ตอนที่ 66 พ่อแม่ของอาฉือ
การกระทำเช่นนี้ของเผยจี้ฉือทำให้พวกเขาอับอายไม่น้อย
เผยจี้ฉือสวมบทผู้บริสุทธิ์ได้ดี จนกระทั่งเรื่องทั้งหมดจบลง ตอนที่จะพาพวกหลินเซวียเหวินกลับไปที่บ้าน เหล่าชาวบ้านก็ยังได้เข้ามาขอโทษเขาอีกด้วย
หากจี้จือฮวนไม่รู้จักนิสัยของเขาจากในนิยาย คงคิดว่าเด็กคนนี้น่าสงสารมากจริง ๆ
แต่นางรู้ดีว่าเผยจี้ฉือหาได้สนใจที่จะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นไม่ หรือจะเรียกว่าไม่อยู่ในสายตาก็ว่าได้ โดยเฉพาะตอนที่หลินเซวียเหวินคืนเทียบเชิญเข้าเรียนให้เขา แววตาของเขาไม่มีความยินดีที่ได้คืนมาแต่อย่างใด แววตาคู่นั้นกลับสงบเรียบนิ่ง ราวกับบ่อน้ำที่ไร้ระลอกคลื่น
เมื่อกลับมาถึงบ้าน จี้จือฮวนก็เข้าไปในห้องครัวและรินชาส้มผสมน้ำผึ้งที่ทำเองให้หลินเซวียเหวินและคนอื่น ๆ
มีช่องว่างมิติและที่ดินด้านใน อยากได้ผลไม้ของฤดูกาลไหนก็สามารถปลูกได้ จี้จือฮวนจึงพอใจกับฟังก์ชันนี้มาก
ชาผลไม้นี้นอกจากพวกเด็ก ๆ จะชอบดื่มแล้ว หลินเซวียเหวินและเฉียวฮูหยินก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แต่พวกเขาไม่ใช่คนเห็นแก่กิน เพียงแค่เอ่ยขอโทษเรื่องที่ครั้งก่อนได้เสียมารยาทต่อจี้จือฮวน และหวังว่าต่อไปจี้จือฮวนจะไม่ถือสาเรื่องบาดหมางครั้งเก่า และหากผู้อาวุโสเฉียวไม่สบายตรงไหนอีก หวังว่าจี้จือฮวนจะช่วยไปดูให้บ้าง
จี้จือฮวนเองก็เป็นคนชอบใช้ไม้อ่อน แน่นอนว่านางไม่คิดจะสร้างศัตรูไปทั่ว หากหลังจากนี้เมื่อเหล่าตัวร้ายน้อยจากไปแล้ว นางยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไป ดังนั้นการสร้างมิตรไว้ได้ย่อมดีกว่า
“ตกลง”
เมื่อได้ยินคำสัญญาของจี้จือฮวน หลินเซวียเหวินและเฉียวฮูหยินต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดูท่าแม่นางจี้ผู้นี้ไม่เพียงมีฝีมือการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังใจกว้างมากอีกด้วย
หลังจากคุยเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินเซวียเหวินก็ต้องรีบกลับ เพราะผู้อาวุโสเฉียวที่อยู่ที่บ้านยังรอคนกลับไปดูแลอยู่ พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่นานได้
เมื่อมาถึงหน้าประตู หลินเซวียเหวินจึงเอ่ยกับเผยจี้ฉือขึ้นมา “เรื่องเรียนหนังสือเจ้าลองคิดให้ดี ๆ เพราะไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแม้แต่เหวินเดียว”
เผยจี้ฉือพยักหน้ารับ หลินเซวียเหวินอดไม่ได้ที่จะลอบพยักหน้ากับตัวเอง เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาได้ไม่เลว สุขุม อ่อนโยน เพียงแต่ดูมีความร้ายกาจแฝงอยู่ ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือไม่
รอจนกระทั่งส่งคนกลับไปหมดแล้ว อาชิงก็บ่นออกมาเป็นคนแรก “ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว”
อาอินเองก็เอ่ยด้วยความโมโห “นั่นน่ะสิ ทุเรศสิ้นดี เอาของพวกเราไปแล้วยังกล้าเรียกพวกเราไปกินเลี้ยงอีก สุดท้ายเรื่องกลับตาลปัตรจนคิดไม่ถึงเลยล่ะสิ”
อาอินพูดไปก็มุ่ยปากเล็ก ๆ ด้วยความโมโห นาน ๆ ครั้งที่นางจะทำท่าทางน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงเช่นนี้
“พวกเจ้าไปเปลี่ยนชุดกันก่อน ข้าจะเข้าครัวไปทำของกินให้พวกเจ้า”
อาชิงย่อมวิ่งดุกดิกตามนางไปอยู่แล้ว ตามท่านแม่ไปถึงจะมีของอร่อยกิน เขาจะกินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ
เผยจี้ฉือยืนอยู่ในลานบ้านนิ่ง ๆ ไม่ยอมขยับอยู่ครู่หนึ่ง หากว่าเขาไปเรียนหนังสือ มันจะส่งผลต่อการตามหาองครักษ์ลับของเขาที่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน แต่หากไม่เรียนล่ะ แม่เลี้ยงจะยอมอย่างนั้นหรือ?
อาอินชะโงกหน้าออกมาก็เห็นจี้จือฮวนเข้าไปในห้องครัวแล้ว จึงได้ดึงเผยจี้ฉือแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ท่านจะไปเรียนหรือไม่?”
เผยจี้ฉือมองน้องสาวเล็กน้อย อ้าปากพะงาบ ๆ “ข้ายังคิดอยู่”
“ข้าคิดว่าท่านไปเรียนหนังสือเถอะ ท่านชอบอ่านหนังสือขนาดนั้น อย่างไรซะตอนนี้ที่บ้านเราก็มีเงินแล้ว ท่านพ่อก็มีท่านแม่คอยดูแล และการที่ท่านมักจะออกไปตามหาองครักษ์ลับ หากพวกเขายังอยู่คงมาหาท่านพ่อนานแล้ว” อาอินเอ่ยจบ เผยจี้ฉือก็ผงะไปเล็กน้อย
“เจ้ารู้ได้อย่างไร…..”
อาอินเม้มริมฝีปาก “ข้าไม่ได้โง่เหมือนอาชิง ที่วัน ๆ รู้แต่เรื่องกิน ท่านออกไปแต่เช้ากลับมาก็มืดแล้ว บางครั้งก็ไม่ได้กลับมาตั้งหลายวัน จนถูกรองเท้ากัดไปหมด”
อาอินพูดถึงตรงนี้ ดวงตาก็มีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย “ข้าไม่อยากให้ท่านลำบากเช่นนั้นอีกแล้ว พวกเขาไม่ต้องการท่านพ่อแล้ว แต่ท่านพ่อยังมีพวกเรา หากท่านตั้งใจเรียนหนังสือภายภาคหน้าก็จะสามารถดูแลท่านพ่อได้นะเจ้าคะ”
เผยจี้ฉือถอนหายใจออกมา มองดูน้องสาวแต่กลับปฏิเสธอยู่ในใจ
ต่อให้เรียนหนังสือ อย่างมากก็แค่ได้เข้าไปในสำนักฮั่นหลิน หากคิดจะล้างแค้นให้ท่านพ่อ ล้างแค้นให้ตัวเอง เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกลนัก
แต่แผนการที่เป็นความลับเหล่านี้ เขาไม่อยากให้อาอินรู้
“พี่ใหญ่จะลองคิดดู เจ้าไปช่วยท่านแม่ทำอาหารเถอะ”
ในบ้าน อาอินดูไฟได้ดีที่สุด อาชิงแรงน้อย บางครั้งก็ทำให้เสียเรื่องอีกด้วย
