ตอนที่ 8 เงินเป็นสิ่งที่อดใจไม่ให้ใช้ไม่ได้จริง ๆ
จี้จือฮวนปิดขวดเกลือด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย จากนั้นก็เดินออกจากร้านไปทันที อาอินรีบตามไปติด ๆ ตอนนี้สตรีผู้นี้หาเงินเองได้แล้ว นางต้องคอยจับตามองไว้ไม่ให้นางใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย
ฮวาเซียงเซียงเอาแต่มองจี้จือฮวนที่เดินจากไป แม้ว่าจางต้าเปียวจะพูดกับนาง นางไม่ได้สนใจฟังเขาเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ารอข้าก่อน เอาสัตว์ป่าเก็บไว้ให้ข้าด้วย ประเดี๋ยวข้ากลับมา” หลังจากใคร่ครวญดีแล้ว ฮวาเซียงเซียงก็ยกกระโปรงขึ้นและรีบตามจี้จือฮวนออกไปทันที
จี้จือฮวนยังไม่ได้ไปไหนไกล นางกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาเกลือไปขายที่ภัตตาคารหรือหอสุราดี ส่วนร้านค้าแผงลอยทั่วไปนั้นนางไม่คิดที่จะเอาไปขายอยู่แล้ว
แต่ที่ตำบลแห่งนี้มีร้านอาหารที่ค่อนข้างใหญ่เพียงสองแห่งเท่านั้น แห่งหนึ่งเป็นสาขาของร้านอาหารที่เก่าแก่ ได้ยินมาว่าเป็นหอสุราขนาดใหญ่ของเมืองหลวงอย่างจุ้ยเซียนจวี่ และคนในตำบลนี้ก็มักจะเอ่ยถึงร้านแห่งนี้ก่อนเสมอ
ส่วนอีกร้านเพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อสามเดือนก่อน แต่กิจการไม่ค่อยดีนัก มีชื่อว่าเค่ออวิ๋นไหล ทั้งสองร้านตั้งอยู่บนถนนใหญ่เส้นหนึ่ง ร้านหนึ่งตั้งอยู่หัวถนน ส่วนอีกร้านตั้งอยู่ท้ายถนน
“ตอนนี้พวกเราจะไปที่ใดหรือ?” อาอินไม่รู้แผนการในใจของจี้จือฮวนจึงเงยหน้าขึ้นถาม
ขณะที่จี้จือฮวนกำลังจะตอบอาอินนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ทางด้านหลัง นางจึงหันกลับไปมองเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง ฮวาเซียงเซียงรีบชักมือกลับมาด้วยความเก้อเขิน ก่อนจะหยิบหน้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดหน้าแล้วเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “แม่นางน้อยช่างเดินเร็วจริง ๆ ข้าเกือบจะตามไม่ทันเสียแล้ว”
“มีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ?” จี้จือฮวนถาม
ฮวาเซียงเซียงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้จี้จือฮวนและเอ่ยเสียงเบาออกมา “ของสีขาวที่อยู่ในตะกร้าของเจ้านั่นคือเกลือใช่หรือไม่?”
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น พลางคิดใจใน นับว่าเป็นคนตาถึงอยู่เหมือนกันนี่
จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบกลับไปว่า “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?”
ฮวาเซียงเซียงปรบมือขึ้นมาด้วยท่าทางมั่นใจ “ขายให้ข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
“ข้าเอาไว้กินเองในบ้าน ไม่ขาย” จี้จือฮวนไม่ได้ตอบตกลงในทันที นางจงใจเล่นตัวเล็กน้อยโดยเตรียมหมุนกายจะจากไป หากเป็นคนที่ต้องการจะซื้อจริง ๆ ต้องรั้งนางเอาไว้เป็นแน่
แล้วก็จริงดังคาด ฮวาเซียงเซียงรีบโอบไหล่ของจี้จือฮวนเอาไว้ “โอ้ น้องสาว เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้อนเช่นนี้เล่า ข้าขอแนะนำตัวสักหน่อย ข้าคือเถ้าแก่เนี้ยของเค่ออวิ๋นไหลที่อยู่ข้างหน้านั้่น ใคร ๆ ต่างก็เรียกข้าว่าเถ้าแก่เนี้ยฮวา”
ฮวาเซียงเซียงเอ่ยพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาพัดให้จี้จือฮวนอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับนำทางไปที่ร้านของนาง
อาอินดึงจี้จือฮวนเอาไว้ โน้มตัวเข้าไปใกล้นางพลางจ้องฮวาเซียงเซียงตาเขม็ง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านยังไม่รู้เลยว่านางเป็นคนเช่นไร จะตามนางไปทำไมกัน?”
“ไม่เป็นไร เช่นนั้นเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก็ได้” เป้าหมายของจี้จือฮวนก็คือการขายเกลือ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะทำอะไรนางได้
ให้นางรออยู่ที่นี่? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เกิดนางหนีไปเล่า อาอินคิดได้ดังนั้นก็ทำได้เพียงแค่เม้มปากและเดินตามไป
หลังจากพูดคุยกับฮวาเซียงเซียงมาตลอดทางในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย ที่แท้ก็คือร้านเค่ออวิ๋นไหลที่กิจการไม่ค่อยดีเท่าไรนักร้านนั้น
“ตำบลนี้ค่อนข้างเล็ก เจ้าลองไปถามใครดูก็ได้ ทุกคนต่างก็รู้จักข้าฮวาเซียงเซียง ทำกิจการเรื่องอาหารก็ต้องใส่ใจกับรสชาติ” นางเอ่ยถึงตรงนี้ก็พูดเสียงเบาลง
“อย่างขวดในตะกร้าของน้องสาว ขาวใสกว่าในร้านของข้าเสียอีก หากเจ้ายอมขายให้ข้า ข้าจะให้ราคาเท่านี้เป็นเช่นไร?”
จี้จือฮวนเห็นนางชูสามนิ้วก็ลอบคิดคำนวณในใจ นับว่านางเป็นคนตาถึงจริง ๆ
เกลือของทางการนั้นมีราคาขวดละยี่สิบเหวิน แต่ถ้านำไปซื้อข้าวสาร จะสามารถซื้อได้ถึงสี่ถังหรือก็คือยี่สิบห้าชั่ง เท่ากับว่าฮวาเซียงเซียงให้เพิ่มขวดละสิบเหวิน
แต่ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีแก่ใจว่าเกลือของทางการนั้น ระหว่างการขนส่งทั้งผ่านการตากแดดตากลมและมีปัญหาในการเก็บรักษา และเนื่องจากการผลิตครั้งละจำนวนมากทำให้คุณภาพไม่คงที่ แค่ขนาดของเม็ดเกลือก็ไม่สามารถเทียบกับของนางได้แล้ว
ที่นางทำเป็นเกลือละเอียดที่ในยุคปัจจุบันนิยมใช้กัน รสชาติย่อมดีกว่าเกลือของทางการอย่างน้อยหลายสิบเท่า ยิ่งไปกว่านั้นนางยังใช้น้ำเกลืออิ่มตัวทำให้เกลือบริสุทธิ์อย่างที่หาได้ยากในยุคนี้อีกด้วย
ลองจินตนาการดูว่าอาหารจานหนึ่งที่มีสีสันและกลิ่นหอม ทว่าเพียงแค่ชิมไปคำแรกก็ราวกับกินเกลือไปหนึ่งก้อน ความรู้สึกนั้นไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ได้
จี้จือฮวนเอ่ยคล้ายจะยิ้ม “เถ้าแก่เนี้ย ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก นี่มันเกลือส่วนตัว…”
“จิ๊ จิ๊ น้องสาว เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน ข้าก็แค่อยากจะได้เกลือที่บ้านของพวกเจ้ามาลองชิมดู คนนอกจะรู้ได้อย่างไรกันเล่า?” แววตาของฮวาเซียงเซียงเผยประกายความเจ้าเล่ห์ออกมา
ดูท่าเป็นคนฉลาดไม่เบา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้จี้จือฮวนก็สามารถทำการค้ากับนางได้
ขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้นก็เดินมาถึงหน้าประตูร้านเค่ออวิ๋นไหลพอดี เวลานี้ไม่ใช่เวลากินข้าว เสี่ยวเอ้อในร้านจึงกำลังเช็ดโต๊ะอย่างหงอยเหงา ทันทีที่เห็นฮวาเซียงเซียงก็รีบเข้ามารินน้ำชาให้อย่างเร็วรี่
จี้จือฮวนมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าทำเลของร้านนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ร้านตั้งอยู่บริเวณสามแยก ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็มองเห็นได้ทันที แต่จะสามารถทำการค้าไปนาน ๆ ได้หรือไม่ก็ยังพูดยาก
จี้จือฮวนหยิบขวดเกลือออกมา “หากเจ้าต้องการจะซื้อจริง ๆ ก็ได้ แค่ให้ราคาด้วยความจริงใจก็พอ และข้าก็ไม่กลัวหากสินค้าจะถูกเอาไปเปรียบเทียบ”
ฮวาเซียงเซียงแตะเกลือในขวดเล็กน้อยแล้วเอาเข้าปากเพื่อชิม ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกายวิบวับ และรู้ว่าราคาที่ตัวเองเสนอไปนั้นยังน้อยเกินไปจริง ๆ
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรบมือหนึ่งที “น้องสาว พวกเราทำการค้าด้วยความจริงใจกันเถอะ เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าจะให้เจ้าสองตำลึงเงินเพื่อซื้อขวดเล็ก ๆ นี่ วันหน้าถ้าเจ้ามีอีกก็สามารถเอาส่งมาได้เลย เป็นอย่างไร?”
“ตกลง”
จากนั้นฮวาเซียงเซียงก็เดินมาส่งจี้จือฮวนด้วยตัวเอง “น้องสาว เราตกลงกันแล้วนะ ข้าจะรอเจ้า”
“ในเมื่อข้ารับปากแล้ว ข้าย่อมรักษาสัญญา” จี้จือฮวนเอ่ยจบก็ชำเลืองไปเห็นรถเข็นไม้คันเล็ก ๆ ที่ถูกทิ้งร้างไว้ตรงทางเข้าตรอก ทั้งยังมีหม้อเหล็กสองใบและเตาวางอยู่ข้าง ๆ กันอีกด้วย
เมื่อเห็นจี้จือฮวนสนใจของเหล่านั้น ฮวาเซียงเซียงก็ปัดมือไปมา “เดิมทีข้านำมาใช้ทำอาหารเช้าขายที่หน้าประตู แต่การค้าไม่ค่อยดีนักก็เลยไม่ได้ใช้แล้ว”
“ไม่ใช้แล้ว? เช่นนั้นยกให้ข้าได้หรือไม่ หรือจะขายให้ข้าก็ได้?” จี้จือฮวนเสนอ หากมีรถเข็นคันนี้นางก็จะสามารถมาขายอาหารเช้าในตำบลเพื่อหาเงินได้แล้ว!
ฮวาเซียงเซียงปิดปากหัวเราะ “โธ่เอ๊ย ระหว่างเจ้ากับข้ายังจะต้องมาเกรงใจอะไรกันอีกเล่า เอาไปเถอะ อย่างไรเสียหากเจ้าไม่เอาข้าก็ต้องเอาไปทิ้งอยู่ดี”
เถ้าแก่เนี้ยฮวาผู้นี้ถ่อมตัวมากทีเดียว เพราะหม้อเหล็กนั่นยังสามารถนำไปขายเป็นเงินได้อยู่เลย
“ขอบคุณมาก”
จี้จือฮวนวางตะกร้าลงในรถเข็นไม้ จากนั้นก็เข็นมันออกไป อาอินรีบเข้ามาช่วยทันที ขณะเดียวกันสมองน้อย ๆ ของนางยังคงคิดตามไม่ทัน
แค่เกลือขวดเล็ก ๆ นั่นสามารถขายได้สองตำลึงเงินเลยอย่างนั้นหรือ?
อีกทั้งเถ้าแก่เนี้ยยังยกรถไม้ให้อีกหนึ่งคัน ของนั่นมีค่ามากขนาดนี้เชียวหรือ?
หรือว่าเมื่อคืนที่สตรีผู้นี้ขลุกอยู่ในครัวก็เพราะทำสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ?
การเข้ามาที่ตำบลวันนี้ทำให้จี้จือฮวนก็มีเงินสองตำลึงกว่าแล้ว ดังนั้นนางจึงตรงไปที่ร้านขายข้าว เพื่อซื้อข้าวสารและแป้ง จากนั้นก็ไปที่ร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องครัวและภาชนะที่จะใช้ในบ้าน
เงินที่เหลือจี้จือฮวนเก็บไว้ที่กระเป๋าด้านในของเสื้ออย่างระมัดระวัง
เพราะเงินเป็นสิ่งที่อดใจไม่ให้ใช้ไม่ได้จริง ๆ
นางเป็นคนที่ชอบความสบาย จะให้นางมากังวลเรื่องกินอยู่ทุกวัน ชีวิตแบบนี้นางทนไม่ไหวหรอก การขจัดความยากจนออกไปโดยเร็วที่สุดก็คือเป้าหมายของนางในตอนนี้!
อาอินที่อยู่ข้าง ๆ มองดูแม่เลี้ยงของตนอย่างไม่วางตา ในใจก็ยิ่งรู้สึกสับสน
สตรีผู้นี้พานางมาขายของจริง ๆ หรือ? ไม่ได้คิดจะหนีหรือ?
“เถ้าแก่ เอาขนมกุ้ยฮวา”
จี้จือฮวนยัดขนมกุ้ยฮวาร้อน ๆ ลงในตะกร้า เช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางกล่าว “ไปกันเถอะ”
เดิมทีอาอินคิดที่จะเตือนนางว่าเพิ่งมีเงินก็อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่เมื่อคิดได้ว่าเงินเหล่านี้นางเป็นคนหามา คำพูดเหล่านั้นจึงติดอยู่ในลำคอ ไม่มีหน้าจะพูดออกไปแม้แต่คำเดียว
ขณะที่ทั้งสองคนเดินกลับจากตำบล ก็บังเอิญมีคนออกมาจากบ่อนการพนันพอดี คนผู้นั้นเหลือบเห็นแผ่นหลังของจี้จือฮวนก็หรี่ตาลงและเดินตามไปเงียบ ๆ…