เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 49 อยากกราบเป็นอาจารย์

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 49 อยากกราบเป็นอาจารย์

​เผยจี้ฉือส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าช่วยคนเอาไว้ได้จริงหรือ?”

จี้จือฮวนได้ยินก็รู้สึกขำ “คนยังไม่ตาย แค่ในร่างกายเขามีเสียบางอย่างก็เท่านั้น”

อีกอย่างเพราะมียาหลิงเฉวียนอยู่ด้วย โดยยาหลิงเฉวียนนี้มีสรรพคุณช่วยบำรุง เขาจะต้องหายเร็วกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน

หญิงสูงวัยเห็นท่าทางเมินเฉยของจี้จือฮวน ก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อครู่ได้ล่วงเกินหมอเทวดาท่านนี้ไปแล้ว นางจึงตะคอกออกมาทันที “เซวียเหวิน ยังไม่มาขอโทษอีก”

หลินเซวียเหวินใบหน้าพลันแดงก่ำขึ้นมา เขาอายุปูนนี้แล้วยังต้องมาขอโทษเด็กคนหนึ่ง เขาไม่อยากจะลดตัวเลยจริง ๆ

แต่เขาก็ยังต้องเข้ามาคารวะอยู่ดี คิดไปคิดมาอาจารย์แม่ยังคุกเข่าได้เช่นนั้นเขาจะยืนอยู่ได้อย่างไรกัน ดังนั้นจึงสะบัดเสื้อนอกและคุกเข่าคารวะให้กับจี้จือฮวน “เมื่อครู่เป็นเพราะสถานการณ์คับขัน ข้าจึงเอ่ยคำพูดที่ไร้มารยาทออกมา ขอท่านหมอเทวดาได้โปรดอภัยให้ด้วย”

จี้จือฮวนเพียงแค่รับการคารวะจากเขาเท่านั้น “ไม่เป็นไร ข้าไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิม แค่ทำงานรับเงินก็เท่านั้น”

หวังหงอี้รีบส่งสายตาให้ หลินเซวียเหวินจึงเงยหน้าขึ้น “ท่านต้องการค่ารักษาเท่าใดหรือ?”

“ชั่งน้ำหนักกับชีวิตอาจารย์ของท่านดูก็แล้วกัน” จี้จือฮวนเห็นหลินเซวียเหวินผู้นี้สวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าแพร ดูไม่เหมือนคนไม่มีเงิน

หญิงสูงวัยไม่พูดพร่ำทำเพลงเงยหน้าขึ้นเอ่ยว่า “ท่านหมอ ห้าร้อยตำลึงพอหรือไม่เจ้าคะ?”

หลินเซวียเหวินอึ้งไปทันที “อาจารย์แม่ขอรับ นั่นเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่ท่านมีเลยนะขอรับ”

จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีอ่อนลง “ไม่ต้องมากมายเพียงนั้น ให้ตามราคาที่โรงยาฮุ่ยหมินเสนอก็พอ”

สามีภรรยาคู่นี้อายุมากแล้ว และต้องมีลูกศิษย์คอยดูแลอยู่ข้างกาย อีกทั้งยังเป็นคนมีเหตุมีผล แม้ว่าจี้จือฮวนจะรำคาญหลินเซวียเหวินไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอคติใด ๆ ต่อหญิงสูงวัยผู้นี้

นางจูงเผยจี้ฉือไปรอที่โถงด้านหน้า ไม่นานหวังหงอี้ก็นำเงินมาให้ “แม่นางจี้ เฉียวเหล่าและภรรยาเสียลูกชายไปนานแล้ว หลายปีมานี้มีเงินเก็บไม่มากนัก ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเรียกค่ารักษาไปหนึ่งร้อยตำลึงไม่ทราบว่าพอหรือไม่?”

“ตกลง” จี้จือฮวนรับเงินมาเรียบร้อยก็เตรียมที่จะพาเผยจี้ฉือกลับ แต่จางหยวนเฉียวก็ได้ตามออกมาด้วย “แม่นางจี้ ข้ามีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักอยากจะขอร้อง”

จี้จือฮวนแสดงออกทางสีหน้า พูดเองว่าเป็นคำขอที่ไม่สมเหตุสมผล เช่นนั้นท่านยังจะบังคับใจคนอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?

แต่จางหยวนเฉียวหน้าหนาอยู่แล้ว เขาเลียริมฝีปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมาอย่างฉะฉาน “ข้าขอกราบเจ้าเป็นอาจารย์ได้หรือไม่?”

