ตอนที่ 21 ฝีมือการทำอาหารที่น่าทึ่ง
ตอนที่อาอินพาเผยยวนมานั่งในลานบ้าน ท่านป้าหยางก็มาพอดี พร้อมกับส่งเสียงทักทาย “อาอิน เหตุใดถึงเอาพ่อเจ้าออกมาข้างนอกเช่นนี้เล่า?”
อาอินเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็วิ่งไปช่วยรับตะกร้าในมือของท่านป้าหยาง “วันนี้พวกเราขายของหมดแล้ว ก็เลยกลับมาเร็วเจ้าค่ะ เชิญท่านย่านั่งก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากที่อาอินวางตะกร้าแล้ว ก็ไปหยิบม้านั่งมาวางไว้ในลานบ้าน
จี้จือฮวนได้ยินเสียง ก็ถือกาน้ำที่ผสมน้ำผึ้งออกมาด้วย “ท่านป้า ท่านลุงเชิญดื่มน้ำเจ้าค่ะ”
ท่านลุงเฉินสามีของท่านป้าหยางเป็นคนไม่ค่อยพูด ครั้งนี้เพราะถูกท่านป้าหยางเรียกให้มาช่วย เดิมคิดว่าไม่จำเป็นต้องช่วย เพราะคนเช่นจี้จือฮวนนั้นเขารู้จักดี หลายครั้งที่เขาไปทำนาก็มักจะเห็นนางกับเจ้าฉีเทียนชางลักลอบคบชู้ ยักคิ้วหลิ่วตาและเอาของให้กัน
ท่านลุงเฉินจึงคิดว่าสตรีผู้นี้ไว้ใจไม่ได้ แต่เขาห้ามภรรยาที่บอกว่าจะมาช่วยไม่ได้ และกลัวว่าภรรยาของตนเองจะถูกหลอกถึงได้ตามมาด้วย
ทว่า หลังจากที่มาถึงก็เห็นอาอินสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ผมเผ้าไม่ได้ยุ่งเหยิงเหมือนแต่ก่อน สีหน้าก็ดูสดใสขึ้น ในบ้านไม่มีกลิ่นเหม็น ๆ นั่นอีกแล้ว แม้แต่เจ้าเด็กน้อยอาชิงก็คอยช่วยนู่นช่วยนี่อย่างกระตือรือร้น
ในลานบ้านยังมีรถเข็นคันหนึ่งจอดอยู่ด้วย ในนั้นมีหม้อวางเอาไว้ มองดูก็รู้ว่าไปขายของมา ในห้องครัวยังมีกลิ่นหอมลอยออกมาเป็นระยะ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ กลิ่นเหมือนกำลังตุ๋นเนื้ออยู่อย่างไรอย่างนั้น ช่างหอมยิ่งนัก
จนกระทั่งจี้จือฮวนยกกาน้ำออกมาให้ ท่านลุงเฉินก็เกือบจะจำนางไม่ได้ รอยแผลบนใบหน้าแม้จะยังดูขี้เหร่อยู่ แต่นางกลับไม่ได้มีท่าทางห่อเหี่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีก ดูร่าเริงแจ่มใสขึ้น ดวงตาคู่นั้นก็กระจ่างใสเป็นประกาย เหมือนไม่มีความคิดร้าย ๆ ใด ๆ แอบแฝงอีก
น้ำที่ยกมาให้พวกเขาทั้งหอมหวานและชุ่มคอ ชามก็ล้างจนสะอาดสะอ้าน ไม่ได้ดูเหมือนว่ากำลังเล่นละครหลอกตาพวกเขาอยู่
“โอ้โห น้ำนี่เหตุใดถึงหวานชุ่มคอเช่นนี้กันละเนี่ย” ท่านป้าหยางถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เมื่อสองวันก่อนข้าได้น้ำผึ้งป่ามา เลยเอามาต้มกับน้ำดื่มเจ้าค่ะ หากท่านชอบเดี๋ยวข้าจะแบ่งให้นะเจ้าคะ” จี้จือฮวนเอ่ย
“โอ้ เจ้าไปเก็บน้ำผึ้งป่าอย่างนั้นหรือ นี่เป็นของหายากเชียวนะ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก” ท่านป้าหยางตกตะลึงอ้าปากค้าง เพราะหากไม่ได้เป็นคนเลี้ยงเอง การไปเก็บน้ำผึ้งป่าจากบนเขา หากไม่ระวังอาจถึงตายได้
ท่านลุงเฉินก็เอ่ยถามขึ้นมา “พวกเจ้าไปขายของที่ใดกัน แล้วขายอะไรอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อคืนตอนที่ภรรยาของเขาบอกว่าจะเอาขนมมงคลมาให้ครอบครัวนี้ เขายังคิดว่าไม่จำเป็น ทว่าสุดท้ายกลับได้ไก่กลับไปเป็นตัว ๆ และยังมีอั่งเปาอีกด้วย แถมในอั่งเปานั้นก็มีเงินอยู่เล็กน้อย ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ใจกว้างเท่านี้เลย!
จี้จือฮวนตอบเขาทีละคำถาม ท่านลุงเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย
ขายดีเพียงนี้เชียวหรือ?
แต่ว่าท่านลุงเฉินเองก็ไม่ใช่คนพูดมาก หลังจากดื่มน้ำและวางชามลงแล้ว ก็เริ่มกำจัดหญ้าในลานบ้านทันที
ท่านป้าหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาเป็นคนแบบนี้แหละ เอาแต่ทำงาน เจ้าไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก”
เพราะคนในหมู่บ้านมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นเรื่องนี้จี้จือฮวนจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
เมื่อมีท่านป้าหยางมาช่วย ไม่ช้าลานบ้านก็กลับมามีชีวิตชีวา พื้นที่ว่างด้านหลังก็ถูกพรวนอย่างดี พร้อมกับเอาเมล็ดพันธุ์ที่จี้จือฮวนซื้อมาลงปลูกจนเสร็จเรียบร้อย
เครื่องเรือนทั้งหมดภายในบ้านก็ถูกนำออกมาตากแดดและทำความสะอาด ทันใดนั้นบ้านทั้งหลังก็ดูเปลี่ยนไป ระหว่างนั้นเจิ้งต้าเฉียงก็เดินผ่านมาพอดี เขาอยากจะมาดูสถานการณ์ภายในบ้านสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะพบกับพวกท่านป้าหยางเข้า
เจิ้งต้าเฉียงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็รีบกลับบ้านไปเอาเครื่องมือมา บอกว่าจะมาช่วยซ่อมแซมหลังคาให้ อีกสองวันจะมีฝนจะตก หากไม่ซ่อมแซมล่วงหน้า ตอนกลางคืนหากเกิดฝนรั่วขึ้นมาอาจจะท่วมบ้านเอาได้
จี้จือฮวนไม่มีอะไรจะตอบแทนพวกเขา จึงอาศัยตอนที่มีเวลาว่างเข้าไปห้องครัวเพื่อหั่นเนื้อเตรียมไว้ มื้อค่ำจะได้ทำอาหารมื้อใหญ่ให้พวกท่านป้าหยางกิน
เดิมพวกท่านป้าหยางทำงานเสร็จก็จะกลับกันเลย แต่คิดไม่ถึงว่าจี้จือฮวนจะรั้งให้พวกเขาอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันให้ได้ อาชิงขยับขาสั้น ๆ ของเขาคอยช่วยเป็นลูกมือตลอดเวลา
จานแรกเป็นกุ้งอบน้ำมัน กุ้งตัวโต ๆ ที่นำขี้เส้นสีดำที่หลังออกเรียบร้อยแล้ว นำไปทอดหนึ่งรอบ คลุกเคล้ากับซอสที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษ ผสมกับกลิ่นหอมของต้นหอม ขิง และกระเทียมอบอวลอยู่บนตัวกุ้ง กลิ่นหอมแฝงไว้ด้วยรสชาติที่อร่อยติดลิ้น น้ำซอสซึมเข้าไปในเนื้อกุ้งจนชุ่มฉ่ำ กัดไปแค่คำเดียวก็สามารถกระตุ้นต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี
จานต่อมาเป็นเนื้อหมูสามชั้นราดน้ำแดงที่มัดเอาไว้อย่างสวยงาม วางไว้ในหม้อตุ๋นโดยมีใบไม้รองไว้ตรงด้านล่าง ชุ่มฉ่ำ หนังบางเนื้อนุ่ม สีแดงเป็นประกาย เมื่อลองดมดูกลิ่นนั้นช่างหอมกลมกล่อมเป็นอย่างมาก เมื่อกัดเข้าไปหนึ่งคำ จะพบว่าเนื้อหมูนั้นนุ่มมากแต่ไม่เละ หอมมันแต่ไม่เลี่ยน อร่อยจนเกือบจะกัดลิ้นของตัวเองไปด้วย
ข้าวขาวที่ยกมายังราดด้วยน้ำซอสของหมูสามชั้นราดน้ำแดงและโรยงาดำ อาชิงกินจนหน้าเลอะเปรอะเปื้อนเหมือนแมวตัวน้อย ๆ ก่อนจะยกช้อนขึ้นแล้วตะโกนขอเพิ่มอีกชาม เผยจี้ฉือเองก็หยุดตะเกียบในมือไม่ได้เช่นกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เคยกินอาหารที่จี้จือฮวนทำเป็นครั้งแรกอย่างพวกท่านป้าหยางเลย ชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยกินอาหารที่ครบทั้ง รูป รส และกลิ่นเช่นนี้มาก่อน อาหารที่ทำกันในหมู่บ้านแค่อิ่มก็พอแล้ว เคยพิถีพิถันแบบนี้ที่ไหนกัน อาหารมื้อนี้ประณีตกว่าที่เคยเห็นในตำบลเสียอีก
เดิมคิดว่าแค่อาหารสองจานก็คงหมดแล้ว แต่จี้จือฮวนยังยกปลากระรอก1อีกจานออกมาจากห้องครัว มันทั้งกรอบนอกนุ่มใน เปรี้ยวหวานกลมกล่อม แค่เห็นฝีมือการใช้มีด การปรุงรส การควบคุมความร้อน ก็รู้ว่าต้องไม่ใช่คนที่เพิ่งเคยทำอาหารอย่างแน่นอน
จานสุดท้ายเป็นผัดผักแก้เลี่ยนจากจานก่อน ๆ กินคู่กับข้าวผัดน้ำแกงเนื้อ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็ยังมีชาร้อนอีกแก้วเพื่อล้างปาก ท่านป้าหยางรู้สึกราวกับกินเลี้ยงปีใหม่อย่างไรอย่างนั้น
“โอ้โห สะใภ้ตระกูลเผย อาหารของเจ้าพวกนี้เจ้าทำได้อย่างไรกัน แม้แต่ชื่อข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ตาเฒ่าเจ้าว่าจริงหรือไม่?”
ท่านลุงเฉินที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินอยู่นั้นจึงตอบไม่ทัน ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาหลังจากกินเสร็จว่า “มิน่าเล่าถึงไปหาเงินด้วยการขายของกินที่ตำบลได้”
นี่ถือเป็นคำชมที่ดีที่สุดของเขาแล้ว
เจิ้งต้าเฉียงเองก็พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย โดยที่มือยังคงถือชามข้าวอยู่
ฝีมือดีเช่นนี้ไปเป็นแม่ครัวในภัตตาคารใหญ่ยังได้เลย ดูไม่ออกเลยว่าจี้จือฮวนจะมีความสามารถมากขนาดนี้
“มื้อนี้พวกเราทำให้เจ้าลำบากแล้ว วันหน้าหากมีอะไรให้ช่วยก็มาหาพวกเราได้เลยนะ” ท่านป้าหยางรู้สึกเกรงใจนางมากจริง ๆ แค่ช่วยกำจัดหญ้า พรวนดิน ปลูกผัก นางกลับทำของให้กินมากมายเพียงนี้ มีทั้งปลา กุ้ง และเนื้ออีกด้วย
“ท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ท่านป้า ท่านลุง กับพี่เติ้งต่างก็ช่วยครอบครัวเราเอาไว้ได้เยอะมาก ข้าปลูกผักไม่เป็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการซ่อมหลังคาเลย วันหน้ายังมีเรื่องที่ต้องรบกวนพวกท่านอีกเยอะเลยเจ้าค่ะ”
ได้ยินจี้จือฮวนพูดเช่นนี้ ทั้งสามคนต่างก็รู้สึกไม่ดีเท่าใดนัก
ก่อนกลับบ้านจี้จือฮวนยังยัดของกินให้พวกเขาเอากลับไปอีกด้วย คราวนี้นางไม่ได้พูดขอให้พวกเขาทำอะไรเลย เจิ้งต้าเฉียงจึงสัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาช่วยนางทำเล้าหมูและเล้าไก่ให้ เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวต้องเลี้ยงลูกอีกสามคน สามีที่บ้านแม้ว่าจะหน้าตาดี แต่ก็ยังนอนไม่ฟื้น
“เฮ้อ สะใภ้ตระกูลเผยอายุยังน้อย ไม่ง่ายเลยจริง ๆ พวกเราช่วยอะไรได้ก็ช่วยนางเถอะ” ท่านลุงเฉินเดินไปตามคันนา พลางทอดถอนใจออกมา
ท่านป้าหยางเองก็อุ้มห่อผ้าเอาไว้ ในใจก็คิดเช่นเดียวกันกับเขา “วันหน้านางก็คือลูกบุญธรรมของข้า หากใครจะรังแกนางก็ต้องมาถามข้าก่อน ประเดี๋ยวพอกลับไปถึงบ้าน ข้าจะเอานุ่นในบ้านออกมาแล้วทำที่นอนให้พวกเขาสักชุดดีกว่า”
…
หลังจากปิดรั้วเรียบร้อย ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง เมื่ออาบน้ำล้างหน้าล้างตัวเสร็จ จี้จือฮวนก็มาใส่ยาให้เผยยวน ก่อนจะพบว่าในกล่องยาน้อย ๆ นั้นมียาหลิงเฉวียนเพิ่มขึ้นมาเป็นสองหยด นางจึงป้อนยาให้เผยยวนกับเผยจี้ฉือคนละหยด และตอนที่นางกำลังสระผมให้เผยยวนอยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนกับว่าหนังตาของเผยยวนมีการขยับ
แต่เมื่อตั้งใจมองอีกครั้งก็ไม่เห็นขยับอีก
“หรือว่าข้าตาฝาดไปอย่างนั้นหรือ?”
[1] ปลากระรอก (松鼠桂鱼) เป็นอาหารเจียงซูที่เป็นที่รู้จักกันดี กรรมวิธีการทำคือ หั่นเนื้อปลาให้เป็นชิ้นและทอดให้แผ่คล้ายดอกไม้ เมื่อราดซอสเปรี้ยวหวานลงบนตัวปลา จะมีเสียงจิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด คล้ายกระรอกดังออกมา