ตอนที่ 10 ขึ้นเขาไปเก็บเด็ก
จี้จือฮวนจัดโต๊ะไม้ในลานบ้าน ทั้งสามคนจึงนั่งกินข้าวกันที่ด้านนอก
อาชิงหิวจนทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว เมื่อจี้จือฮวนวางชามบะหมี่ลง ใบหน้าเล็ก ๆ ก็แทบจะมุดลงไป มือก็คว้าตะเกียบโกยเส้นบะหมี่เข้าปากทันที
น้ำแกงเข้มข้นหอมกรุ่นบวกกับเนื้อที่ละลายในปาก ทั้งยังมีเส้นบะหมี่ที่นุ่มแต่ไม่เหนียวติดคอ ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย ที่มาพร้อมกับซี่โครงย่างที่มีกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วปาก แม้แต่อาอินก็ยังเอาแต่กินจนลืมระวังจี้จือฮวนไปชั่วขณะ
ตายก็ตายเถอะ ของอร่อยแบบนี้ ถึงตายก็คุ้มแล้ว!
จี้จือฮวนมองดูพวกเขากินอย่างตะกละตะกลามแล้วก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
“กินช้า ๆ หน่อย” หลังจากเอ่ยจบนางก็ยกน้ำแกงกระดูกเข้าไปในห้อง
เดิมทีอาอินอยากที่จะตามเข้าไป แต่อาชิงกลับเอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหวว่า “โอ๊ย พี่หญิง ท่านเลิกกังวลได้แล้ว ถ้าท่านแม่คิดจะทำร้ายท่านพ่อเหตุใดจะต้องทำอาหารให้พวกเรากินด้วย ท่านก็รู้ว่านางสู้เก่งขนาดไหน”
อาอินคิดจะเถียงเขา แต่กลับหาเหตุผลดี ๆ ที่จะโต้แย้งไม่ได้เลย
ที่อาชิงพูดมาก็ถูก หากจี้จือฮวนอยากทำร้ายพวกนางจริง ๆ ไม่เห็นจะต้องทำเรื่องที่ไม่จำเป็นมากมายเหล่านี้เลย
หลังจากที่จี้จือฮวนป้อนน้ำแกงกระดูกหมูให้เผยยวนแล้ว นางก็หยิบกล่องยาขนาดเล็กออกมาจากช่องว่างมิติ แต่ครานี้มียาขวดหนึ่งเพิ่มขึ้นมาในกล่องยาด้วย
“หลิงเฉวียน?!”
ก่อนจะทะลุมิติมาที่นี่ ทุกครั้งที่นางได้รับบาดเจ็บระหว่างทำภารกิจ ข้างกายของนางก็มักจะมียานี้ปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง คาดไม่ถึงว่าเมื่อมายังที่แห่งนี้มันก็ยังตามมาด้วย?
เช่นนั้นเหตุใดก่อนหน้านี้ในกล่องยาถึงไม่มีเล่า หรือว่าจะยังไม่ถึงเวลา?
จี้จือฮวนเลือกที่จะป้อนยาหลิงเฉวียนนี้ให้กับเผยยวน จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเขาออกเพื่อใส่ยาที่แผลให้เขาใหม่
แม้ในโลกก่อน จี้จือฮวนจะเคยเห็นนายแบบระดับโลกมานักต่อนัก เห็นหนุ่มหล่อจากประเทศต่าง ๆ มาจนหมดแล้ว ทว่ารูปร่างของเผยยวนนั้นก็ยังถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ดังนั้นจี้จือฮวนจึงอาศัยโอกาสนี้ลูบไล้เขาไปทีสองที
รอจนจี้จือฮวนกลับออกมาอีกครั้ง อาอินก็นำจานชามไปล้างเรียบร้อยแล้ว เมื่อจี้จือฮวนเข้าไปในห้องครัวก็พบว่ามีน้ำร้อนหนึ่งอ่างเล็กวางอยู่ อาอินรู้สึกทั้งอึดอัดและเขินอายจนไม่ยอมมองหน้านาง
“ขอบใจ” จี้จือฮวนเอ่ยออกมา ก่อนจะยกอ่างน้ำร้อนนั้นกลับไปที่ห้อง ร่างกายนี้อ่อนแอมาก เวลานี้นางรู้สึกง่วงและต้องการที่จะพักผ่อนเต็มทีแล้ว
อาอินได้แต่บ่นพึมพำ “ขอบใจอะไรกัน ข้าก็แค่ตอบแทนบุญคุณท่านก็เท่านั้น”
เนื่องจากได้กินอาหารจนอิ่มท้อง ทุกคนจึงหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ อาชิงนอนเอาแขนขาชี้ไปคนละทาง ส่วนอาอินกำลังนั่งมองดวงจันทร์นอกหน้าต่าง และรู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้ราวกับฝันจริง ๆ ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว หรือต้องไปหาข้าวกินอีก
…
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่อากาศสดใสเป็นอย่างมาก จี้จือฮวนล้างหน้าล้างตาเสร็จก็หยิบตะกร้าเปล่า ๆ ออกมา เตรียมที่จะขึ้นไปบนภูเขา
เมื่อวานตอนเย็น ตอนที่นางไปเดินเล่นบังเอิญพบของดีอยู่ไม่น้อย นางต้องไปเก็บมาสักหน่อย เพื่อเตรียมเอาไปขายในอีกสองวัน
อาชิงกำลังยืนอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ช่วยอาอินทำความสะอาดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงกุกกักก็วิ่งออกไปทันที “ท่านแม่ จะไปที่ใดหรือขอรับ”
“ไปเก็บของป่า รอข้ากลับมาแล้วจะทำกับข้าวให้กิน”
อาอินที่อยู่ในครัวก็ได้ยินเสียงเช่นกัน ทว่าอาชิงกลับหิ้วตะกร้าใบเล็กวิ่งออกไปก่อนแล้ว
จี้จือฮวนเดินไปได้สองก้าวก็พบว่าด้านหลังมีเจ้าตัวเล็กตามมาด้วย เมื่อหันกลับไปมองก็สบเข้ากับดวงตากลมโตของอาชิงก็กำลังจ้องมองนางอยู่ก่อนแล้ว อาชิงเอ่ยถามจี้จือฮวนด้วยท่าทางเขินอาย “ท่านแม่ ข้าไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ขอรับ?”
ท่านแม่เก่งออกปานนั้น ทั้งจับปลาและหาของป่าก็เป็นด้วย อาชิงอยากเรียนรู้บ้าง!
จี้จือฮวนไม่ได้ปฏิเสธ “ตามมาสิ”
“เยี่ยมไปเลย!” เจ้าตัวเล็กกระโดดหย็องแหย็งตามไปด้วยอย่างมีความสุข
จี้จือฮวนพบว่าตัวร้ายของครอบครัวนี้ มีเพียงอาชิงคนนี้ที่ยังเป็นเจ้าตัวเล็กที่ไร้เดียงสาอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เขาถึงได้กลายเป็นคนที่ฆ่าคนเก่งที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน
เดิมทีอาอินคิดจะเรียกน้องชายเอาไว้ แต่ในบ้านยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ นางจะลองเชื่อใจสตรีผู้นั้นดูสักครั้งก็แล้วกัน
ที่สำคัญก็คือ บ้านหลังนี้สกปรกเกินไปจริง ๆ อาอินเป็นเด็กที่รักความสะอาด และทนกับสภาพเช่นนี้ไม่ได้มาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เมื่อมีเครื่องใช้ที่สะอาดแล้ว นางจึงอยากให้ท่านพ่ออยู่อย่างสบายขึ้น
อย่ามองว่านางอายุยังน้อย ที่จริงแล้วนางเก่งกว่าน้องชายที่ไร้ไหวพริบและโง่เขลานั่นมากทีเดียว
อาอินเดินเข้าไปในห้อง เตรียมที่จะเอาผ้านวมนุ่ม ๆ ออกมาตากแดด แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นใบหน้าของผู้เป็นบิดา
สีหน้าของท่านพ่อดีขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังซีดขาวราวกับคนใกล้ตายอยู่เลย ทว่าตอนนี้กลับดูเหมือนคนที่นอนหลับไปตามปกติเท่านั้น
หรือว่าสตรีผู้นั้นจะรักษาโรคได้จริง ๆ?
…
จี้จือฮวนเริ่มรู้สึกเสียใจที่พาเจ้าเด็กน้อยคนนี้มาด้วยเสียแล้ว เพราะเขาช่างมีคำถามเยอะจริง ๆ!
“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงจับปลาเป็นล่ะขอรับ?”
“เช่นนั้น ปลาเหล่านั้นเชื่อฟังท่านหรือไม่ขอรับ?”
“พวกมันไม่เห็นท่านหรือขอรับ?”
“ท่านแม่ที่ท่านเก็บอยู่เรียกว่าอะไรหรือขอรับ?”
“……” นางอยากจะทำให้เขากลายเป็นใบ้เสียให้รู้แล้วรู้รอด
ขณะที่จี้จือฮวนกำลังเก็บเห็ดและผักป่าอยู่นั้น อาชิงเองก็ทำตามด้วยการคว้าหญ้าขึ้นมาแล้วโยนใส่ตะกร้าบ้าง
ตระกร้าของท่านแม่ใกล้จะเต็มแล้ว ตะกร้าใบเล็กของเขาก็ต้องเต็มด้วยถึงจะถูก
ทว่าจี้จือฮวนกลับโยนหญ้าพิษและเห็ดพิษในตะกร้าของเขาทิ้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย “นั่นกินไม่ได้ ถ้ากินเข้าไปก็จะปวดท้อง”
“โอ้ อาชิงเข้าใจแล้วขอรับ!” เจ้าตัวน้อยเงยหน้าขึ้น พลางเอ่ยรับคำด้วยสีหน้าจริงจัง
ให้ตายเถอะ จี้จือฮวนถูกความน่ารักของเจ้าเด็กคนนี้เล่นงานเข้าแล้ว!
ยิ่งขึ้นไปบนภูเขา อาชิงก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อย แม้เขากับอาอินจะเป็นฝาแฝดกัน แต่ว่าพี่หญิงแรงเยอะกว่า ร่างกายก็แข็งแรงกว่า ส่วนเขาไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น
จี้จือฮวนเห็นใบหน้าของอาชิงแดงก่ำก็ถอนหายใจออกมา “พักสักหน่อยเถอะ”
อาชิงพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขายังกลัวว่าหากบอกว่าเดินไม่ไหว ท่านแม่จะโมโหเสียอีก เพราะเมื่อก่อนเวลาที่เขาทำให้ท่านแม่รำคาญ นางก็มักจะทุบตีเขาอยู่เสมอ
จี้จือฮวนหาต้นไม้สำหรับนั่งพัก เมื่อหาพบก็นั่งลงที่ใต้ต้นไม้นั้น ก่อนจะเห็นว่าบริเวณโคนต้นมีเกาลัดร่วงอยู่ประปราย
“เจ้าหิวหรือยัง อยากกินเกาลัดหรือไม่?”
ดวงตากลมโตของอาชิงกะพริบปริบ ๆ ในฐานะนักกินตัวน้อยเขาย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว!
“หิวขอรับ!”
จี้จือฮวนวางตะกร้าสะพายหลังลง ก่อนจะหากิ่งไม้มาตีเกาลัดที่อยู่บนต้น
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ลูกเกาลัดโตเต็มที่ เพียงครู่เดียวก็สามารถตีลงมาได้ไม่น้อยเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอาชิงมีความสุขมากเพียงใด แม้เขาจะไม่รู้ว่าเจ้าก้อนหนามนี่มีประโยชน์อันใด แถมกระแทกลงมาแต่ละทีก็ยังรู้สึกเจ็บอีกด้วย แต่เขารู้ว่าของสิ่งนี้จะต้องกินได้ และเขาจะต้องได้กินอย่างแน่นอน!
ของที่ท่านแม่ทำอร่อยมาก เขาจะมีของอร่อย ๆ กินอีกแล้ว
จี้จือฮวนใช้จอบเล็ก ๆ ขุดหลุมบนพื้น จากนั้นก็ให้อาชิงไปหยิบก้อนหินขนาดใหญ่มาวางล้อมทำเป็นเตาเล็ก ๆ และใช้ไม้แห้งที่อยู่ข้าง ๆ มาจุดไฟ
แม้อาชิงจะตัวเล็กแต่เขาก็มีความขยันขันแข็ง เขานั่งลงข้าง ๆ จี้จือฮวนอย่างเรียบร้อย มองดูจี้จือฮวนกระเทาะหนามของเกาลัดออกอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็ลองทำตามดูบ้าง มือเล็ก ๆ นั้นผอมแห้งจนแทบจะเหลือแต่กระดูก จี้จือฮวนเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจออกมา พร้อมกันนั้นก็เกิดความรู้สึกที่อยากจะขุนเจ้าตัวเล็กนี่ให้กลายเป็นเด็กอ้วนขึ้นมา
เกาลัดที่เอาหนามออกเรียบร้อยแล้วถูกโยนลงบนเตา จากนั้นจี้จือฮวนก็ลุกขึ้นพลางพูดกำชับ “เจ้าอย่าวิ่งเพ่นพ่านไปไหนล่ะ ข้าจะไปเก็บน้ำผึ้งก่อน”
อาชิงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง แม้เขาจะไม่รู้ว่าที่นี่มีน้ำผึ้งจริงหรือไม่ …แต่ท่านแม่ให้เขารออยู่ที่นี่ เช่นนั้นทางที่ดีก็คืออย่าวิ่งเพ่นพ่าน
ตอนที่จี้จือฮวนมาที่นี่ก่อนหน้านี้ นางจำได้ว่าใกล้ ๆ แถวนี้มีรังผึ้งอยู่ เกาลัดย่างถ้าไม่กินคู่กับน้ำตาลหรือน้ำผึ้งก็จะไม่อร่อย
โชคดีที่ใช้เวลาไม่นานนักนางก็หาเจอ ขณะที่จี้จือฮวนเตรียมที่จะลงมือเก็บรังผึ้ง นางก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเบา ๆ ดังออกมา
จี้จือฮวนแหวกกองหญ้าข้าง ๆ ออก และพบหลุมหลุมหนึ่งเข้า
จี้จือฮวนโผล่หน้าไปดู จากนั้นก็พบว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่ในหลุมนั้น ที่เท้าข้างซ้ายของเขาถูกกับดักล่าสัตว์หนีบเอาไว้และมีเลือดไหลนองอยู่เต็มพื้น
จี้จือฮวนกระโดดลงไปโดยไม่คิดอะไร นางตรวจดูลมหายใจของเขาเป็นอันดับแรก เมื่อพบว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ นางจึงใช้เคียวแงะกับดักล่าสัตว์ และใช้ทักษะอีกเล็กน้อยจนกับดักล่าสัตว์นั้นอ้าออก
อาจเป็นเพราะความเจ็บปวด จึงทำให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมา ใบหน้าที่ซีดขาวลืมตาขึ้น แววตาของเขามีความประหลาดใจและจิตสังหารราวกับหมาป่าพาดผ่านในทันที ทว่าเมื่อเขาเห็นว่าเป็นจี้จือฮวนเขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นและแสดงอาการต่อต้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ท่าน ปล่อยข้านะ!”
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น เมื่อครู่นางไม่ได้ดูให้ละเอียด ตอนนี้เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเด็กคนนี้แม้อายุจะยังน้อย แต่ใบหน้าของเขากลับมีความคล้ายคลึงกับเผยยวนถึงเจ็ดแปดส่วน หรือว่านี่คือลูกชายคนโตของเผยยวน เผยจี้ฉือ?!