ตอนที่ 18 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
อาอินก็ไม่เกรงใจนางอีก รับมากัดเข้าไปหนึ่งคำ
มีคนอดไม่ได้จึงถามขึ้นมา “อร่อยหรือไม่?”
อาอินพยักหน้าหงึก ๆ “อร่อย!”
ในเมื่ออร่อยและการลองชิมก็ยังไม่ได้เก็บเงิน คนที่ยืนอยู่หน้าสุดจึงหยิบชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาลองชิมดู
“อืม อร่อยจริงด้วย ไข่ไก่ข้างนอกหอมมาก ส่วนข้างในก็กรอบ!”
“เครื่องปรุงนี่คืออะไรกัน ช่างหอมยิ่งนัก ข้าไม่เคยกินเจียนปิ่งที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย”
ทุกคนต่างก็บอกว่าอร่อย เพียงพริบตาเจียนปิ่งที่หั่นให้ลองกินในจานก็หมดเกลี้ยง จี้จือฮวนหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้คนได้ชิมรสชาติ แต่ไม่ถึงกับให้พวกเขากินจนอิ่ม
คนที่กินแล้วยังอยากกินอีกก็ต้องซื้อ คนที่ยังไม่ได้ลองก็ยิ่งอยากจะซื้อกินเข้าไปอีก
นั่นใส่ไข่ทั้งใบเชียวนะ และยังมีแป้งและเครื่องปรุงที่เต็มไปด้วยส่วนผสมมากมาย อีกทั้งยังโรยด้วยงาดำและต้นหอมลงไปด้วย บะหมี่เนื้อสับตรงทางเข้าตรอกนั่น แม้แต่เนื้อสับก็ยังหาไม่เจอ บะหมี่ธรรมดาก็ยิ่งจืดชืดไร้ชาติเข้าไปใหญ่ แต่นี่แตกต่างกันมาก แค่ดูก็น่าอร่อยแล้ว
“เอามาอันหนึ่ง!”
“ข้าเอาด้วย ข้าขอไข่สองใบ!”
จี้จือฮวนเทแป้งลงไป จากนั้นก็เริ่มทำงาน และกิจการร้านค้าก้เริ่มไปได้สวยทันตาเห็น และเพราะตำบลแห่งนี้มีขนาดเล็ก มีเรื่องอะไรเพียงพริบตาก็แพร่ไปทั่วแล้ว
“เร็วเข้า ๆ ตลาดผักไช่ซือมีร้านเจียนปิ่งร้านหนึ่ง เจียนปิ่งของร้านนั้นอร่อยมาก”
“เจียนปิ่งจะอร่อยได้สักเท่าไรกัน แห้งจะตายไป”
“ไม่แห้ง คนที่ได้กินต่างบอกว่าอร่อยกันทั้งนั้น เจียนปิ่งทุกชิ้นล้วนใส่ไข่ลงไปทั้งฟอง กลิ่นหอมน่าดูเชียวล่ะ!”
เดิมอาอินยังคิดว่าวันนี้นางจะมาเพื่อขายของป่า สุดท้ายเมื่อมีเจียนปิงกั่วจือของจี้จือฮวน ใครยังจะสนใจของป่าอีกเล่า นางจึงไม่สนใจแผงของตัวเองอีก และตรงเข้ามาช่วยเก็บเงินแทน
ฮวาเซียงเซียงตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติของตัวเองก่อนจะลงมาด้านล่าง เสี่ยวเอ้อของร้านก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น ฮวาเซียงเซียงสะบัดผ้าเช็ดหน้าแล้วเอามาปิดปาก จากนั้นก็ยืนพิงราวบันไดพลางเอ่ยขึ้นมา “วิ่งไปที่ใดมาแต่เช้ากัน?”
เสี่ยวเอ้อเงยหน้าขึ้นมอง “เถ้าแก่เนี้ย ในที่สุดท่านก็ตื่นสักที มาลองชิมเร็วเข้าขอรับ”
ฮวาเซียงเซียงปรายตามองของในมือเขา “อะไรกันที่ทำให้เจ้ามีความสุขได้ถึงเพียงนี้”
“นี่เป็นของที่ข้าต่อแถวนานมากกว่าจะซื้อมาได้ ใกล้จะหมดแล้วด้วยนะขอรับ”
ฮวาเซียงเซียงชำเลืองมองสิ่งที่เสี่ยวเอ้อยื่นมาให้ เป็นแผ่นแป้งที่มีไข่ไก่แผ่อยู่เต็มแผ่น ด้านบนโรยด้วยงาดำและต้นหอม ทั้งยังสามารถมองเห็นซอสข้างในได้ด้วยตาเปล่า แค่ดูก็รู้สึกว่าน่าอร่อยแล้ว
ฮวาเซียงเซียงยื่นมือออกไปและฉีกมาเล็กน้อยพร้อมยัดใส่ปาก มันทั้งกรอบและมีกลิ่นหอม ดวงตาของนางจึงเป็นประกายขึ้นมา “นี่เป็นของร้านไหน อย่าบอกนะว่าเป็นของจุ้ยเซียนจวี่?”