เมื่อจางหยวนเฉียวพูดออกมาแล้ว ในใจก็รู้สึกปลอดโปร่งเป็นอย่างมาก “ข้ารู้ว่าวิชาแพทย์ของบางคนไม่สามารถเผยแพร่ได้ แต่ข้าคิดว่าหากข้าสามารถเรียนรู้ได้ เช่นนั้นข้าคงจะสามารถช่วยคนได้อีกหลายคนเป็นแน่”

“ข้ารู้แล้ว” จี้จือฮวนคิดไปคิดมาแล้วจึงเอ่ยขึ้นมา “ไม่ต้องกราบข้าเป็นอาจารย์หรอก แต่หากมีปัญหาอะไรท่านก็มาถามข้าได้ตลอดเวลา”

อย่างไรเสียของพวกนั้นก็ไม่ใช่ของ ๆ นาง เป็นความรู้ที่ตกผลึกมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน

จางหยวนเฉียวได้ยินดังนั้นก็ยังไม่ยอม “ไม่ได้ ไม่ได้ อย่างไรซะข้าก็เป็นคนแก่คนหนึ่ง ส่วนเจ้าก็เป็นสตรี หากไม่มีความเกี่ยวพันฉันศิษย์อาจารย์ จะไม่ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านหรอกหรือ?”

เผยจี้ฉือดึงแขนเสื้อของจี้จือฮวนแล้วเอ่ยเสียงเบา “ข้าคิดว่าที่เขาพูดมามีเหตุผล”

คนในหมู่บ้านปากเสียเพียงใด เขารู้ดียิ่งกว่าใคร

จางหยวนเฉียวจึงเอ่ยอย่างมีความสุขขึ้นมา “หากเจ้าไม่อยากให้เอิกเกริก วันหน้าข้าจะจัดโต๊ะจีนสักโต๊ะ กราบเจ้าเป็นอาจารย์แค่พอเป็นพิธีก็ได้แล้ว”

ทว่าจี้จือฮวนก็ยังคงลังเลอยู่ บอกตามตรงว่านางไม่อยากรับศิษย์ และไม่อยากทิ้งร่องรอยการมีตัวตนของนางไว้ในนิยายเรื่องมากเกินไปนัก

เพราะนางต้องจากไปสักวัน

หวังหงอี้กลอกตาไปมา ในใจก็คิดเหมือนกับจางหยวนเฉียว หากมีฝีมือทางการแพทย์เช่นจี้จือฮวน โรงยาฮุ่ยหมินจะต้องเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นั่นจะเป็นเรื่องที่ดีเพียงใดกัน

“แม่นางจี้ ในเมื่อท่านหมอจางเอ่ยปากแล้ว ข้าคิดว่าต่อไปหากมีโรคหายากอะไร ไม่ทราบว่าจะขอเชิญแม่นางมาตรวจดูอีกจะได้หรือไม่ ท่านวางใจได้ ค่ารักษาจะต้องได้คุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน”

เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน จี้จือฮวนก็ตาเป็นประกายขึ้นมา “หากมีโรคที่รักษาไม่ได้ก็สามารถไปหาข้าได้ แต่ข้าขอบอกเอาไว้ก่อนนะว่า ไม่ใช่ว่าโรคอะไรข้าก็จะรักษาได้หมด หมอเทวดาฉายานี้ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอกนะ”

หวังหงอี้เห็นว่านางไม่ได้มีท่าทางแข็งกร้าวใด ๆ ก็รู้สึกโล่งใจ “แม่นางจี้วางใจได้ หากไม่มีอะไรเกินกำลัง พวกเราจะไม่ไปรบกวนท่านอย่างแน่นอน”

จี้จือฮวนไม่ได้ตอบตกลงใด ๆ เรื่องที่จะรับจางหยวนเฉียวเป็นศิษย์ แต่ตัวจางหยวนเฉียวกลับยกให้จี้จือฮวนเป็นอาจารย์ของตัวเองแล้ว ทั้งยังเรียกคนรับใช้ให้บอกคนขับรถม้าไปส่งจี้จือฮวนสองคนแม่ลูกกลับบ้านอย่างกระตือรือล้นอีกด้วย

เผยจี้ฉือไม่วางใจจึงหาโอกาสถามเกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องยาพิษ จางหยวนเฉียวอาศัยตอนที่รอบข้างไม่มีใครเอ่ยเสียงเบาออกมา “เรื่องยาพิษข้ายังหาให้อยู่ตลอด ทว่าตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร แต่ข้ามั่นใจเรื่องหนึ่ง นั่นคือพิษนี้ไม่ใช่ของจงหยวน1อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่ข้าจะไม่รู้จักแน่”

สีหน้าของเผยจี้ฉือเต็มไปด้วยความกังวล “รบกวนท่านปู่จางแล้วขอรับ”

“ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เจ้าก็นับว่าเป็นศิษย์น้องเล็กของข้าเช่นกัน กลับไปก่อนเถอะ” จางหยวนเฉียวมองจี้จือฮวนด้วยความเอียงอายพลางเอ่ยว่า “อาจารย์ค่อย ๆ เดินนะขอรับ วันหน้าข้าจะขอไปฝากท้องที่บ้านท่านอีกนะขอรับ”

จี้จือฮวน นี่ต่างหากคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของท่านใช่หรือไม่!

