เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 37 จ้างในราคาสูง

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 37 จ้างในราคาสูง

เซียวเย่เจ๋อไม่เจออาหารที่ถูกใจในตำบลเล็ก ๆ แห่งนี้ ตอนนี้พอได้ยินว่าหาคนทำไม่เจอ ก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ “ต้องรอนานเพียงใด?”

จางต้าเปียวเห็นบุคลิกท่าทางของคนผู้นี้ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นผู้สูงศักดิ์อย่างแน่นอน จึงไม่กล้าล่วงเกิน “ผู้น้อยก็บอกไม่ได้ขอรับ ต้องลองเสี่ยงดวงดูเพื่อจะเจอ”

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปตามหาเถอะ” เซียวเย่เจ๋อเอ่ยจบ จางต้าเปียวก็รีบออกไปทันที

ตำบลฉาซู่ไม่ใหญ่มากนัก เพราะมีเพียงถนนสองสามเส้นเท่านั้นที่สามารถหาซื้อของได้ เมื่อจางต้าเปียวเดินผ่านภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหล ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา

เจ้าของร้านที่ถูกคนห้อมล้อมอยู่นั้นคือแม่นางน้อยจี้มิใช่หรือ?

“นี่ ๆ ๆ อย่ามาแทรกแถวสิ!” เมื่อเห็นจางต้าเปียวพยายามเบียดเพื่อเข้าไปด้านใน ก็มีคนตะโกนขึ้นมา

จางต้าเปียวจึงเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ไม่ใช่ ข้ามีธุระจะคุยกับแม่นางน้อยจี้ต่างหากเล่า”

จี้จือฮวนจึงได้เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะพบว่าเป็นจางต้าเปียว

“เถ้าแก่จาง” จี้จือฮวนส่งเกี๊ยวให้ลูกค้าคนต่อไปเสร็จ ก็เอ่ยถามขึ้นมา “เนื้อตุ๋นขายหมดแล้วหรือ?”

จางต้าเปียวไม่มีทางมาหานางโดยไม่มีธุระอะไรอย่างแน่นอน และก็ไม่น่าจะเป็นเพราะเรื่องเนื้อสัตว์ด้วย เพราะร้านของเขาน่าจะมีคนเอาสัตว์มาขายให้ไม่ขาด ดังนั้นจึงมีเพียงเหตุผลเดียวนั่นก็คือ เนื้อตุ๋นของนางไปกระตุ้นต่อมรับรสของคนสมัยโบราณเหล่านี้เข้าให้แล้ว

จี้จือฮวนเดาถูก จางต้าเปียวพยักหน้ารับหงึก ๆ ทันที “ยังมีอีกหรือไม่? อ้อ และก็มีคุณชายท่านหนึ่งบอกว่าจะจ้างเจ้าไปเป็นแม่ครัวให้เขาด้วย”

จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “ท่านไม่เห็นหรือว่าข้าขายของดีเพียงใด?”

ระหว่างที่คุยกันนั้น มือของนางก็ยังไม่ได้หยุดเลย

จางต้าเปียวเอ่ยจบ จึงได้สังเกตสถานการณ์โดยรอบ มิน่าเล่าช่วงนี้ถึงไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านบนถนน ที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่กันหมดนี่เอง!

“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ท่านให้คุณชายท่านนั้นมากินข้าวที่นี่ มาลองชิมรสชาติที่ต่างจากเนื้อตุ๋นดูบ้าง”

ดูเหมือนว่าจะมีเพียงวิธีนี้แล้ว!

จางต้าเปียวกลัวว่าผู้สูงศักดิ์จะรอนาน จึงรีบวิ่งกลับไป

เซียวเย่เจ๋อยังตงรออยู่ที่หน้าร้าน เมื่อได้ยินคำพูดที่กระหืดกระหอบของจางต้าเปียว เซียวเย่เจ๋อก็ขมวดคิ้วมองไปทางแถวที่ยาวเหยียดราวกับมังกรนั่น

“คนทำคนนั้นเป็นใครกัน?”

จางต้าเปียวเกาหัวแกรก ๆ “เป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาขอรับ”

เช่นนั้นก็ง่ายแล้ว ให้เงินมากหน่อยก็สามารถพาคนไปได้แล้ว และเหมาทั้งร้านไปเลย

เซียวเย่เจ๋อไม่พูดพร่ำทำเพลงตามจางต้าเปียวไปที่ภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลทันที ทว่าเมื่อจู่ ๆ ก็มีบุคคลสูงศักดิ์เช่นนี้เข้ามา ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียว

ที่สำคัญก็คือ ในตำบลนี้ขนาดม้ายังมีให้เห็นน้อยมาก นับประสาอะไรกับม้าที่ดูน่าเกรงขามเช่นนี้

เห็นได้ชัดว่าเซียวเย่เจ๋อไม่ชอบการที่ถูกชาวบ้านเหล่านี้วิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้นจึงให้องครักษ์ของเขาไปเจรจากับฮวาเซียงเซียงว่าต้องการจะเหมาร้าน

หากเป็นเมื่อก่อน ฮวาเซียงเซียงเจอลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้ก็คงให้เหมาไปแล้ว

แต่ว่าวันนี้จะปล่อยให้คนมาผูกขาดได้อย่างไร แถวที่ต่อกันนี้ก็ยาวเหยียดจนแทบจะไปถึงตอนเย็นอยู่แล้ว อีกทั้งคนเขาก็จ่ายเงินมาแล้วด้วย!

ฮวาเซียงเซียงจึงอยากจะปฏิเสธไปตรง ๆ ว่าไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ จึงได้แค่บอกไปว่าชั้นบนยังมีห้องส่วนตัวอยู่ ขอเชิญลูกค้าไปกินที่ด้านบนได้เลย

เซียวเย่เจ๋อขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็มองดูสถานการณ์รอบ ๆ

ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เขาเองก็หิวมากแล้วจริง ๆ

เมื่อครู่ตอนอยู่ที่หน้าร้านก็ถูกอาหารบนแผงลอยของจี้จือฮวนดึงดูดเรียบร้อยแล้ว ก่อนขึ้นไปชั้นบนเซียวเย่เจ๋อยังเชิดหน้าและเอ่ยสั่งว่า “เอาอาหารบนแผงลอยหน้าประตูมาอย่างละจาน”

“ได้เลยขอรับ” เสี่ยวเอ้อรับคำ

จางต้าเปียวรอจนเซียวเย่เจ๋อขึ้นชั้นบนไปแล้ว จึงได้ดึงฮวาเซียงเซียงมาถาม “ท่านไปรู้จักกับแม่นางน้อยจี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“อย่ามาฉุดกระชากลากถูแบบนี้ พวกเราทำการค้าร่วมกันต้องไปบอกเจ้าด้วยหรือ” ฮวาเซียงเซียงกลอกตามองบน

จางต้าเปียวเกาจมูกเบา ๆ “คิดไม่ถึงว่านางจะมีฝีมือทำอาหารดีเพียงนี้ ที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่ก็ยังไม่เคยมีคนต่อแถวจนยาวถึงขนาดนี้มาก่อนเลย”

“นี่เรียกว่าแค่มีฝีมือที่ไหนกัน หากเจ้ากินแล้วก็จะรู้ว่าอาหารรสเลิศบนสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้เอง เลิกขวางหน้าร้านเราได้แล้ว”

จางต้าเปียวมองดูคนที่เข้ามาในร้านไม่ขาดสาย ในใจก็รู้สึกคันยุบยิบไปหมด

หากว่าเนื้อตุ๋นและกุนเชียงนั้น จี้จือฮวนให้เขาขายเพียงเจ้าเดียวละก็! เช่นนั้นเงินที่ได้จากการขายของพิเศษนี้ ก็ต้องได้ไม่น้อยแน่

พอดีว่าจี้จือฮวนก็อยู่ตรงนี้ด้วย จางต้าเปียวจึงรีบคิดเงินที่ขายได้สองวันนี้ให้นางทันที ทั้งหมดเป็นเงินสามสิบตำลึง

อาอินรับเงินมา จากนั้นก็ยื่นให้จี้จือฮวน

“แม่นางน้อยจี้ เนื้อตุ๋นนั่น ต่อไป…”

“ท่านอยากช่วยข้าขายต่อหรือ?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม

“ใช่ขอรับ แต่ว่าท่านดู…”

“ย่อมได้อยู่แล้ว ยังแบ่งเงินกันเหมือนเดิม แต่ว่าท่านต้องทำสัญญากับข้า เนื้อตุ๋นและกุนเชียงที่ข้าส่งให้ท่าน ห้ามให้คนของภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่แตะ”

การผูกขาดการค้า ไม่ได้มีเพียงภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่ที่ทำเป็น

จางต้าเปียวเดิมก็ไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรกับภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่อยู่แล้ว ฉือชางไห่ผู้นั้นขี้งกอย่างกับอะไรดี ส่วนสัตว์ป่าเขาก็ออกไปกว้านซื้อตามหมู่บ้านเองอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลทันที

“ได้ เช่นนั้นอีกเดี๋ยวข้าไปหาท่าน แล้วเราค่อยทำสัญญากัน”

สัญญาหน้าตาเป็นอย่างไร จางต้าเปียวเองก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรกระมัง

ชั้นบน

เซียวเย่เจ๋อมองไปที่อาหารหน้าตาสวยงามที่วางอยู่บนจาน เขาหยิบตะเกียบและคีบอาหารขึ้นมาด้วยท่าทางสูงส่ง

เดิมเหล่าองครักษ์คิดว่าเซียวเย่เจ๋อจะเขวี้ยงตะเกียบทิ้งด้วยความหงุดหงิดอีกครา เพราะนับตั้งแต่ออกมาจากจวน เซียวเย่เจ๋อก็ไม่ยอมกินข้าวเลยสักมื้อ ทุกครั้งที่ถึงเวลากินข้าวก็มักจะโมโหอยู่ร่ำไป

แต่ใครจะไปคิดว่าเซียวเย่เจ๋อจะกินไปคำแล้วคำเล่า โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแต่อย่างใด

เต้าฮวยที่นุ่มลื่นคอและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ต่อด้วยซาลาเปาน้ำแกงปูอีกสองคำ เซียวเย่เจ๋อแทบอยากจะกินให้หมดภายในคำเดียว จนเมื่ออาหารจานหลักมาถึง ท้องของเซียวเย่เจ๋อก็เกือบจะเต็มแล้ว

แต่เขาก็ยังฝืนใจชิมกับข้าวที่เสี่ยวเอ้อนำมาวางไปหนึ่งคำ

!!!

เหตุใดร้านนี้ถึงทำอะไรก็อร่อยไปหมดเช่นนี้ได้นะ เช่นนี้ภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเป็นร้านเก่าแก่ในตำบล และเป็นภัตตาคารที่มีอาหารอร่อยที่สุดได้อีกอย่างนั้นหรือ?

ช่างหน้าหนาจริง ๆ

ถ้าถามเขา แม้แต่อาหารของห้องเครื่องในวังก็ยังสู้ร้านนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

เซียวเย่เจ๋อกินไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงทำได้เพียงยกให้ทหารองครักษ์ของตัวเอง แล้วก็เป็นไปตามคาด เจ้าพวกนั้นพอได้กินแล้วก็หยุดกินไม่ได้เช่นกัน

“แย่แล้วขอรับ”

มีองครักษ์เข้ามาจากด้านนอก ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของเซียวเย่เจ๋อ “เมื่อครู่เพิ่งได้รับข่าวมาว่าท่านหญิงน้อยพาแม่นมเจียงออกไปข้างนอกอีกแล้วขอรับ”

เมื่อวานก็ได้ยินมาว่าเกือบตายระหว่างทาง แล้วตอนนี้จะไปที่ใดอีกเล่า?

เซียวเย่เจ๋อเดิมคิดจะจ่ายหนัก ๆ เพื่อเอาตัวสาวชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างผู้นั้นไปด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาแล้ว เพราะท่านหญิงน้อยสำคัญกว่า

“ไป”

ขณะที่เซียวเย่เจ๋อเดินไปถึงประตูภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหล เขาก็เผลอหันไปมองจี้จือฮวนเล็กน้อย

สตรีผู้นี้ดูท่าทางอายุยังน้อย รูปร่างผอมบางไปสักหน่อย แถมยังใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้อีก ช่างเถอะ ใครใช้ให้นางฝีมือดีกันเล่า ต่อไปเมื่อเขามาที่จวนก็จะให้นางคอยทำอาหารเตรียมไว้ให้ และเขาจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีแน่นอน

เซียวเย่เจ๋อไปไวมาไว เพียงครู่เดียวก็พาคนออกจากตำบลแล้วไป

แต่เขาก็ตกรางวัลให้ไม่น้อยเลยทีเดียว ฮวาเซียงเซียงจึงจดเอาไว้ในบัญชีของจี้จือฮวนทั้งหมด

รายได้ของภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลในวันนี้ เทียบเท่ากับรายได้ปกติสามเดือนรวมกันเลยทีเดียว จึงทำให้ฮวาเซียงเซียงมีความสุขจนหาที่เปรียบไม่ได้

ส่วนทางด้านภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่เรียกได้ว่าซบเซายิ่งนัก ฉือชางไห่ที่เพิ่งยกถ้วยชาขึ้นมาต้องการที่จะปามันทิ้ง แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็เห็นว่าสิ้นเปลืองเงินทอง จึงวางมันกลับลงไปด้วยความเสียดาย

คิดจะเอาชนะภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่ของเขาอย่างนั้นหรือ? สาวชาวบ้านนั่นคงกำลังฝันอยู่เป็นแน่ เขาจะให้นางได้เห็นถึงความร้ายกาจ เมื่อถึงเวลานางจะต้องมาคุกเข่าขอร้องต่อหน้าเขา และเขาก็จะทำลายมือคู่นั้นของนางทิ้งซะ!

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท