ตอนที่ 20 ฮวนฮวนปกป้องลูก
คำพูดนี้เรียกได้ว่าไร้มารยาทเป็นอย่างมาก แต่เฉินเย่าจงกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป
ครอบครัวพวกเขามีที่ดินสิบห้าหมู่1 ถือว่าร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านแล้ว ครอบครัวอารอง อาสาม อาสี่ ล้วนให้ความสำคัญกับเขาที่สุด มีเนื้อก็เอามาให้เขากิน ค่าเล่าเรียนพวกเขาก็เป็นคนจ่าย คนทั้งครอบครัวต่างก็เชิดชูเขาคนเดียว
พู่กัน, แท่งหมึก, กระดาษ, ที่ฝนหมึก สิ่งไหนบ้างที่ไม่ต้องใช้เงิน สภาพครอบครัวอย่างเผยจี้ฉือน่ะหรือคิดจะเรียนหนังสือ? เก็บเงินเอาไว้ซื้อหมั่นโถวจะดีกว่า วันหน้าสามารถทำไร่ไถนาได้ก็ไม่เลวแล้ว
คนเราถ้าหวังอะไรเกินตัวก็จะกลายเป็นความโลภ การเรียนหนังสือใช่สิ่งที่พวกเขาคิดฝันได้อย่างนั้นหรือ?
อาอินโมโหจนแทบจะทนไม่ไหว ขณะที่กำลังคิดว่าจะด่าเขากลับไปนั้น ก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของจี้จือฮวนดังขึ้น น้ำเสียงของนางแฝงไว้ด้วยความระอา ราวกับไม่เห็นเฉินเย่าจงอยู่ในสายตา
“ข้าใช้เงินเจ้าหรืออย่างไร ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านจริง ๆ”
“เจ้า!” เฉินเย่าจงเวลาอยู่ที่หมู่บ้าน ไม่มีใครที่ไม่ฟังเขามาก่อน และในภายภาคหน้าเขาก็จะได้เป็นจอหงวน คำพูดที่พูดออกมาก็เพราะหวังดีต่อพวกเขา!
“สตรีไร้ปัญญา พูดไปก็ไร้ประโยชน์!” เฉินเย่าจงเอ่ยอย่างดูแคลน “ร้านหนังสือใช่ที่ที่พวกเจ้าจะเข้ามาได้อย่างนั้นหรือ?”
“คนเขาเปิดร้านทำการค้าจะปฏิเสธเงินหรืออย่างไร เป็นเจ้าเสียอีกที่มีนิสัยชอบดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น คู่ควรที่จะอ่านหนังสือนักปราชญ์ด้วยอย่างนั้นหรือ หลีกไป!” จี้จือฮวนยื่นมือไปผลัก ทำให้เฉินเย่าจงกระเด็นออกไปนอกประตู เผยจี้ฉือต่อให้จะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของนาง แต่ก็ไม่ใช่คนที่เศษสวะเช่นนี้จะมาพูดจาดูถูกต่อหน้านางได้
เฉินเย่าจงเมื่อถูกผลักก็เกือบจะหกล้มลงที่หน้าประตูแล้ว ของในมือยังร่วงลงกับพื้นอีกด้วย จี้จือฮวนหลุบตาลงมองเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “คำตอบคือสิบเก้า ไม่ใช่สามสิบ คำถามง่าย ๆ เช่นนี้ยังตอบไม่ถูก แต่กล้าบอกคนอื่นว่าห้ามเรียนหนังสือ ที่บ้านหากไม่มีกระจกก็น่าจะมีฉี่ให้ส่องบ้างกระมัง”
จี้จือฮวนเอ่ยจบ บัณฑิตจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในร้านหนังสือก็รุมล้อมเข้ามา เฉินเย่าจงไม่เชื่อจี้จือฮวน “เป็นไปไม่ได้ สาวชาวบ้านอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร!”
จี้จือฮวนดึงมืออาอินเดินเข้าไปด้านใน ไม่สนใจแม้แต่จะปรายตามองเขา
พวกไม่มีสมอง
“เถ้าแก่ เอาพู่กัน, แท่งหมึก, กระดาษ, ที่ฝนหมึก ที่ใช้ฝึกเขียนตัวหนังสือมาชุดหนึ่ง”
“ได้เลยขอรับ”
เฉินเย่าจงเก็บของด้วยความโมโห ทว่ากลับมีคนเห็นโจทย์เลขที่จี้จือฮวนพูดถึงเมื่อครู่ จึงพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้นมา “เหมือนเจ้าจะทำผิดแล้ว เป็นสิบเก้าจริง ๆ”
เฉินเย่าจงแย่งกระดาษแผ่นนั้นกลับมา และเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ “พวกเจ้าดูผิดแล้ว นางไม่มีทางทำได้แน่ สตรีที่ไม่รู้จักตัวหนังสือเช่นนั้นจะไปรู้อะไร”
จี้จือฮวนกลอกตามองบน หาได้สนใจเจ้าคนผู้นั้นไม่ ก่อนจะไปเลือกหนังสืออีกสองสามเล่มที่ตอนนี้เหล่าบัณฑิตกำลังนิยมกัน จากนั้นก็จ่ายเงินและออกจากร้านไป
ขณะเดินผ่านเฉินเย่าจง แม้จะมีผ้าบังอยู่แต่เฉินเย่าจงก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงสายตาเย้ยหยันของสตรีผู้นั้น
เวลานี้คนรอบกายได้สลายตัวไปหมดแล้ว แต่เฉินเย่าจงก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เป็นไปไม่ได้ สตรีผู้นั้นจะทำโจทย์เลขได้อย่างไร โกหกแน่ ๆ!
อาอินหันกลับไปมองเฉินเย่าจงที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะมองจี้จือฮวนอีกครั้ง นางรู้สึกว่าแม่เลี้ยงร้ายกาจมาก นี่มันเรื่องอะไรกัน?
…
อีกด้านหนึ่ง
เผยจี้ฉือลืมตาขึ้นมา พระอาทิตย์ก็ลอยขึ้นสูงแล้ว น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนห่มผ้าห่มผืนนี้จึงหลับสบายเกินไป เขาถึงได้ตื่นสายเช่นนี้ อาชิงและอาอินก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านเข้ามาจนสว่างไสวจากประตูที่เปิดกว้าง
ศีรษะเล็ก ๆ โผล่เข้ามา อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ “พี่ใหญ่ ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ?”
เผยจี้ฉือพยักหน้ารับ “อาอินล่ะ พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวใช่หรือไม่ ข้าจะลุกไปทำอาหารให้พวกเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”
อาชิงส่ายหน้า “ห้องครัวมีอาหารอยู่ขอรับ ข้าจะไปหยิบมาให้ท่านเดี๋ยวนี้”
มีอาหารอยู่? อาอินเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ หรือว่า…จะเป็นสตรีผู้นั้น
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น อาชิงก็ก้าวขาสั้น ๆ เข้ามาแล้ว จานที่ถืออยู่ในมือยังมีไอร้อนลอยอยู่ อาชิงเข้ามาหยุดอยู่ข้างกายของเผยจี้ฉือ “ท่านแม่กับพี่หญิงออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว และนี่เป็นของที่ท่านแม่ทำไว้ให้ อาชิงกินไปแล้วขอรับ”
เผยจี้ฉือจ้องมองไปก็พบว่าในจานมีหมั่นโถวลูกเล็ก ๆ สีขาวลูกหนึ่งวางอยู่ ก้อนกลม ๆ นั่นยังทำเป็นรูปหมูอีกด้วย หมั่นโถวที่น่ารักเช่นนี้เขาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“ท่านพี่รีบกินสิขอรับ อร่อยมากเลย เมื่อเช้าอาชิงกินไปตั้งสามลูกแน่ะ” เอ่ยจบ เขาก็ยื่นพุงน้อย ๆ ให้เผยจี้ฉือดู
พุงที่จากเดิมผอมจนยุบเข้าไป เวลานี้กลับป่องขึ้นมาจริง ๆ
เผยจี้ฉือหยิบหมั่นโถวที่ทั้งนุ่มทั้งขาวและกำลังร้อน ๆ ขึ้นมากัดลงไปคำหนึ่ง กลิ่นหอมของนมอบอวลอยู่ในปากของเขาทันที อร่อยจนทำให้เขาเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง
“แม่เลี้ยงเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ?”
นี่มันอร่อยกว่าที่พ่อครัวหลวงในวังที่ท่านพ่อหามาทำให้ในตอนนั้นเสียอีก!
“ใช่ขอรับ ท่านแม่ทำอร่อยทุกอย่างเลยขอรับ”
อาชิงเอ่ย จากนั้นเขาก็เลิกผ้าห่มออก เผยจี้ฉือกัดไปสองสามคำก็จัดการหมั่นโถวลูกหมูนั่นจนเกลี้ยง พลางหันไปถาม “เจ้าจะทำอะไร?”
“อุ้มท่านพ่อไปฟื้นฟูร่างกายด้วยการผิงแดดขอรับ เมื่อวานข้าเรียนกับท่านแม่มาแล้ว ว่าต้องคอยพูดกับท่านพ่อ ช่วยนวดให้เขา ไม่นานท่านพ่อก็จะตื่นขึ้นมา” อาชิงเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง
เผยจี้ฉือจึงเอ่ยอย่างระอา “เจ้าอุ้มไม่ไหวหรอก รออาอินกลับมาเถอะ”
ขนาดเขาอุ้มท่านพ่อยังหอบเลย ยิ่งไปกว่านั้นท่านพ่อก็มีรูปร่างสูงใหญ่ออกปานนี้…
ขณะที่กำลังพูดถึงอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงอาอินดังมาจากตรงลานบ้าน “อาชิง ออกมาช่วยหน่อยเร็วเข้า”
“มาแล้วขอรับ!” อาชิงเมื่อได้ยินเสียงเรียก ก็กระโดดลงจากเตียงวิ่งออกไปด้านนอกด้วยความดีใจ เผยจี้ฉือเองก็อยากออกไปด้วย แต่น่าเสียดายที่ขาเขาเดินเหินไม่สะดวก จึงทำได้เพียงชะเง้อไปมองด้านนอกผ่านรูที่หน้าต่างเท่านั้น
อาอินเข็นรถเข้ามาในรั้ว เมื่อเห็นอาชิงวิ่งออกมา ก็รีบเรียกเขาไว้ “ดูสิ ข้าเอาอะไรกลับมาฝากเจ้า”
อาชิงมองนางตาโต ก่อนจะเห็นอาอินหยิบถังหูลู่2ไม้หนึ่งออกมาจากด้านหลัง “อยากกินหรือไม่!”