รถม้าเพิ่งไปได้ไม่นาน เฉียวเจิ้งถงก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา หลินเซวียเหวินรีบออกมาตามคนไปดูอาการ จางหยวนเฉียวสอบถามอาการเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นมา “ไม่เป็นไร ๆ พักผ่อนที่โรงยาของเราสักสามสี่วันก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว ประเดี๋ยวข้าจะเขียนสิ่งที่ต้องระวังหลังจากนี้ใส่กระดาษให้พวกเจ้าเอากลับไปด้วย”

เฉียวเจิ้งถงถามด้วยความอ่อนแรง “ไม่ทราบว่าท่านหมอเทวดาที่เมื่อครู่ช่วยข้าไว้ยังอยู่หรือไม่?”

จางหยวนเฉียวแค่นเสียงเย็นชาออกมา “ถามลูกศิษย์ตัวดีของเจ้าดูสิ แค่ไม่ถูกเขาทำให้โมโหจนตายก็ไม่เลวแล้ว”

เฉียวเจิ้งถงได้ฟังที่ภรรยาเล่าแล้ว หลินเซวียเหวินจึงรีบคุกเข่ายอมรับผิดพร้อมเอ่ยว่า “ศิษย์เพียงเป็นห่วงมากเกินไปจนไร้สติ ขออาจารย์ได้โปรดลงโทษด้วยขอรับ”

เฉียวเจิ้งถงส่ายหน้าอย่างระอา “ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามีนิสัยมุทะลุเกินไป รอร่างกายข้าแข็งแรงแล้ว ข้าจะไปขอโทษนางด้วยตัวเอง”

จางหยวนเฉียวลูบหนวดพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “เด็กคนนั้น…อาจารย์ข้าคงไม่อยากได้คำขอโทษของพวกเจ้าหรอก แต่ว่าพวกเจ้าเปิดสำนักศึกษาไม่ใช่หรือ บ้านนางมีลูกสามคน พวกเจ้าคิดเอาเองก็แล้วกันว่าควรจะตอบแทนนางเช่นไร”

จางหยวนเฉียวคิดว่าตัวเองได้ชี้ทางให้แล้ว

ครั้งก่อนที่ไปบ้านครอบครัวเผย เห็นลูกชายคนโตคนนั้นอ่านหนังสือด้วยแสงไฟสลัว ๆ อยู่ในห้องครัว เห็นแล้วช่างปวดใจยิ่งนัก เด็กน้อยถูกเลี้ยงดูอย่างดี รักสะอาด รู้จักมารยาท ที่สำคัญกว่านั้นก็คือพูดจามีเหตุมีผล หากปล่อยไว้ในหมู่บ้านมิเท่ากับหมดสิ้นอนาคตหรอกหรือ?

ฮูหยินเฉียวที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ๆ เด็กคนนั้นข้าเห็นแล้ว เติบโตมาได้ดีทีเดียว อายุก็เข้าเรียนได้พอดี หากเริ่มเรียนตอนนี้ก็ยังไม่สาย”

หลินเซวียเหวินจึงเข้าใจได้ทันที “ศิษย์จะไปสืบหาที่อยู่เดี๋ยวนี้ขอรับ แล้วจะไปเชิญเขามาเรียนด้วยตนเอง อาจารย์วางใจได้”

จางหยวนเฉียวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความพอใจ รักษาคนหนึ่งชีวิต แลกกับการที่ลูกได้เรียนสำนักศึกษาที่ดีที่สุด ก็นับว่าไม่ขาดทุนแล้ว

อีกด้านหนึ่ง รถม้าวิ่งมาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว

จี้จือฮวนลงจากรถม้า ก็พบว่าพวกชาวบ้านยังไม่ได้ไปไหน ยังจับกลุ่มซุบซิบนินทากันอยู่

เมื่อเห็นนางกลับมาก็กรูกันเข้ามา “สะใภ้ตระกูลเผย เจ้ารักษาคนได้จริงหรือ?”

“นั่นสิ ไปรักษาใครมาหรือ?”

จี้จือฮวนอุ้มเผยจี้ฉือลงมา เด็กน้อยทำสีหน้าไม่พอใจเหมือนต้องการจะบอกว่า ข้าโตแล้ว ต้องให้คนอุ้มอีกอย่างนั้นหรือ จึงไม่ว่างสนใจชาวบ้านแต่อย่างใด

กลับเป็นคนรับใช้ของโรงยาฮุ่ยหมินที่ตะโกนออกมา “แม่นางจี้เป็นหมอเทวดานะ วิชาการแพทย์สูงส่งอย่าบอกใครเชียว”

“จริงหรือ ไม่ได้โม้ใช่หรือไม่?”

จี้จือฮวนรักษาคนได้ ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ

[1] จงหยวน (中原) หมายถึงพื้นที่ภาคกลางของจีน

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท