ตอนที่ 65 เจ้าคิดจะมาเทียบกับคนอย่างข้าอย่างนั้นหรือ?
เฉินเย่าจงเองก็อยากเขียน แต่ว่าเขาไม่สามารถขยับได้ เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหลินเซวียเหวินจะรู้จักลายมือของเผยจี้ฉือ
เฉินเย่าจงหยิบพู่กันขึ้นด้วยมืออันสั่นเทาท่ามกลางสายตาของทุกคน ส่วนอีกด้านนั้นเผยจี้ฉือกลับเขียนเสร็จแล้ว แววตาแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน เฉินเย่าจงเห็นแล้วในใจก็ร้อนราวกับไฟ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
คางคกขึ้นวอ เผยจี้ฉือนั่นมันคางคกขึ้นวอ เขาต้องสมรู้ร่วมคิดกับอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาชิงอวิ๋นแน่ ถึงได้มารังแกเขาเช่นนี้
“เย่าจง เจ้าเขียนสิ!” คนในหมู่บ้านต่างก็ร้อนใจ ทุกคนต่างก็ตั้งความหวังกับเขาไว้สูง หวังว่าหากเขาเจริญก้าวหน้าแล้ว ภายภาคหน้าจะได้อยู่ดีกินดีตามเขาไปด้วย
ดังนั้นในทุกปี ๆ หากครอบครัวเฉินต้องการความช่วยเหลืออะไร ทุกคนต่างก็จะกระตือรือร้นมาช่วยในทันที
ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก ในที่สุดเฉินเย่าจงก็ล้มลงและหมดสติไป
“เย่าจง!” เฉินไคชุนและคนในครอบครัวเฉินรีบพุ่งเข้าไป “รีบเรียกหมอเร็ว เรียกหมอสิ”
“พวกเจ้าจะบีบให้เย่าจงของพวกเราตายอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่เล็กจนโตเย่าจงเคยเจอเรื่องเช่นนี้ที่ไหนกัน!” หยวนซื่อร้องตะโกนออกมา
หวังกุ้ยฟางเองก็โกรธแค้นจี้จือฮวนมาก “ถ้าลูกชายข้าเป็นอะไรไปล่ะก็ ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าเอาไว้แน่”
จี้จือฮวนปรายตามองเฉินเย่าจงด้วยสายตาเย็นชา “โอ๊ะ เป็นลมถูกเวลาดีจริง ๆ”
ชาวบ้านต่างก็ส่ายหน้าอย่างอับอาย ต่อให้พวกเขาจะลำเอียงเข้าข้างเฉินเย่าจง แต่เวลานี้ก็ได้รู้ความจริงแล้วว่า เฉินเย่าจงเอากระดาษคำตอบของเผยจี้ฉือมาจริง ๆ
ต่อให้คนเขาไม่ใช้เทียบเชิญเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นส่งมา อาศัยแค่ทำข้อสอบก็สามารถเข้าสำนักศึกษาได้แล้ว
คนครอบครัวเฉินเหตุใดจึงเป็นโจรขี้ขโมยเช่นนี้ได้?!
นี่ยิ่งกว่าการขโมยเงินทองเสียอีก
เจิ้งหลี่เจิ้งไม่ได้แซ่เฉิน ดังนั้นการที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นมารับนักเรียนในชนบท หากถูกเฉินเย่าจงทำเละแล้วล่ะก็ ต่อไปหากไม่มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้อีกจะทำอย่างไร?
เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาทันที “อาจารย์ใหญ่หลิน ท่านว่าเรื่องนี้?”
“ในเมื่อความจริงกระจ่างแล้ว ท่าทีของเขาก็ชัดเจน นิสัยอย่างเฉินเย่าจงข้าไม่มีทางให้เขาเข้าสำนักศึกษาเด็ดขาด วันนี้ขโมยชื่อของคนอื่น เอาเทียบเชิญและของขวัญของคนอื่นไป ภายหน้าก็ต้องขโมยกระดาษคำตอบของคนอื่นเป็นแน่ ถึงเวลาคอขาดขึ้นมา ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้ทั้งหมู่บ้านไปด้วย”
หลินเซวียเหวินเอ่ยขึ้นมา ทำให้คนในหมู่บ้านต่างตกใจทันที สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งหมู่บ้านเชียวนะ เช่นนี้ใครยังจะกล้าปกป้องเขาอีก!
