ตอนที่ 11 คนน่ารำคาญมาหาถึงบ้าน
“อ่อ” ในเมื่อเขาไม่ต้องการให้ช่วย เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ
จี้จือฮวนผละมือออกทันที เผยจี้ฉือจึงถูกปล่อยกลับลงไปอยู่ที่เดิม แม้ว่าการกระทำนี้ของจี้จือฮวนจะไม่นับว่ารุนแรงอะไร แต่เผยจี้ฉือก็มีเหงื่อซึมออกมาที่หน้าผากเพราะการเคลื่อนไหวนี้
จากนั้นจี้จือฮวนจึงได้ใช้เคียวเกี่ยวไปที่ขอบหลุม ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่ามั่นคงแข็งแรง ก็เตรียมที่จะปีนขึ้นไปข้างบน
เมื่อเผยจี้ฉือเห็นว่าจี้จือฮวนจะไปจริง ๆ แววตาของเขาก็มีประกายความสับสนพาดผ่าน
แน่นอนว่าเขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีก ทว่าหลังจากที่รอมาหลายวันคนที่มาเจอเขาคนแรกกลับเป็นสตรีผู้นี้ เขาไม่เชื่อว่านางจะใจดีเช่นนี้ แต่หากเขาไม่กลับไป …พวกน้อง ๆ จะทำเช่นไรเล่า?
ขณะที่คิดเช่นนั้น จี้จือฮวนก็ปีนขึ้นไปจากหลุมแล้ว
เผยจี้ฉือจ้องมองท้องฟ้าและใบไม้เหนือศีรษะของเขาอย่างนิ่งงัน ก่อนจะหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเคลื่อนไหวอีกครั้งที่ด้านบน เสียงหึ่ง ๆ เหมือนเสียงของฝูงผึ้ง แต่ไม่ทันไรก็จางหายไป เผยจี้ฉือรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาคาดหวังเป็นอย่างมากว่าผู้ที่มาจะเป็นนายพรานแถวนี้ อย่างน้อยแค่สามารถพาเขากลับไปส่งที่บ้านได้ก็พอแล้ว
สุดท้ายตรงปากหลุมก็มีคนผู้หนึ่งยื่นหน้ามาอีกครั้ง ทว่าคนผู้นั้นก็ยังคงเป็นจี้จือฮวนเช่นเคย นางโยนเถาวัลย์เส้นหนึ่งลงมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย พลางกล่าวกับเผยจี้ฉือว่า “พันรอบเอวเอาไว้ เร็วเข้า”
หากมัวชักช้า ประเดี๋ยวน้ำผึ้งจะไหลออกมาจนหมดเสียก่อน จะเสียของไปเปล่า ๆ
เผยจี้ฉือคิดที่จะปฏิเสธ พร้อมกันนั้นความคิดมากมายก็ผุดขึ้นมาในหัว
สตรีผู้นี้จะปล่อยเชือกหลังจากดึงเขาขึ้นไป เพื่อให้เขาตกลงมาตายหรือไม่?
หรือว่าจะพาเขาไปขาย…
“ถ้ายังไม่อยากขึ้นมาอีกก็ช่างเถอะ” จี้จือฮวนไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะอยู่รอเขา
ขณะที่นางกำลังจะดึงเถาวัลย์กลับ ปลายเถาวัลย์อีกด้านหนึ่งก็ถูกดึงเอาไว้ ที่แท้ก็เป็นเผยจี้ฉือที่คว้าปลายอีกด้านเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ เอามาพันรอบเอวตัวเอง จากนั้นก็กระตุกเบา ๆ เป็นสัญญาณให้จี้จือฮวนดึงขึ้นไป
เจ้าตัวเล็กนี่ หยิ่งทะนงมากทีเดียว
แต่จี้จือฮวนไม่คิดที่จะถือสาเด็กที่ยังไม่โตคนหนึ่งหรอก หลังจากดึงเผยจี้ฉือขึ้นมาแล้ว นางก็ยกตัวเขาขึ้นมาและแบกไว้บนหลัง
เผยจี้ฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาอยากจะเอ่ยปากปฏิเสธ ทว่าจี้จือฮวนกลับเอ่ยออกมาอย่างหมดความอดทนเสียก่อนว่า “เร็ว ๆ เข้า สภาพของเจ้าตอนนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถบินกลับไปได้หรืออย่างไร?”
เผยจี้ฉือใจเต้นรัว เกิดอะไรขึ้นกับสตรีผู้นี้กันแน่ เหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปเป็นเหมือนคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเช่นนี้เล่า?
จี้จือฮวนแบกเผยจี้ฉือขึ้นหลังได้อย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะว่าเด็กทั้งสามคนนี้ล้วนผ่ายผอมเป็นอย่างมาก ดังนั้นการที่นางจะแบกเขาไว้บนหลังเช่นนี้ นางจึงไม่ได้รู้สึกหนักหนาอะไรเลย
นางกลัวว่าอาชิงตัวน้อยจะรอนานเกินไป แต่โชคดีที่เขายังคงนั่งรออยู่ที่เดิม แม้แต่มือน้อย ๆ ที่เคยวางอยู่บนหัวเข่าก็ยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ความจริงแล้วอาชิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย เขากลัวว่าจี้จือฮวนจะทิ้งเขาไว้ที่นี่และไม่สนใจใยดีเขาอีก พี่หญิงบอกว่า หากอยู่บนภูเขาตอนกลางคืนคนเดียวจะถูกหมาป่าคาบไปกิน ดังนั้นเมื่อจี้จือฮวนปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของอาชิงก็ทอแสงประกายวาววับขึ้นมาทันที
“กลับมาแล้วหรือขอรับ!” อาชิงลุกขึ้นยืนและวิ่งมาหาจี้จือฮวนทันที แต่เมื่อเห็นคนที่อยู่บนหลังของนาง ปากน้อย ๆ ก็อ้าขึ้นมาอย่างฉับพลันพลางร้องตะโกนเสียงดังลั่น “พี่ใหญ่! เหตุใดท่านถึงอยู่กับท่านแม่ได้เล่าขอรับ?”
เผยจี้ฉือได้แต่คิดในใจ ประโยคนี้ข้าควรถามเจ้ามากกว่า ว่าเหตุใดเจ้าจึงตามสตรีที่ชั่วร้ายผู้นี้ขึ้นมาบนเขาได้ แล้วไอ้ท่าทางลิงโลดนี่มันอะไรกัน?
เผยจี้ฉือใบหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที “ข้าได้รับบาดเจ็บระหว่างทางกลับบ้าน”
จี้จือฮวนวางเขาลงใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ ก่อนจะรีบหยิบรังผึ้งออกมา ปาดน้ำผึ้งบางส่วนแล้วทาลงบนเกาลัดย่าง
เผยจี้ฉือหนังตากระตุกขึ้นมาทันที
สตรีผู้นี้ขึ้นมาบนเขา…เพื่อมาย่างเกาลัดอย่างนั้นหรือ?
ดังนั้นเมื่อครู่นี้นางจึงไปเก็บรังผึ้งก่อน แล้วค่อยมาช่วยเขาอย่างนั้นหรือ?
เผยจี้ฉือแทบจะกระอักเลือดออกมา
แต่สิ่งที่ทำให้เผยจี้ฉือหงุดหงิดยิ่งกว่าก็คือ แม้ว่าอาชิงน้อยผู้โง่เขลานี้จะนั่งอยู่ข้างกายเขา แต่สายตาคู่นั้นกลับจ้องมองตามเกาลัดย่างที่ส่งกลิ่นหอมนั่นอย่างไม่วางตา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ท้องของเผยจี้ฉือก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างไม่รู้เวล่ำเวลา เขากุมท้องเอาไว้ด้วยไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น
ตอนนั้นเองที่มือคู่หนึ่งได้ยื่นเกาลัดย่างที่ส่งกลิ่นหอมมาวางไว้ตรงหน้า ผลเกาลัดเหล่านั้นมีใบไม้รองเอาไว้อย่างดี เนื่องจากด้านนอกถูกทาด้วยน้ำผึ้ง ดังนั้นมันจึงมีกลิ่นที่หอมหวาน เกาลัดทุกลูกมีความมันวาว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไอร้อนฉุย ๆ ที่แผ่ออกมา…
เผยจี้ฉือกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ขณะเดียวกันมือเล็ก ๆ ข้างหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็ยื่นออกไป คว้าเกาลัดขึ้นมาปอกเปลือกด้านนอกออกและเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
สัมผัสนุ่มและความหวานอันเข้มข้นนั้นกระจายไปทั่วปาก กระทบเข้ากับต่อมรับรสอย่างจัง สำหรับเด็กที่ไม่เคยกินขนมมานาน สิ่งนี้ถือว่าอร่อยที่สุดแล้ว
“อร่อยมากเลย พี่ใหญ่ข้าจะปอกให้ท่านกินนะขอรับ” อาชิงปอกเกาลัดให้พี่ใหญ่อย่างมีความสุข เขาอายุห้าขวบแล้ว จึงสามารถช่วยงานบางอย่างได้บ้างแล้ว!
เผยจี้ฉือกำลังจะพูดว่าตัวเองไม่กิน แต่กลับถูกอาชิงยัดเกาลัดเข้าปากมาเสียก่อน
เผยจี้ฉือตกตะลึง “!!!”
รสสัมผัสนี้ ช่าง…ช่างอร่อยยิ่งนัก!
สตรีผู้นี้ทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อใดกัน เขาจำได้ว่าทุกครั้งที่นางทำอาหารให้พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำซาวข้าว ทั้งนางยังบอกอีกว่าพวกเขาสมควรกินแต่อาหารหมู อาหารสุนัข แต่ตอนนี้กลับมาย่างเกาลัดให้พวกเขากิน?