เสี่ยวเอ้อส่ายหน้า “ไม่ใช่ของหอสุราไหนทั้งนั้นขอรับ และก็ไม่ใช่ของจุ้ยเซียนจวี่ด้วย มิหนำซ้ำคนผู้นั้นท่านยังรู้จักด้วยนะขอรับ ก็คนที่เมื่อสองวันก่อนท่านพามาด้วย สตรีที่ข้างกายมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งติดตามมาด้วยน่ะขอรับ”
ฮวาเซียงเซียงอึ้งไปเล็กน้อย “พาข้าไปดูหน่อย”
จี้จือฮวนเตรียมส่วนผสมของเจียนปิ่งกั่วจือมาไม่มาก และคิดไม่ถึงว่าจะขายดีเพียงนี้ คนที่ต่อแถวอยู่ตอนนี้ยังมีมาก แต่ของกลับหมดเกลี้ยงแล้ว
“หมดแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว แต่พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาอีก ทุกท่านวางใจได้”
“ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่”
ทันทีที่คนมาต่อแถวต่างแยกย้ายกันไป อาอินก็กระโดดจนตัวลอยขึ้นมาด้วยความดีใจ ห่อเงินน้อย ๆ ของนางทั้งเต็มทั้งหนัก
เงินเยอะจังเลย
หากนางแอบหยิบไปนิดหน่อย แม่เลี้ยงคงไม่รู้หรอกกระมัง
อาอินแอบหยิบเงินจากถุงเงินมานิดหน่อย และยัดใส่ถุงด้านในของเสื้อตัวเอง ทว่ากลับรู้สึกระแวงอยู่ตลอดเวลา
ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของจี้จือฮวนทั้งสิ้น แต่นางก็ไม่คิดจะเปิดโปง
เมื่อผู้คนแยกย้ายไปแล้วก็ได้เวลาเก็บร้าน จี้จือฮวนทำความสะอาดเก็บเปลือกไข่จนเสร็จเรียบร้อย ก็เตรียมไปขายสัตว์ป่าต่อ ตอนนั้นเองฮวาเซียงเซียงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของนางพอดี
“น้องสาว เจอกันอีกแล้วนะ”
จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นมองนาง ก่อนจะพยักหน้าให้ “เจ้ารอก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะเอาของไปส่งให้เจ้า”
ฮวาเซียงเซียงกลอกตาไปมา ก่อนจะเข้าใจได้ในทันที “เร็วเพียงนี้เชียวหรือ?”
“อืม อาหารที่ทำออกมารสชาติใช้ได้หรือไม่?”
“ยอดเยี่ยมมาก ลูกค้าประจำหลายคนยังคิดว่าข้าเปลี่ยนพ่อครัวด้วยซ้ำ เจ้าเก็บร้านแล้วหรือ โอ้โห ข้ามาช้าไปอย่างนั้นหรือ” ฮวาเซียงเซียงบ่นออกมา
เมื่อครู่ตอนมาถึงมุมถนนยังเห็นคนต่อแถวกันอยู่ แต่น่าเสียดายพอนางมาถึงคนก็แยกย้ายกันไปเสียแล้ว
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็เอาส่วนที่เตรียมไว้กินเองออกมา “รับไปสิ”
ฮวาเซียงเซียงที่ไม่รู้ว่าจี้จือฮวนยังไม่ได้กินข้าวเช้าก็รับเอาไว้ทันที แต่อาอินกลับดึงแขนเสื้อของจี้จือฮวนเอาไว้ พลางกระซิบออกมา “แต่ท่านหิวมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ”
เมื่อครู่นางฉีกกินไปชิ้นหนึ่งยังไม่จุใจ ตอนนี้ได้กินชิ้นร้อน ๆ ที่เพิ่งออกจากกระทะคำโต กลิ่นหอมก็ตลบอบอวลอยู่ในปาก และยังกรุบกรอบอีกด้วย
ฮวาเซียงเซียงถือเป็นนักกินตัวยงคนหนึ่ง กัดไปสองสามคำก็เจียนปิ่งกั่วจือชิ้นนั้นก็ถูกกินจนหมด
“ยิ่งกินยิ่งอร่อยจริง ๆ ด้วย คิดไม่ถึงว่าฝีมือการทำอาหารของเจ้าจะดีขนาดนี้!”