“เย่าจงของพวกเจ้าไม่มีความสามารถก็อย่าเป็นขโมยสิ ทำให้หมู่บ้านตระกูลเฉินของเราอับอายขายหน้าจริง ๆ”
“นั่นน่ะสิ ภายหน้าข้าแทบไม่กล้าบอกใครว่าข้าแซ่เฉินแล้ว อ่านหนังสือตั้งแต่เช้าจนดึก อ่านได้อะไรมากัน”
เสียงตำหนิดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เฉินเย่าจงหลับตาแน่น ราวกับมีฝ่ามือมากมายตบลงบนหน้าของเขา
เจิ้งหลี่เจิ้งเองก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ “เช่นนี้ก็แล้วกันขอรับท่านอาจารย์ใหญ่ เรื่องนี้ค่อนข้างรุนแรง เฉินไคชุนมีนิสัยเช่นนี้ หากเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ข้าจะปรึกษากับผู้อาวุโสของหมู่บ้านตระกูลเฉิน ถึงเวลาก็ให้เลือกหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ ส่วนเย่าจงเขายังเด็ก ท่านสามารถให้โอกาสเขาสักครั้งได้หรือไม่ขอรับ”
หลินเซวียเหวินเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึงทันที “ข้าไม่ใช่ผู้เสียหาย ข้าไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้”
หากจะถามก็ต้องถามเผยจี้ฉือ
คนของครอบครัวเฉินเมื่อได้ยินว่าจะถูกถอดออกจากตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน ก็รู้สึกอยากจะตายขึ้นมา ไหนเลยยังจะสนใจเรื่องอื่นอีก
เจิ้งหลี่เจิ้งมองเผยจี้ฉือแล้วเอ่ยออกมา “เด็กน้อย เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”
ความจริงแล้วเผยจี้ฉือไม่สนใจว่าเฉินเย่าจงจะเข้าสำนักศึกษาหรือไม่ และสิ่งที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นจะสามารถสอนเขาได้ ก็แค่สิ่งที่เขาเคยเรียนมาแล้ว แต่คนครอบครัวเฉินกลับมารังแกแม่เลี้ยงและน้อง ๆ ของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจะต้องให้บทเรียนแก่พวกเขาซะบ้าง
“ให้เฉินเย่าจงเขียนจดหมายสำนึกผิดแขวนไว้ที่ทางเข้าหมู่บ้าน ให้คนของครอบครัวเฉินขอโทษครอบครัวของข้า แล้วข้าจะอภัยให้เขา”
บทลงโทษนี้สำหรับเฉินเย่าจงแล้ว สู้ฆ่าเขาให้ตายยังจะดีเสียกว่า
จี้จือฮวนอดไม่ได้ที่จะจุดเทียนไว้อาลัยให้เฉินเย่าจง เพราะเขาเป็นคนที่หยิ่งยโสเช่นนี้ ความอัปยศทางจิตใจเป็นสิ่งที่รับได้ยากที่สุด ถึงเวลาคนของหมู่บ้านตระกูลเฉินก็จะไม่มีใครสนใจเขาอีก กลายเป็นเพียงหนูข้างถนนก็เท่านั้น
ใครใช้ให้เขาล่วงเกินตัวการใหญ่เข้าเล่า!
เจิ้งหลี่เจิ้งได้ฟังบทลงโทษก็คิดว่าสมควรแล้ว ไม่นับว่ามากเกินไป ดูท่าเผยจี้ฉือคนนี้ก็เป็นคนดีไม่น้อย มีเมตตาและโอบอ้อมอารี เพราะเรื่องนี้หากว่าตามโทษขั้นร้ายแรง การจะยึดสิทธิ์ถงเซิงของเฉินเย่าจงก็สามารถทำได้
“เฉินไคชุน ได้ยินหรือยัง ยังไม่มาขอโทษอีก!” เจิ้งหลี่เจิ้งตะคอกขึ้นมา
เฉินไคชุนแค้นใจจนอยากจะตายเสียให้ได้ ยังต้องขอโทษครอบครัวของพวกเขาต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านอีกอย่างนั้นหรือ สู้ให้เขาตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า เขาจึงทำคอแข็งและไม่ยอมพูดอะไร
เผยจี้ฉือถอนหายใจออกมา แล้วหันไปเอ่ยกับชาวบ้านทุกคน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เด็กเช่นข้าก็คงทำอะไรไม่ได้ มิสู้ส่งพวกเขาให้ทางการจัดการก็แล้วกัน ถึงเวลาจะเนรเทศก็ดี ยกเลิกฐานะถงเซิงของเฉินเย่าจงก็ช่าง ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะตัดสินใจได้แล้ว”
เฉินไคชุนคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะร้ายแรงเช่นนี้ เย่าจงจะไม่ได้เป็นถงเซิงอีกได้อย่างไรกัน!?
