ตอนที่ 28 ขายตัดราคา
อาอินได้ยินก็ร้อนใจขึ้นมา เหตุใดถึงมีคนทำตามเร็วเพียงนี้กัน?
เผยจี้ฉือจึงหันไปมองจี้จือฮวน ก่อนจะพบว่านางค่อย ๆ จัดของต่ออย่างไม่เร่งรีบ กระทะเหล็กใบเดิมถูกวางไว้ด้านข้าง มีหม้อเหล็กถูกวางไว้บนเตาอีกอัน พลางยกถังไม้ออกไปวางไว้บนม้านั่งไม้ตัวเล็ก ๆ ก่อนจะหยิบเตาเหล็กออกมาและใส่ถ่านเข้าไป จากนั้นก็ใช้ที่รองหม้อรองซึ้งนึ่งเอาไว้
คนที่เข้าแถวอยู่เมื่อเห็นว่านางยังต้องนึ่งอีกสักพัก บางคนที่รีบร้อนอยากกินเจียนปิ่งกั่วจือเร็ว ๆ ก็เดินหนีไปทันที
“อย่าเพิ่งไปสิ พวกเราใกล้จะเสร็จแล้ว” อาอินอยากจะไปรั้งพวกเขาเอาไว้ แต่จี้จือฮวนกลับดึงนางเอาไว้เสียก่อน “เจ้าคอยดูที่นี่ไว้ จัดโต๊ะและเก้าอี้ให้เรียบร้อย ข้าจะไปร้านอาหารป่าก่อน”
อาอินเห็นจี้จือฮวนแบกตะกร้าขึ้นหลังก็ได้แต่กระทืบเท้า จริง ๆ เลย นางร้อนใจจะตายอยู่แล้ว เหตุใดจี้จือฮวนถึงไม่กังวลเอาเสียเลย ไม่กลัวว่าคนจะขโมยสูตรของตัวเองไป แล้วตัวเองจะหาเงินไม่ได้อีกบ้างเลยหรืออย่างไร?
จางต้าเปียวยังไม่เปิดร้าน จี้จือฮวนจึงตบประตูร้านอยู่สักพัก ก่อนจะมีคนออกมาจากด้านใน
“แม่นางน้อย เหตุใดวันนี้เจ้าถึงได้มาเช้าเพียงนี้เล่า เถ้าแก่ยังไม่ตื่นเลยขอรับ” เสี่ยวเอ้อขยี้ตาพลางเอ่ยทัก
จี้จือฮวนยกตะกร้าเข้าไป “ข้ามาเช้าเอง และข้ายังต้องกลับไปดูแลแผงต่อ นี่เป็นเนื้อตุ๋นและหมูแดดเดียวที่ข้าทำ ส่วนนี่คือกุนเชียง เมื่อวานข้าคุยกับเถ้าแก่ของพวกเจ้าเอาไว้แล้ว เขาจะช่วยลองขายให้ข้า ส่วนราคาเขาจะเป็นคนกำหนดเอง”
เสี่ยวเอ้อมองดูของหน้าตาประหลาดเหล่านั้นเล็กน้อย เนื้อตุ๋นอย่างนั้นหรือ? มีกลิ่นหอมแปลก ๆ
จี้จือฮวนวางของเสร็จแล้วก็จากไป ท่าทางสบายใจเป็นอย่างมาก
เสี่ยวเอ้อเองก็ไม่ได้สนใจอีก เขาเลือกมุมหนึ่งบนโต๊ะยาวและวางของไว้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็กลับไปนอนต่ออีกครั้ง
จี้จือฮวนกลับมาที่ถนน ก็เห็นว่ามีหลายคนถือเจียนปิ่งกั่วจืออยู่ในมือ มีหลายคนที่จากไปด้วยความพอใจ แต่หลายคนต่างก็รอที่จะหัวเราะเยาะนางอยู่
ดูสิ เมื่อวานยังขายดีอย่างกับอะไรดี วันนี้แม้แต่นกสักตัวก็ไม่มี ดูสิว่านางยังจะสามารถทำตัวหยิ่งยโสไปได้อีกนานเท่าไร
จี้จือฮวนมองร้านตรงข้ามที่ขายลอกเลียนแบบนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็กลับไปที่แผงของตนเอง
“นางขายไม่ได้ จะเก็บร้านแล้วหรอกหรือ?”
“นั่นน่ะสิ เอาของมาเยอะแยะขนาดนั้น คิดว่าจะมีคนกินอีกหรืออย่างไร?”
ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางร้านของจี้จือฮวน หลังจากที่นางกลับมาก็เปิดฝาซึ้งนึ่งออก ด้านในเต็มไปด้วยขนมอบและของว่างชนิดต่าง ๆ มากมาย ทุกอย่างทำออกมาได้ประณีตและสวยงามมาก
มีคนแกล้งทำเป็นเดินผ่านและมองด้วยความสงสัย ก่อนจะพบว่าในซึ้งนึ่งนั้นมีแป้งสีขาวก้อนกลม ๆ ที่ปั้นเป็นเม่นน้อย หมูน้อย กระต่ายน้อยวางอยู่ ดูแล้วน่ารักน่าชังยิ่งนัก
ส่วนในซึ้งนึ่งอีกใบก็มีเกี๊ยวใส ๆ ห่อไส้สีเหลืองเอาไว้ ไม่รู้ว่าคืออะไรแต่กลิ่นหอมน่ากินเหลือเกิน โดยเฉพาะในหม้อใบเล็กที่อยู่ข้าง ๆ ที่เต็มไปด้วยไข่ไก่ต้มหลายฟอง ช่างส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจยิ่งนัก
พวกเขาไม่กล้าเข้าไปถาม ที่สำคัญก็คืออยากรอให้คนอื่นซื้อก่อน แล้วมาบอกพวกเขาว่าอร่อยหรือไม่?
“โอ๊ย ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที” สตรีผู้หนึ่งอุ้มเด็กน้อยมา เมื่อเห็นว่าร้านของจี้จือฮวนเต็มไปด้วยของมากมาย ก็ตาลายไปชั่วขณะ
“วันนี้ไม่ขายเจียนปิ่งกั่วจือแล้วหรือ?”
จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เปลี่ยนของบ้างเจ้าค่ะ พี่สะใภ้รับอะไรดีเจ้าคะ ลองชิมของใหม่ ๆ ดูก่อนสิเจ้าคะ”
เด็กน้อยในอ้อมแขนของสตรีผู้นั้นจ้องซาลาเปารูปกระต่ายน้อยไม่วางตา จี้จือฮวนจึงรีบใช้ที่คีบไม้ไผ่คีบซาลาเปาลูกหนึ่งมาวางไว้บนใบไม้ก่อนส่งให้เขา
เด็กน้อยกลัวคนแปลกหน้า ดังนั้นแม่ของเขาจึงต้องรับให้แทน ซาลาเปาสีขาวที่เดิมก็มีกลิ่นหอมอยู่แล้ว เมื่อกัดเข้าไปคำหนึ่งกลิ่นหอมของไส้ด้านในก็แผ่ออกมาปะทะจมูก ทำให้คนเป็นแม่อยากกินตามไปด้วย นางจึงชิมไปหนึ่งคำ รสชาติหวานแต่ไม่เลี่ยนกระจายอยู่ในปาก
นี่มัน ๆ ๆ ช่างอร่อยยิ่งนัก!
“นี่หมั่นโถวอะไรกัน เหตุใดถึงได้อร่อยเพียงนี้”
อาอินและเผยจี้ฉือต่างก็เคยกินหมั่นโถวชนิดนี้มาแล้ว จึงรู้ว่านั่นเป็นหมั่นโถวที่เรียกว่าซาลาเปาที่อร่อยที่สุด เมื่อเห็นว่าสตรีผู้นั้นชอบกิน พวกเขาก็สบายใจขึ้นมาแล้ว หากทุกคนบอกว่าอร่อย เช่นนั้นการค้าของพวกเขาก็มีทางรอดแล้ว
“นี่เป็นซาลาเปาไส้ครีมลาวา ไส้ด้านในทำจากไข่ไก่ผสมเนย หวานอร่อย พวกเด็ก ๆ ชอบกินที่สุดเจ้าค่ะ”
ทุกคนค่อย ๆ ล้อมวงเข้ามาฟังที่จี้จือฮวนแนะนำ
“นี่คือเสี่ยวหลงเปา และขนมจีบไข่ปู” จี้จือฮวนเอ่ยขึ้น พร้อมกับใช้มีดเล็ก ๆ ผ่าไส้ของขนมจีบและเสี่ยวหลงเปาออก ก่อยเผยให้เห็นไส้ที่เต็มไปด้วยน้ำแกงใส ๆ ทั้งยังมีไอร้อนลอยขึ้นมา กลิ่นหอมที่รุนแรงนั้นทำให้น้ำลายสอขึ้นมาทันที
ขนมจีบไข่ปูนั้นทำด้วยแผ่นแป้งที่ใสจนเห็นด้านใน โดยไส้ด้านในเป็นข้าวเหนียวที่มีความเหนียวนุ่ม และมีไข่ปูวางตกแต่งไว้ด้านบนสุด มองดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก
มีนักชิมที่ทนไม่ไหวจนต้องตะโกนออกมา “เอามาให้ข้าจานหนึ่ง”
“ได้เลย” จี้จือฮวนคีบใส่จานด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะให้อาอินพาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะ ในตอนเช้าที่วุ่นวายตลาดผักไช่ซือมีคนงานออกมาทำงานเป็นจำนวนมาก แค่ได้ดมกลิ่นและเห็นเนื้อที่ดูแน่น ๆ นั้น ก็รู้ว่าอร่อยแล้ว ดังนั้นเมื่อกินไปหนึ่งจานก็ได้สั่งต่ออีกหนึ่งจาน
“เป็นเช่นไร อร่อยหรือไม่!” มีคนเอ่ยถามขึ้นมา
คนผู้นั้นแทบจะไม่มีเวลาตอบ เขายกตะเกียบขึ้นแล้วพูดว่า “เป็นรสชาติที่บรรยายไม่ถูก กินเถอะแล้วจะไม่ผิดหวัง เนื้อก็เคี้ยวมัน ยิ่งกินกับพริกที่อยู่ในน้ำส้มสายชูนี่อีก รสดีอย่าบอกใคร”
“ข้าเอาด้วย!”
