเล่ห์ผู้นี้ หยุนเฟิงคงไม่ต้องทรมานมานานหลายปีหรอก
พูดไปก็เท่านั้นเพราะที่สุดแล้ว เขาเองที่เป็นคนเชื่อใจนางเกินไป !
”ฉีกร่างเทพธิดานั่นให้สาสมกับที่นางหลอกลวงตำหนักเซียนพยับหมอก!”
บรรดาผู้อาวุโสโกรธมากกระทั่งลืมอำนาจของคนจากแดนสวรรค์ ต่างรีบวิ่งไปหาคนที่พวกเขาเคยยกย่องว่าเป็นเทพธิดานางนั้น และเพียงไม่ช้า นางก็ถูกห้อมล้อม พลันเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังกึกก้องทั่วทั้งท้องฟ้า
แววตาของเทพธิดาเปลี่ยนจากสิ้นหวังกลายเป็นความหวาดกลัวนางจ้องมองด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง กลัวเสียยิ่งกว่าที่ได้เห็นปีศาจอีก
ทำไม?
ก่อนหน้านี้นางพยายามดึงร่างแยกออกจากโลกนี้ไป หากแต่นางก็ทำไม่ได้ ถึงตอนนี้พลังชี่แท้ในร่างของนางก็ดูเหมือนจะถูกกักไว้ ทั้งไม่สามารถนำออกมาใช้ได้เลย นางจึงจำต้องปล่อยให้คนเหล่านั้นระบายความโกรธออกมาบนหัวของนางเท่านั้น
เวลาผ่านไประยะหนึ่งเมื่อกลุ่มคนพวกนั้นได้ระบายความโกรธกันพอแล้ว พวกเขาก็ถอยกลับออกไป ปล่อยให้หญิงสาวในอาภรณ์สีเขียวที่เคยงดงามราวหยก เปลี่ยนเป็นร่างอันบวมเป่งผมฟูยุ่งเหยิง
นางเม้มริมฝีปากแน่นหากแต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงความโกรธในใจออกมา นางทำได้เพียงอดทน นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
”ช้าก่อน”
ไป๋หยานยกมือขึ้นห้ามชายผมเงินอาภรณ์ม่วงข้างกายนาง ริมฝีปากของนางเชิดขึ้น นัยน์ตาของนางหรี่ลงส่องประกายแสงอันตราย “ข้าจำได้ว่า ข้าไม่เคยรู้จักเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าถึงทำราวกับเคยเห็นข้ามาก่อน ในเมื่อเราต่างก็เพิ่งพบกันครั้งแรก ?”
เทพธิดาใจสั่นนางโกรธ ทั้งไม่ต้องการตอบคำถามของไป๋หยาน
”ข้าไม่รู้เจ้าอาจจะเข้าใจผิดไปเอง”
บูม!
ทันทีที่นางกล่าวเช่นนั้นมวลพลังก็พุ่งมาจากด้านหน้าแล้วปะทะขาซ้ายของนางอย่างแรง นางคุกเข่าลงด้วยความตกใจเหงื่อไหลรินด้วยความขื่นขม
มากกว่าความเจ็บปวดก็คือความหวาดกลัวในใจ
”ข้าอนุญาตให้เจ้ายืนตอบคำถามของหยานเอ๋อตั้งแต่เมื่อใด?” นัยน์ตาของชายผู้นั้นกำลังคุกคามนาง ภายใต้สายลมแผ่วเบา เส้นผมสีเงินของเขาสะบัดพลิ้ว ใบหน้าของเขางามสง่าแลดูภาคภูมิอย่างยิ่ง
”ข้า… ” เทพธิดาตื่นตระหนก นางเงยหน้าขึ้นมองตี้คัง พลันรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณชั่วร้ายที่ซ่อนไว้ จากนั้นนางก็ก้มศีรษะลง “ข้าเพียงรู้สึกว่า นางดูคล้ายกับสตรีในอาณาจักรสวรรค์ผู้หนึ่ง”
สตรีในอาณาจักรสวรรค์กระนั้นรึ?
ไป๋หยานย่นคิ้วน้อยๆ เหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
จากนั้นเสียงของเทพธิดาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
”สตรีผู้นั้นก็มีชื่อว่าไป๋หนิง !”
ไป๋หนิง!
บูม!
ครั้นได้ยินชื่อนี้ร่างของไป๋หยานพลันสั่นเล็กน้อย นางเงยศีรษะขึ้นจ้องมองใบหน้าซีด ๆ ของเทพธิดา
ทว่าก่อนที่นางจะทันได้กล่าวคำใดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังทำลายความสงบรอบแท่นบูชา
”ไป๋หนิงเจ้ากำลังพูดถึงหนิงเอ๋อของข้าใช่หรือไม่ ? หนิงเอ๋อยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ ?”
เหวินหยุนเฟิงที่สลบอยู่ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดหากแต่เมื่อเขามาที่นี่ เขาก็ได้ยินคำกล่าวของเทพธิดา อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้าน นัยน์ตาของเขาพลันเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา
”ท่านพ่อ”
เมื่อไป๋หยานหันกลับมาก็เห็นเหวินหยุนเฟิงนางเลิกคิ้วขึ้นพล่างเอ่ยถามว่า “ท่านก็มาที่นี่ด้วยกระนั้นหรือ ?”
”หยานเอ๋อเจ้าไม่ได้ยินหรือไร ? มารดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ นางมีชีวิตอยู่จริง ๆ ใช่หรือไม่ ?”
เสียงนั่นสั่นคลอนอย่างปิดไม่มิด
ก่อนหน้านี้ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวว่าไป๋หนิงยังมีชีวิตอยู่ เขาก็เพียงมีความหวังมากขึ้น หากแต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าภรรยาที่รักของเขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ
ทว่าตอนนี้ถ้อยคำของเทพธิดาทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นอีกครั้ง
ต่อให้เป็นอาณาจักรสวรรค์แล้วไงตราบใดที่หนิงเอ๋อยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่านางจะอยู่ที่ใด เขาก็จะหานางให้พบในสักวัน
***จบบทไป๋หนิงหลบลี้หนีภัย (1)***
บทที่ 762 : ไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (2)
ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีวันยอมแพ้!
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเหวินหยุนเฟิงเทพธิดาก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของนางถูกมดกัด ทั้งอิจฉาทั้งเศร้า
นางไม่ต้องการเห็นสีหน้าตื่นเต้นของเหวินหยุนเฟิงนางพ่นลมหายใจฮึดฮัดพลางกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าไป๋หนิงจะคล้ายกับไป๋หยาน แต่ข้าไม่ได้บอกว่าไป๋หนิงเป็นมารดาของนาง ไป๋หนิงเป็นคนแดนสวรรค์ไม่ใช่คนในโลกนี้”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเหวินหยุนเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวความหวังของเขาบางเบาลงราวกับควัน เขาพึมพำว่า “ไม่ นางต้องเป็นหนิงเอ๋อ, หนิงเอ๋อ ของข้ายังคงมีชีวิตอยู่ … ”
”ท่านพ่อ!”
ไป๋หยานจับมือของเหวินหยุนเฟิงพร้อมกับขมวดคิ้วนางกวาดสายตาไปที่หญิงสาวในอาภรณ์เขียวที่คุกเข่าอยู่บนแท่นบูชา ก่อนจะเอ่ยปากเบา ๆ “อีกไม่นานข้าจะไปเยือนแดนสวรรค์เอง แล้วข้าจะตัดสินเองว่าคนผู้นั้นเป็นมารดาของข้าหรือไม่ ? หากแต่ตอนนี้ข้าต้องการรู้เกี่ยวกับเรื่องของนางในแดนสวรรค์ก่อน”
เทพธิดาเงยหน้าขึ้นมองครั้นเห็นสายตาเย็นยะเยือกของไป๋หยาน ในใจของนางพลันรู้สึกสยดสยอง ริมฝีปากของนางสั่นระริก “ไป๋หนิง นางเป็นนางมารร้าย ! นางเป็นอาชญากรร้ายที่เหล่าเทพต้องการตัว บางทีแม้เจ้าหานางพบ นางก็อาจจะกลายเป็นศพไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
ใช่แล้วคนเหล่านี้ไม่มีทางหาไป๋หนิงพบ หรือบางทีเมื่อพวกเขาพบตัวนางนางก็อาจจะตายไปแล้วเช่นกัน
และต่อให้พวกเขารู้จักราชาเทพสวรรค์แล้วไง?