เผยจี้ฉือมองเฉินไคชุนด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “ไม่ต้องขอโทษแล้ว อย่างไรซะข้าก็ไม่ใช่คนครอบครัวเฉินของพวกท่าน และนี่ก็ถือเป็นความผิดของข้าเอง พวกท่านเอาของข้าไป คิดทำร้ายแม่เลี้ยงของข้า ด่าว่าน้องชายและน้องสาวของข้าก็สมควรแล้ว เพราะข้าไม่ได้แซ่เฉินก็เท่านั้น”
เขาอายุยังน้อยแต่สามารถยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้นได้ เทียบกับเฉินเย่าจงที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของครอบครัวแล้ว เพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนของหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่อาจทนได้อีก
ชีวิตของครอบครัวเผยลำบากมามาก ทุกคนต่างก็เห็นอยู่ว่าพวกเขายากจนเพียงใด แม้ตอนนี้จี้จือฮวนจะดีขึ้นแล้ว รู้จักหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว แต่ว่าสามีที่อยู่ในบ้านก็ยังไม่ฟื้น นางช่างเป็นสตรีที่มีชีวิตที่ลำบากจริง ๆ
แต่เมื่อหันไปมองดูครอบครัวเฉิน กลับเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุดในหมู่บ้านแล้ว แต่ยังบีบให้คนหมดหนทางอีก
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา “เฉินไคชุนไม่สมควรที่จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีก วันนี้เขาสามารถทำเช่นนี้กับคนอื่นได้ วันหน้าหากลูกของพวกเราได้ดีขึ้นมา ก็ต้องยกความดีความชอบให้เฉินเย่าจงอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัว ทุกคนต่างก็กลายเป็นวีรบุรุษผู้ผดุงความยุติธรรมขึ้นมาทันที
“แซ่เฉินไม่แซ่เฉินอะไรกัน ในหมู่บ้านคนแซ่อื่นก็มีเยอะแยะไป ไม่มีเหตุผลที่จะรังแกคนอื่นเช่นนี้ได้ เฉินไคชุนจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เย่าจงก็ต้องขอโทษ ไม่อย่างนั้นหมู่บ้านตระกูลเฉินของพวกเราก็จะต้องอับอายขายหน้าไปด้วย”
“ใช่แล้ว ครอบครัวเผยทำผิดอะไร อาฉืออายุยังน้อย คนเขาจิตใจดียอมยกโทษให้พวกเจ้า เจ้ายังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?”
“ขอโทษครอบครัวเผยซะ!”
เมื่อมีคนลุกขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่หลี่ต้าจ้วงก็ร่วมตะโกนด้วยเช่นกัน ถึงแม้เขาจะเป็นอันธพาลในหมู่บ้าน แต่เพราะเฉินเย่าจงถึงทำให้แม่ของเขาด่าว่าเขาไปด้วย เขาอดทนเจ้าเฉินเย่าจงผู้นี้มานานมากแล้ว
เฉินไคชุนถูกทุกคนโจมตี ส่วนหวังกุ้ยฟางและหยวนซื่อยังไม่ยอมรับผิด แต่เมื่อคิดว่าต้องไปขึ้นศาลและยังมีอนาคตของเฉินเย่าจงเป็นเดิมพัน พวกเขาก็จำต้องยอม
เมื่อเห็นคนครอบครัวเฉินก้มหน้าลงยอมรับผิดด้วยความอับอาย เผยจี้ฉือก็ค่อย ๆ เดินไปตรงหน้าของเฉินเย่าจง อีกฝ่ายมองเขาจนหนังตากระตุกไม่หยุด จากนั้นเขาก็ย่อตัวลงแล้วเอ่ยที่ข้างหู “คนขี้ขลาด เจ้าคิดจะมาเทียบกับคนอย่างข้าอย่างนั้นหรือ”
ก็แค่คางคกในท่อน้ำทิ้ง แค่สัมผัสเล็กน้อยก็กลัวว่าจะทำให้มือของตัวเองสกปรก
เฉินเย่าจงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เผยจี้ฉือลุกขึ้นแล้ว พร้อมดวงตากระจ่างใส “ขอบคุณลุงป้าน้าอาทุกท่านที่ช่วยพูดให้กับครอบครัวพวกเรา ขอบคุณท่านอาจารย์ใหญ่หลินที่ช่วยคืนความยุติธรรมให้ขอรับ”
ท่าทางสง่าผ่าเผย ใบหน้าหล่อเหลา รู้จักแยกแยะเช่นนี้ พวกเขาประเมินครอบครัวเผยต่ำไปจริง ๆ!
.
.
.