อีกทั้งเหตุใดอาชิงจึงได้ทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าระหว่างที่เขาออกไปจากบ้าน จะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ขึ้นอย่างนั้นหรือ?
จี้จือฮวนกินเสร็จแล้ว บวกกับเผยจี้ฉือได้รับบาดเจ็บ นางจึงไม่คิดที่จะอยู่เก็บของป่าต่ออีก รีบกลับบ้านไปดูขาของเขาสำคัญกว่า
อาชิงห่อเกาลัดที่เหลือเอาไว้ในใบไม้และใส่ลงไปในตะกร้าใบเล็กของเขา
เขาต้องเอาของอร่อย ๆ นี้กลับไปให้พี่หญิงกินด้วย
จี้จือฮวนแบกเผยจี้ฉือขึ้นหลังด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ โดยมีอาชิงช่วยถือตะกร้าสะพายหลังให้อย่างยากลำบาก และเดินตามหลังมาอย่างโงนเงน
“พี่ใหญ่ ขาของท่านเจ็บหรือไม่ขอรับ?”
เผยจี้ฉือเม้มริมฝีปาก “ไม่มากเท่าไร”
จี้จือฮวนปรายตามอง แทบจะเห็นกระดูกอยู่แล้วยังจะบอกว่าไม่เท่าไรอีก ช่างปากแข็งจริง ๆ
“โชคดีที่พวกเราขึ้นภูเขามา ไม่อย่างนั้นท่านต้องถูกหมาป่าคาบไปกินเป็นแน่” อาชิงพึมพำออกมา และตอนที่ใกล้จะถึงบ้านก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังแว่วมา
จี้จือฮวนคิดในใจว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน นางจึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ทันทีที่โผล่พ้นออกมาจากชายป่าด้านหลัง ก็เห็นคนมากมายอยู่ที่ลานบ้านของตัวเอง
คนที่เป็นผู้นำก็คือจางชุ่ยเฟิง และในจำนวนเหล่านั้นยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนอีกด้วย แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาดูเรื่องสนุกกัน ทั้งหมดต่างยืนอยู่นอกรั้ว ส่วนอาอินก็ยืนอยู่ในลานบ้าน ทำตัวราวกับแม่ไก่น้อยที่กำลังพองขนออกมา เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมถอย
“นางเด็กบ้า เจ้าหลีกไปซะได้ยินหรือไม่ ไม่อย่างนั้นข้าจะจัดการเจ้าด้วย” จางชุ่ยเฟิงพับแขนเสื้อขึ้น
อาอินพูดขึ้นอย่างเดือดดาล “พวกเจ้าจะมาปล้นกันชัด ๆ รังแกตอนที่บ้านข้าไม่มีคนอยู่ คิดจะมาฉกฉวยข้าวของกัน ฝันไปเถอะ!”
นี่เป็นของที่สตรีชั่วร้ายผู้นั้นได้มาจากในตำบล และเมื่อคนพวกนี้เห็นว่าพวกนางมีข้าวสารจึงคิดจะมาแย่งไป มันใช่เรื่องที่ไหนกัน!
จางชุ่ยเฟิงถ่มน้ำลายใส่ “สิทธิ์อะไร? ก็สิทธิ์ที่แม่ของเจ้าตีพี่ชายข้า จะไม่จ่ายค่าหมอค่ายาให้หรืออย่างไร วันนี้ถ้าไม่เอาเงินมา ข้าจะไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน!”
นางได้ยินฉีเทียนชางบอกว่า ตอนนี้จี้จือฮวนมีเงินแล้ว ตอนแรกนางยังไม่เชื่อ แต่สุดท้ายเมื่อมาถึง นางก็เห็นทั้งรถเข็น ข้าวสาร และขนมกุ้ยฮวา!
นางสู้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนางจะไปฟ้องหัวหน้าหมู่บ้านเอา หากพวกเขาไม่ให้เงินก็ไล่พวกเขาออกไป!
“นางเด็กบ้า หลีกไปเดี๋ยวนี้!” จางชุ่ยเฟิงกำลังจะเข้าไปผลักอาอิน
ความจริงแล้วก็มีชาวบ้านหลายคนทนมองไม่ได้แล้วเช่นกัน แต่เพราะครอบครัวของจางชุ่ยเฟิงนั้นเป็นอันธพลาล ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าอย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้านจนเป็นการหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า
ขณะที่จางชุ่ยเฟิงใกล้จะถึงตัวของอาอิน จู่ ๆ เคียวด้ามหนึ่งก็ลอยมาปักลงที่ข้างเท้าของจางชุ่ยเฟิงพอดิบพอดี ทำให้จางชุ่ยเฟิงตกใจจนร้องเสียงหลงและกระโดดไปอีกฝั่งทันที