อาณาจักรสวรรค์มีกฎระเบียบและข้อบังคับมากมาย ต่อให้เป็นราชาเทพสวรรค์ก็ไม่สามารถละเมิดกฎระเบียบเหล่านั้นได้ ต่อให้พวกเขาเกี่ยวข้องกับไป๋หนิง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องนางได้ !
”คนที่อาณาจักรสวรรค์ต้องการตัวกระนั้นรึ?” ตี้คังเลิกคิ้ว “หากไป๋หนิงนั่นไม่ใช่แม่ยายของข้าก็แล้วไป แต่หากนางเป็นแม่ยายของข้า และพวกเจ้ากล้าที่จะจับกุมนางล่ะก็ ข้าจะบดขยี้อาณาจักรสวรรค์ให้สิ้นซาก !”
บนอากาศว่างเปล่าเฟิงลี่เฉินก้มลงมองใบหน้าที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางจักรวาลของตี้คังใบหน้าของเขาแผ่รัศมีสว่างไสว กระทั่งไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ใดจากสีหน้าของเขาได้
อย่างไรก็ตามนัยน์ตาของเขากลับหม่นหมองเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานมันก็กลับมาเฉยเมยเฉกเช่นเคย
หากเขามีจิตใจที่เข้มแข็งกว่านี้เขาอาจจะไม่ต้องสูญเสียนางไป
หากแต่เขาก็สูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดไปทั้งยังพลาดจากนางไปแล้ว
”ตี้คัง… ” หัวใจของไป๋หยานสั่นไหวเล็กน้อย ประโยคนี้ราวกับก้อนหินที่โยนลงมาในน้ำ ก่อกวนหัวใจที่สงบนิ่งของนางให้หวั่นไหว
ในชีวิตก่อนของนางบิดาของนาง…เพื่อครอบครัวของเขา เขาปฏิเสธที่จะช่วยมารดาของนาง แม้ว่านางจะอ้อนวอนเขาสักเพียงไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ยอมช่วย
ทว่าชีวิตนี้
ชายผู้นี้ประกาศในที่สาธารณะว่าเขาจะทำลายอาณาจักรสวรรค์ เพื่อช่วยมารดาของนาง
ไป๋หยานพริ้มตาลงขนตาของนางไหวสั่นน้อย ๆ ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สดใส หลังจากผ่านไปเพียงอึดใจ นางก็ลืมตาขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
”ดีเช่นนั้นข้าก็จะไปโค่นล้มอาณาจักรสวรรค์กับท่าน”
เทพธิดาอดไม่ได้ที่จะงงงันสองคนนี้บ้าไปแล้วกระนั้นหรือ ? คิดว่าการที่ควบคุมแดนอสูรได้ ก็จะสามารถโค่นล้มอาณาจักรสวรรค์ได้แล้วกระนั้นรึ ?
แม้แดนอสูรเมื่อหนึ่งพันปีก่อนจะพอเทียบเท่าแดนสวรรค์ได้หากแต่ตอนนี้แดนอสูรถูกผนึกมานานนับพันปีแล้ว ย่อมไม่สามารถเทียบได้กับครั้งอดีต ตอนนี้พวกเขายังกล้าพูดถึงเรื่องการทำลายแดนสวรรค์อีกกระนั้นหรือ ?”
เทพธิดาอยากจะเอ่ยเย้ยเยาะแต่เมื่อหวนนึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของตี้คังแล้ว หัวใจของนางก็สั่นสะท้าน นางได้แต่กลืนคำพูดเสียดสีทั้งหมดลงคอ พลางเอ่ยแทนว่า “ไป๋หนิงก่ออาชญาใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ นางฆ่าคนของสำนักใหญ่ ๆ ในอาณาจักรสวรรค์ไปเป็นจำนวนมาก เช่นนั้นกรมอาญาจึงออกคำสั่งให้ตามล่าและจับไป๋หนิง ไม่มีผู้ใด…สามารถช่วยนางได้หรอก”
ไป๋หยานไม่ได้สนใจเทพธิดา นางยิ้มพลางมองตี้คัง “ตี้คัง ช่วยจัดการนางที”
***จบบทไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (2)***
บทที่ 763 : ไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (3)
“ในเมื่อนางแยกร่างมาการทำลายร่างแยก ก็ทำให้นางกลายป็นคนโง่เง่าไร้ปัญญา แค่นั้นจะเป็นการสบายเกินไปสำหรับนาง” ตี้คังยกมือขึ้น โอบกอดไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขน นิ้วเรียวยาวของเขาหยอกเย้าเส้นผมดำขลับของนาง แววตาของเขาพลันอ่อนโยน “ข้าจะสร้างบาดแผลไว้ในเส้นชีพจรปราณของนาง จากนั้น เมื่อใดก็ตามที่นางฝึกฝน นางก็จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก อีกทั้งความแข็งแกร่งที่เคยมีมาของนางก็จะลดลงเรื่อย ๆ ทุกวันจนกว่านางจะกลายเป็นเศษขยะ”
เพียงกลายเป็นคนโง่ที่ไร้สติปัญญาไม่รู้เรื่องราวจะรู้สึกเจ็บปวดอันใดเล่า?
แต่หากทำให้นางกลายเป็นเศษสวะในอาณาจักรสวรรค์นั่นจะทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อถูกคนพวกนั้นดูถูก นางจะต้องทนทุกข์ทรมานหนักหนาสาหัสเจ็บปวดเข้ากระดูกดำ !
นี่คือสิ่งที่นางต้องชดใข้จากการทำร้ายไป๋หยาน!
นัยน์ตาของตี้คังสว่างวาบลมหายใจของเขาเย็นยะเยียบอีกทั้งน่ากลัว
เขาไม่มีวันลืมว่าเพราะหญิงผู้นี้ทำให้ไป๋หยานต้องไปเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลไป๋ และต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย !
หากมิใช่เพราะนางหยานเอ๋อของข้าก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนั้น
ดังนั้นบัญชีครั้งนี้เขาจะต้องคิดกับนาง
”ไม่! ข้าไม่อยากจะกลายเป็นสวะไร้สามารถ ข้าผิดไปแล้ว ราชาอสูรได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้ารู้ผิดแล้ว”
เทพธิดารู้สึกสยดสยองน้ำเสียงของนางสั่นเครือ นางโขกพื้นหินกระทั่งเลือดไหลรินออกจากหน้าผาก แต่เพียงไม่นาน นางก็แทบสิ้นสติ ก้มลงหมอบคอยรอความเมตตาเช่นนั้น
ขยะจะสามารถอยู่รอดในแดนสวรรค์ได้อย่างไร? ก็แค่มีชีวิตรอด แต่ก็เป็นชีวิตที่ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น !
เพียงครู่ความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง และความหม่นหมองนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้นในหัวใจของนาง ทำให้จิตใจของนางสั่นไหว
ทว่าตี้คังไม่ให้โอกาสนางอีกเทพธิดาไม่มีแม้เวลาที่จะร้องขอความเมตตา จู่ ๆ ร่างของนางก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างฉับพลัน ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนั้น ร่างของนางพลันบิดเบี้ยว ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำทันที
”ไปให้พ้น!”