“ให้ข้าด้วยจานหนึ่ง”
อาอินรับผิดชอบยกจานไปให้ลูกค้า อาฉือรับผิดชอบเช็ดโต๊ะ เก็บจานและนำตะเกียบมาล้าง เด็กทั้งสองจึงยุ่งจนหัวหมุน จี้จือฮวนเองก็เช่นกัน
“ด้านล่างนี่ที่ปิดเอาไว้คืออะไร?”
จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เกี๊ยวกุ้งผสมข้าวโพด ต้มใหม่ ๆ” นางเอ่ยจบก็หยิบไส้ออกมาให้ทุกคนดู “กุ้งทั้งตัว เกี๊ยวหนึ่งชิ้นห่อกุ้งหนึ่งตัว ไส้เนื้อผสมข้าวโพดชุ่ม ๆ กินกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของข้า ใครกินก็ติดใจ”
ไม่นานโต๊ะทั้งสองตัวนั้นก็มีคนนั่งจนเต็ม บางคนที่ไม่สามารถนั่งได้ก็ถือชามไปนั่งยอง ๆ กินบนพื้นที่โล่งข้างถนน บางคนก็ถึงขนาดเอาชามมาเอง จี้จือฮวนจึงไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงอาหารอร่อยเท่านั้นที่สามารถอยู่ได้จริง ๆ
คนที่ดูถูกจี้จือฮวนว่าวันนี้จะขายของไม่ได้ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
ไม่สิ คนผู้นี้โผล่มาจากที่ใดกัน? เหตุใดถึงรู้วิธีทำของกินมากมายเพียงนี้
แล้วเจียนปิ่งกั่วจือนั่นจะไม่ขายแล้วอย่างนั้นหรือ?
อีกทั้งการค้าก็ดีกว่าเมื่อวานเสียอีก!
เมื่อเทียบกับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่อิจฉาตาร้อนเหล่านั้น คนที่หงุดหงิดที่สุดย่อมเป็นคนขายเจียนปิ่งกั่วจือ เพราะเขาฟังคำยุยงของจุ้ยเซียนจวี่จึงได้มาที่นี่ หลังจากลองอยู่สองวันก็พบว่าแป้งทอดนั้นทำง่ายมาก ไม่มีอะไรยุ่งยาก วันนี้จึงได้มาตั้งร้าน แต่เพิ่งจะขายดีขึ้นมาคนก็หายไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นว่าแมลงวันแทบจะบินมาชนหน้าเขาอยู่รอมร่อ คนขายเจียนปิ่งกั่วจือก็ร้อนใจขึ้นมา จึงเดินตรงเข้ามาแย่งลูกค้าที่กำลังต่อแถวที่ร้านจี้จือฮวน
“นายท่าน รับเจียนปิ่งกั่วจือไหมขอรับ ร้านข้าถูกกว่าอีกนะขอรับ”
เขามาแย่งลูกค้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้ อาอินกลับไม่ได้ใส่ใจอีก เพราะของที่ท่านแม่ทำล้วนอร่อยและมีหลายอย่าง จะทำอย่างไรก็แย่งไม่ได้หรอก!
แล้วก็เป็นจริงดังว่า คนที่ต่อแถวอยู่นั้นถูกรบเร้าจนรู้สึกรำคาญ จึงพูดออกไปตรง ๆ “เจียนปิ่งกั่วจือของเจ้าใส่ไข่ผสมน้ำ ดูไม่สดใหม่เลย แผ่นแป้งก็ไม่กรอบ น้ำจิ้มที่เอามาทานั่นมันอะไรกัน ยังกล้าเอามาเทียบกับของแม่นางจี้อีก หลีกไปซะ”
“ใช่ ฝีมือแค่นี้กลับไปขายบะหมี่ของเจ้าเหมือนเดิมเถอะไป”