“ว้าว ถังหูลู่ ข้าจะเอาไปให้พี่ใหญ่กินด้วย!” อาชิงดีใจจนยิ้มไม่หุบ
“พวกเจ้าไปเล่นเถอะ ข้าจะเอาของไปเก็บเอง” เมื่อกลับมาที่หมู่บ้าน และไม่ต้องขายของอีก จี้จือฮวนจึงเอาผ้าปิดหน้าออก ก่อนจะยกของในตะกร้าเดินเข้าไปที่ห้องครัว
อาอินอาศัยตอนที่อาชิงตามจี้จือฮวนไปถามนู่นถามนี่ เดินไปนั่งลงข้างกายของเผยจี้ฉือ ก่อนจะยัดถุงเงินของตัวเองเข้าไปที่อกเสื้อของเผยจี้ฉือ
เผยจี้ฉือนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากคลำดูก็พบว่าด้านในมีเงินอยู่หลายตำลึง “เอามาจากที่ใด?”
“ขายเกลือน่ะสิ เกลือของข้าขายได้สามตำลึง ข้าหาเงินเป็นแล้ว” นางกลัวเผยจี้ฉือจะว่านาง จึงปิดบังเรื่องที่ขโมยเงินไม่ให้เขารู้
เผยจี้ฉือไม่ได้สงสัยนาง เพราะในสายตาของเขา น้องสาวเขานั้นทั้งใสซื่อและน่ารัก นอกจากมีแรงเยอะกว่าเด็กทั่วไปแล้ว นางยังต้องให้พี่ชายอย่างเขาคอยปกป้องอยู่
“เช่นนั้นเจ้าก็เก็บเอาไว้ให้ดี ไม่ต้องเอามาให้ข้าหรอก”
“ข้าไม่ได้ใช้เงินพวกนี้ ท่านเก็บเอาไว้เรียนเถอะ อ้อ จริงสิ นี่คือพู่กัน, แท่งหมึก, กระดาษ, ที่ฝนหมึก ที่ข้ากับ…จี้จือฮวนซื้อมาให้ ยังมีหนังสือด้วยนะ ท่านต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าวันนี้พวกเราขายของดีขนาดไหน ข้าอยากไปหาเงินอีกจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว” ใบหน้าของอาอินเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
เผยจี้ฉือกลับรู้สึกปวดใจขึ้นมา “เดิมแค่เจ้าหาเงินก็ลำบากอยู่แล้ว เหตุใดยังต้องซื้อหนังสือให้ข้าอีก แล้วนางยอมด้วยหรือ?”
“ยอมเจ้าค่ะ พู่กัน, แท่งหมึก, กระดาษ, ที่ฝนหมึก นางก็เป็นคนเลือกให้ หนังสือนี่นางก็เป็นคนซื้อ และยังบอกเถ้าแก่ด้วยว่าเอาหนังสือที่ตอนนี้พวกบัณฑิตชอบอ่านมาให้ด้วย ท่านดูสิเจ้าคะ” อาอินหยิบหนังสือที่จี้จือฮวนเลือกออกมาจากตะกร้าใบเล็ก
เมื่อเผยจี้ฉือลองพลิกดูก็รู้ว่าหนังสือเหล่านี้ไม่ใช่ถูก ๆ นอกจากจะพิมพ์ตัวหนังสือออกมาได้ชัดเจนแล้ว ยังเป็นตำราที่เด็กต้องเรียนกันอีกด้วย
นาง…ยอมให้เขาเรียนหนังสือแล้วอย่างนั้นหรือ?
“อาอิน ย้ายพ่อเจ้าออกมาฟื้นฟูร่างกายได้แล้ว บอกให้พี่เจ้าออกมาผิงแดดด้วย อีกเดี๋ยวข้าจะใส่ยาให้เขาใหม่” จี้จือฮวนตะโกนมาจากทางด้านนอก
“เจ้าค่ะ!” อาอินตอบรับคำทันที แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่ทันสังเกตว่า พวกเขากับจี้จือฮวนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันขึ้นเรื่อย ๆ มีรับคำ มีตอบคำถาม รอยยิ้มบนใบหน้าก็มีมากขึ้นด้วย
[1] หมู่ (亩) เป็นหน่วยวัดพื้นที่สมัยโบราณของจีน 1 หมู่เท่ากับ 60 ตารางฟุต
[2] ถังหูลู่ (糖葫芦) เป็นของหวานแบบจีน คือการนำผลไม้มาเสียบไม้แล้วเคลือบด้วยน้ำตาลเคี่ยวแล้ว