ตี้คังโบกมือคลื่นพลังพุ่งเข้าหาเทพธิดาด้วยแรงขับเคลื่อนอันแข็งแกร่ง นางกรีดร้อง สังเกตเห็นได้ทันทีว่า มีแรงดูดจากส่วนบนของหัวนางทันใดนั้นเองร่างของนางก็หายไปจากแท่นบูชา
บนท้องฟ้าสัตว์อสูรจำนวนมากร่อนลงมา แล้วมายืนเคารพนอบน้อมอยู่หน้าราชวงศ์อสูรทั้งสาม
แววตาเฟิงลี่เฉินเปล่งประกายเมื่อมองไปที่ไป๋หยานอีกครั้ง เขาเม้มริมฝีปากเรียวบาง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
ดูเหมือนว่าเขาจะออกมาช้าไปอีกแล้วใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นหญิงผู้นี้ก็ไม่น่าที่จะเป็นของเขาแน่แล้ว ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากของคนสองคนยืนเคียงข้างกันโอบกอดกัน ทำให้เขารู้สึกราวกับว่า เขาได้รับความทรมาน เจ็บปวดจากก้นบึ้งของหัวใจเขาเลยทีเดียว
”เฟิงลี่เฉิน… ” ในที่สุดไป๋หยานก็นึกขึ้นได้ถึงการมีตัวตนของเฟิงลี่เฉิน นางกล่าวด้วยความละอายว่า “เมื่อครู่ท่านบอกว่า ท่านมาหาข้ามิช่หรือ ?”
เฟิงลี่เฉินยิ้มน้อยๆ “แท้ที่จริงแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร จะพูดหรือไม่ก็ไม่สำคัญอะไร ส่วนเรื่องไป๋หนิง ไว้ข้าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับนางมาให้เจ้า”
ไป๋หยานตกตะลึงเนื่องจากนางรู้ว่าเฟิงลี่เฉินเป็นคนของอาณาจักรสวรรค์ นางจึงไม่ต้องการติดค้างหนี้บุญคุณเขามากเกินไปนัก ทว่า…
ครั้นนางเห็นใบหน้าและน้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเหวินหยุนเฟิงแล้ว นางก็ทำได้เพียงกลืนคำปฏิเสธลงคอไป
”หยานเอ๋อ”ตี้คังโอบแขนรอบเอวของไป๋หยาน เชิดริมฝีปากขึ้น นัยน์ตาเรียวคมของเขาจ้องมองบุรุษผู้ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า “ข้าจะชดใช้หนี้บุญคุณแทนราชินีของข้าเอง”
ข้าจะตอบแทนความมีน้ำใจของเจ้าที่มีต่อภรรยาของข้าเองอย่าพยายามเอาชนะใจนางเลย
และ…
นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อย
ส่วนการโจมตีแดนสวรรค์นั้นเราต้องเริ่มปรึกษาเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ !
ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนโวยวายโหวกเหวกก็ดังมาจากด้านหลัง
”เหวินหวู่เหว่ยข้าไม่รู้ว่าแท่นบูชาของเจ้ามีความลับอะไรนักหนา ? ถึงไม่ยอมให้พวกเราเข้ามาที่นี่ แต่เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถหยุดตาเฒ่าอย่างพวกเราได้ ข้าเพียงต้องอาศัยเวลาสักเล็กน้อยในการค้นหาสถานที่แห่งนี้ของเจ้า”
***จบบทไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (3)***
บทที่ 764 : ไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (4)
สุ้มเสียงนั้นทำให้ไป๋หยานตะลึงงันนางหันกลับมา จึงได้พบกลุ่มชายชรากำลังเดินตรงมา
เหรินอี้และฉิวชู่หรงบ่นโวยวายมาตลอดทางหากแต่หลังจากได้เห็นร่างที่ดูไม่แยแสสิ่งใดในโลกบนอากาศว่างเปล่า พวกเขาก็จ้องมองตาโตราวกับเห็นผี
”ประมุขน้อยเหตุใดมาอยู่ที่นี่ เหตุใดผมของท่านถึงเปลี่ยนเป็นสีขาวล่ะ ?”
ไป๋ฉางเฟิ่งเองก็ตกตะลึงเช่นกันชายผู้นี้ช่างคล้ายกับฉู่อี้เฟิงเสียจริง เว้นแต่ว่าแรงกดดันของพวกเขาแตกต่างกันมาก
ฉู่อี้เฟิงเองก็ไม่แยแสต่อโลกราวกับอยู่ใกล้แต่ไกลห่างนับพันลี้
หากแต่ผู้ที่อยู่บนอากาศว่างเปล่าคนนี้ แม้จะดูไม่แยแสสิ่งใดพอ ๆ กัน ทว่ากลับดูภาคภูมิราวกับเทพเจ้าเบื้องบน แววตาของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ
”ท่านตาท่านอาจารย์” ไป๋หยานเอ่ยเรียก ริมฝีปากของนางกระตุกเล็กน้อย “เขามิใช่ฉู่อี้เฟิง”
ฉู่อี้เฟิงกระนั้นรึ?
นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อยหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหึงหวง ทุกคราที่หยานเอ๋อเอ่ยขานชื่อนี้ เขามักจะขบฟันรู้สึกไม่ชินหูเสียทุกครั้งไป
ดูเหมือนว่าบิดาบุญธรรมของเฉินเอ๋อจะมีสถานะพิเศษในหัวใจของนางเสียจริงๆ
”อาจารย์ตา”
ไป๋เสี่ยวเฉินวิ่งไปหาชายชราทั้งสาม”พวกท่านจำคนผิดแล้ว เขาเป็นคนช่วยเฉินเอ๋อไม่ใช่พ่อบุญธรรม แต่เฉินเอ๋อคิดถึงพ่อบุญธรรมจังเลย”
พ่อบุญธรรมดีต่อเขามากไม่ได้เจอพ่อบุญธรรมมานานมากแล้ว เขาเริ่มคิดถึงพ่อบุญธรรมแล้วสิ
แล้วยังมีฉู่อีอี้อีก…
”แค่กๆ !”
ฉิวชู่หรงไอแค่กๆ ด้วยความอับอาย “คุณชายผู้นี้ แลดูคล้ายประมุขน้อยของเรามาก เมื่อครู่ข้าเลยเข้าใจผิด ไม่ทราบว่าท่านมาจากสำนักใดกระนั้นหรือ ?”
เฟิงลี่เฉินมองฉิวชู่หรงพลางกลั้นใจเอ่ยออกมาว่า “แดนสวรรค์”
แดนสวรรค์! สองคำนี้ทำเอาเหล่าชายชราทั้งหลายเกือบล้มลงกับพื้น พวกเขาตะลึงมองร่างที่ราวกับเทพบุตรนั้น
เขามาจากแดนสวรรค์กระนั้นหรือ?
เฟิงลี่เฉินไม่สนใจว่าชายชราพวกนี้จะคิดเช่นไรกับอาณาจักรสวรรค์?
เพราะหลังจากกล่าวสองคำนั้นแล้วเขาก็ไม่สนใจชายชราเหล่านี้อีก นัยน์ตาที่ยิ้มแย้มของเขาจ้องมองร่างของไป๋หยานนิ่ง น้ำเสียงของเขาไพเราะชัดเจนราวกับน้ำพุในภูเขา ทั้งสะอาด ทั้งสวยงาม
”ไม่มีอะไรอีกแล้วใช่หรือไม่? หากไม่มีข้าก็ต้องขอตัวก่อน หากเจ้าต้องการพบข้าอีก ข้าจะมาหาเจ้า”
ไป๋หยานอ้าปากหวังจะถามเฟิงลี่เฉินว่าจะหาตัวเขาได้อย่างไร ? ทว่าภาพที่นางเห็นก็คือ ร่างนั้นเป็นดังเช่นเงาที่ถูกสายลมพัด เลือนหายไปต่อหน้าต่อตานาง
กระทั่งมีมือข้างหนึ่งโอบรอบกายนางอย่างแรงนางหันกลับมามองตี้คังอย่างงงงวย นางกระพริบตาปริบ ๆ พลางหันไปมองเหล่าสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วน
มีอะไรอีกกระนั้นหรือ?”
ตี้คังหรี่ตาพลางก้มลงกระซิบข้างหูนาง “หยานเอ๋อ ในเมื่อเจ้าให้อภัยข้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะกลับไปยังแดนอสูรพร้อมกับข้าได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานจ้องมองตี้คัง
เขาไม่เห็นบิดาของนางที่กำลังจ้องมองมาหรอกรึกล้าล่วงเกินนางต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ได้อย่างไร ?
”รอให้ข้าพบหลงเอ๋อก่อนข้าต้องพานางกลับไปด้วย”
ตอนนี้สำหรับนางแล้วการตามหาหลงเอ๋อเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เด็กหญิงตัวน้อยที่แสนขี้อายมาแต่เกิดและเพิ่งจะออกมาสู่โลกภายนอก นางอาจจะถูกหลอก อาจตกอยู่ในอันตราย
เช่นนั้นนางจึงเป็นห่วงเด็กน้อยเหลือเกิน
”งั้นข้าจะอยู่ที่นี่กับเจ้า”
ประโยคที่ว่าข้าจะอยู่ที่นี่กับเจ้าชายผู้นั้นเอ่ยกล่าวบอกนางขณะที่นัยน์ตาเรียวคมจับจ้องมองนางด้วยความรักสุดซึ้ง
ทำเอาไป๋หยานที่เห็นสายตาเช่นนั้นของตี้คังรู้สึกว่าหัวใจของตนกำลังค่อยๆ จมดิ่งลง กระทั่งถึงจุดที่นางไม่สามารถหลบตาเขา ไม่อาจหลุดพ้นจากแววตานั้นได้
”แค่กๆ !” ครั้นเห็นว่าตี้คังกำลังลืมตัว เหวินหยุนเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมไอออกมาสองครั้ง แววตาของเขาเปล่งแสงราวกับพยายามเตือนว่า “หนุ่มน้อย ข้ายังไม่ยินยอมให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับเจ้า ก่อนที่ข้าจะเห็นด้วย เจ้าห้ามแตะเนื้อต้องตัวนาง !”
***จบบทไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (4)***
บทที่ 765 : ไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (5)
”ทว่าเรามีลูกด้วยกันแล้ว… ”
ถ้อยคำที่เรียบง่ายหากแต่กลับทำให้เหวินหยุนเฟิงผู้ซึ่งกำลังวางท่า ถึงกับอ่อนลงทันที เขาจะทำอะไรได้ ? เด็กหนุ่มผู้นี้มีลูกชายกับบุตรสาวของเขาแล้ว พวกเขาเคยนอนด้วยกันแล้ว สายเกินไปสำหรับเขาที่จะมาพูดอะไรในตอนนี้ ?
เหวินหยุนเฟิงอกหักภรรยาก็ยังหาตัวไม่พบ บุตรสาวของเขาก็ยังจะกลายเป็นของผู้อื่นไปเสียอีก
”หนุ่มน้อยข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ที่เทพธิดากล่าวมาหมายความเช่นไร ? ที่นางบอกว่าเจ้าเป็นราชาอสูรน่ะ” เหวินหยุนเฟิงขมวดคิ้ว
เมื่อครู่เป็นเพราะได้ยินข่าวของไป๋หนิงทำให้เขาตื่นเต้นมากเกินไป เขารอที่จะถามประโยคนี้อยู่นาน กระทั่งตอนนี้เมื่ออารมณ์ของเขามั่นคงขึ้น เขาจึงสามารถเอ่ยถามออกมาได้
”ท่านตา”
แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินเปล่งประกายพลันร่างเล็ก ๆ ของเขาก็ถลาเข้าไปในอ้อมแขนของเหวินหยุนเฟิง เขาเงยหน้าเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ขึ้นมองตาเหวินหยุนเฟิงด้วยนัยน์ตากลมโต ชุ่มฉ่ำ
ไม่ว่าผู้ใดหากได้เห็นเด็กน้อยไร้เดียงสานุ่มนวลและอ่อนหวาน หัวใจของพวกเขาเป็นต้องอ่อนยวบ ผู้ใดจะยอมให้เด็กน้อยต้องหลั่งน้ำตากันเล่า ?
“ท่านตาท่านไม่ชอบเฉินเอ๋อ เพราะเฉินเอ๋อเป็นจิ้งจอกงั้นหรือ?”
หัวใจของเหวินหยุนเฟิงหลงใหลเอ็นดูเด็กน้อยยิ่งนักนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน “ไม่แน่นอน เฉินเอ๋อน่ารักและอ่อนโยนถึงเพียงนี้ ตาจะไม่ชอบเจ้าได้ยังไง?”
“แต่หากไม่มีป๊ะป๋าท่านตาก็จะไม่มีหลานดี ๆ ที่เชื่อฟังอย่างเช่นเฉินเอ๋อ แล้วที่ท่านตาไม่ยอมรับป๊ะป๋า ก็เพราะป๊ะป๋าเป็นจิ้งจอกใช่หรือไม่ ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นแอบยกนิ้วให้ไป๋เสี่ยวเฉินอย่างลับๆ
เขาคู่ควรแล้วสมกับที่เป็นโอรสของพี่ชายนางแม้ในช่วงเวลาวิกฤต ก็ยังเชื่อมือเขาได้
มุมปากของเหวินหยุนเฟิงอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองครั้งเขาอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้ไม่ชอบเฉินเอ๋อ เพราะอย่างไรเสียเฉินเอ๋อก็เป็นบุตรชายของลูกสาวเขา หากแต่จะให้เขาไม่รังเกียจชายผู้นั้นได้อย่างไรกัน ?
ทว่า…
เมื่อเห็นนัยน์ตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของไป๋เสี่ยวเฉินช่างน่าสงสารจริง จิตใจของเขาพลันอ่อนยวบลงอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาพลันอ่อนโยนลง “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ? ตาจะขับไล่บิดาของเจ้าได้อย่างไรกัน ?”
”งั้นท่านตาก็ยอมให้ป๊ะป๋ากับหม่ามี้มีน้องสาวให้เฉินเอ๋อแล้วใช่มั้ย?” ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวดั่งดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว เปล่งประกายระยิบระยับ “ท่านตา เฉินเอ๋ออยากมีน้องสาวตัวน้อยมาตลอดเลย ทุกครั้งที่เห็นหวังเสี่ยวผางมีน้องสาว เฉินเอ๋อเป็นต้องอิจฉาเขาจริง ๆ”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันส่อแววอิจฉา นั่นยิ่งสะเทือนใจเหวินหยุนเฟิง
ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ! เขาทั้งฉลาด เปี่ยมด้วยไหวพริบ เขาแค่ต้องการมีน้องสาวสักคน เหตุใดข้าจะตามใจเขาไม่ได้เล่า
”มานี่ไปจัดห้องให้คุณหนูกับเขยของข้าเดี๋ยวนี้เลย ! จัดห้องคู่นะ ! เข้าใจหรือไม่ !”
ครั้นออกคำสั่งอย่างเย็นชาแล้วเหวินหยุนเฟิงก็หันไปหาไป๋หยานซึ่งยืนเซ่ออยู่ พลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “หยานเอ๋อ ข้าส่งยอดฝีมือของตำหนักเซียนพยับหมอกไปหาสิ่งที่เจ้าต้องการมาแล้ว รวมถึงช่วยตามหาคนให้เจ้าด้วย ในไม่ช้าน่าที่จะมีข่าวคราว วันนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปไหนแล้วทั้งข้าจะไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนเจ้าด้วย เจ้าควรอยู่แต่ในห้องเพื่อมีน้องสาวให้เฉินเอ๋อ”
ไป๋หยานตกตะลึงโดยสิ้นเชิงเพียงเพราะคำกล่าวของบุตรชาย ทำให้บิดาของนางขายนางเรียบร้อยแล้ว ?
ตี้คังยิ้มพลางจูบหน้าผากของไป๋หยาน”ท่านพ่อตาของข้ากล่าวถึงเพียงนี้แล้ว เราจะมัวนิ่งเฉยอยู่ได้เยี่ยงไร ? เอ่อ…เหตุใดเราไม่เริ่มไปสร้างน้องสาวของเฉินเอ๋อกันตอนนี้เลยล่ะ”
”ตี้คัง!”
ไป๋หยานโกรธจนแทบคลั่งพลันเสียงของบิดาที่ไว้ใจไม่ได้ของนางก็ดังตามมา
”ดีแล้วยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทันทีที่คนของข้าจัดห้องเสร็จ เจ้าก็ไปพักผ่อนได้เลย”
ไป๋หยานตาโตบิดาของนางไม่ได้ต้องการให้นางอยู่กับเขาก่อนสักสองสามปีหรอกหรือ เหตุใดเขาจึงปล่อยให้คนอื่นพาตัวนางไปเสียเล่า ?
***จบบทไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (5)***