เมื่อเจียนปิ่งกั่วจือขายหมดแล้ว ในที่สุดแผงของป่าก็เริ่มมีคนให้สนใจอีกครั้ง มีชาวนาที่เป็นสตรีสองสามคนมาเลือกดู และถามว่าสามารถแลกเปลี่ยนกับสิ่งของของตนได้หรือไม่ จี้จือฮวนมองดูของเหล่านั้นเล็กน้อย ก็พบว่าเป็นผลไม้ธรรมดา แต่หลังจากแลกเปลี่ยนตามราคาตลาดแล้ว ไม่นานของป่าก็ถูกขายจนหมด
จี้จือฮวนกำลังจะเก็บร้าน เพื่อตามฮวาเซียงเซียงไปที่เค่ออวิ๋นไหลก่อน จากนั้นค่อยแวะไปที่ร้านขายสัตว์ป่า
ขณะกำลังจะไปนั้น ก็มีคนสองคนมาหาที่หน้าร้าน
“เจ้าคือคนที่ขายเจียนปิ่งกั่วจือเมื่อครู่ใช่หรือไม่?”
จี้จือฮวนปรายตามอง ก่อนจะทำงานของตัวเองต่อ “อืม”
“เถ้าแก่ของพวกเราอยากเชิญเจ้าไปคุยด้วย”
“ไม่ไป” จี้จือฮวนตอบกลับไปสั้น ๆ
เมื่อเห็นนางปฏิเสธตรง ๆ ทั้งสองคนก็ไม่พอใจขึ้นมา “เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้ว่าเถ้าแก่ของเราเป็นใครกระมัง แม่นางน้อยคำบางคำก็ไม่ควรพูดปฏิเสธเร็วเกินไปนัก”
“เถ้าแก่ของพวกเจ้าเป็นตั๋วเงินหรือเหรียญทองแดงอย่างนั้นหรือ ทุกคนถึงจะต้องรู้จักเขาด้วย” จี้จือฮวนสะบัดผ้าขี้ริ้ว “อย่ามาขวางทาง”
“เจ้า!”
คนที่อยู่ด้านหลังดึงคนที่อยู่ด้านหน้าและกำลังโมโหเอาไว้ พลางปรายตามองฮวาเซียงเซียงที่ยืนอยู่ด้วย ก่อนจะหรี่ตาลงพลางเอ่ยขึ้น “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เถ้าแก่เนี้ยฮวานี่เอง ครั้งนี้เหตุใดถึงมาเร็วเพียงนี้ได้เล่า แต่น่าเสียดายที่ต่อให้จะวิ่งมาเร็ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดกับการค้าของเค่ออวิ๋นไหลอยู่ดี”
ฮวาเซียงเซียงเองก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมารังแกได้ง่าย ๆ เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็เอามือเท้าเอวและเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าจะอยู่ที่ใดแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าด้วย ไสหัวกลับจุ้ยเซียนจวี่ของเจ้าไปซะ”
คนผู้นั้นก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหแต่อย่างใด ก่อนจะเอ่ยอย่างเยาะเย้ย “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
จี้จือฮวนมองตามหลังพวกเขาไป ฮวาเซียงเซียงพลันส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา “คราวนี้เจ้าคงลำบากแล้ว เพราะพวกเขาคงเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นหุ้นส่วนกับข้าแล้วกระมัง”
“ก็ถูกต้องแล้ว” เพราะการตกลงขายเกลือให้นางก็นับว่าเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว
ฮวาเซียงเซียงเห็นท่าทางสงบนิ่งของจี้จือฮวน ก็คิดว่านางคงจะยังไม่เข้าใจความหมายของตน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร จุ้ยเซียนจวี่น่ะ เจ้ารู้จักหรือไม่?”
“เคยได้ยิน”
ฮวาเซียงเซียงสะบัดผ้าเช็ดหน้า ก่อนเอ่ยขึ้นมาอย่างดูแคลน “จุ้ยเซียนจวี่เป็นกิจการของตระกูลฉือ ตระกูลฉือนั้นนับว่าน่าเกรงขามมากสำหรับที่นี่ ที่พวกเขาเรียกเจ้าไปพบคงอยากจะซื้อสูตรเจียนปิ่งของเจ้ากระมัง เจ้าไม่ไว้หน้าพวกเขา วันหน้าพวกเขาต้องกลับมาเล่นงานเจ้าแน่”
“แล้วเจ้าเล่า เจ้าไม่กลัวพวกเขาหรือ?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม
นางเป็นแค่ร้านแผงลอยเล็ก ๆ แต่ฮวาเซียงเซียงนั้นตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาโดยตรง
ฮวาเซียงเซียงกลอกตามองบน “ข้าก็เก่งพอตัว และใช่ว่าพวกเขาหาอันธพาลสองสามคนมารังแก แล้วจะทำให้ข้าตกใจจนหนีไปได้”
จากที่ฟังดูเหมือนว่าการที่กิจการของเค่ออวิ๋นไหลไม่สู้ดีนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับจุ้ยเซียนจวี่ด้วยเช่นกัน
“ไปเถอะ ไปคุยกันต่อที่ร้านเจ้า” จี้จือฮวนเก็บร้านเสร็จแล้ว
ฮวาเซียงเซียงลอบพิจารณาจี้จือฮวนอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่นางเป็นแค่สาวชาวบ้านคนหนึ่ง เหตุใดจึงสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้กัน ท่าทางเช่นนี้ไม่เหมือนกับสตรีทั่วไปเลย