คืนนั้นจี้จือฮวนทำข้าวห่อไข่ง่าย ๆ ให้เด็กทั้งสามคน พร้อมทั้งราดน้ำจิ้มมะเขือเทศลงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นพวกเขากินอย่างเอร็ดอร่อย จี้จือฮวนก็พอใจเป็นอย่างมาก
อืม นี่คงจะเป็นความสุขของการได้เลี้ยงดูสินะ
รอจนกระทั่งกินเสร็จแล้วจี้จือฮวนก็เตรียมเก็บจานชาม แต่อาอินกลับเป็นฝ่ายบอกให้นางนั่งลง พลางหยิบจานชามไปล้างที่ห้องครัวเสียเอง ส่วนอาชิงก็ไปตักน้ำร้อนมาให้จี้จือฮวนเช็ดเนื้อเช็ดตัว เผยจี้ฉือหยิบพัดมาไล่ยุงและแมลงภายในห้องด้วยความเคยชิน จากนั้นก็ปูผ้าห่มของนางให้เรียบร้อย
สีหน้าปกติของเด็กทั้งสามคนทำให้จี้จือฮวนรู้สึกเหมือนได้รับการดูแลอย่างไรอย่างนั้น
ในตอนกลางคืน จี้จือฮวนรู้สึกว่ามีคนกำลังลูบมือของตัวเองอยู่ นางลืมตาขึ้นด้วยความระแวง แต่กลับพบว่าเป็นเผยจี้ฉือ
เห็นได้ชัดว่าเผยจี้ฉือก็คิดไม่ถึงว่าจี้จือฮวนจะตื่นขึ้นมา เขาจึงชักมือกลับด้วยท่าทางประดักประเดิด
จี้จือฮวนลุกขึ้น มองอาอินและอาชิงที่กำลังหลับอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “มีอะไรหรือ?”
เผยจี้ฉือเบนสายตาหนีด้วยความขัดเขิน “ข้าเห็นว่าบนมือเจ้ามีตุ่มนูน ข้าก็เลยทายาบำรุงผิวให้เจ้า”
เขาเอ่ยจบก็ใช้หางตากวาดมองจี้จือฮวน เห็นท่าทางมึนงงของนาง จึงยัดยาใส่มือของนาง “ในเมื่อเจ้าตื่นแล้ว เช่นนั้นเจ้าทาเองก็แล้วกัน”
เผยจี้ฉือเอ่ยจบก็ล้มตัวลงนอนซุกเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง แม้แต่หัวก็มุดเข้าไปด้วย
จี้จือฮวนมองดูเขาครู่หนึ่ง อ้อ ที่แท้ก็ทาครีมที่มือให้นางนี่เอง จะว่าไปแล้วมือคู่นี้ของนางตั้งแต่ก่อนทะลุมิติมาจนถึงตอนนี้ ไม่สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นมือที่สวยงาม ที่ง่ามนิ้วโป้งมีตุ่มนูนมากมาย และเดิมทีเจ้าของร่างเดิมก็ทำงานหนักมากอยู่แล้ว
คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนละเอียดรอบคอบ ก่อนหน้านี้นางเห็นเขาแอบเข้าไปที่ร้านเครื่องแต่งหน้า ยังคิดว่าไปซื้อของให้อาอินเสียอีก
แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีของของนางด้วย
หลังจากจี้จือฮวนทายาเสร็จแล้ว ก็ขยับเข้าไปใกล้เผยจี้ฉืออีกเล็กน้อย “นอนหรือยัง?”
เผยจี้ฉือไม่สนใจนาง
“ขอบใจ”
ใบหูของเขาพลันแดงเรื่อขึ้นมาทันที
จี้จือฮวนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ข้าลองไปสืบดูมาแล้ว สำนักศึกษาชิงอวิ๋นเป็นสำนักศึกษาที่ดีที่สุดของที่นี่ อาจารย์ที่อื่นน่าจะไม่สามารถสอนเจ้าได้ ไปเรียนเถอะ ที่บ้านมีข้าคอยดูแลอยู่แล้ว”
เผยจี้ฉือกำหมัดแน่น และกำลังคิดจะบอกนางว่าเขาไม่อยากไป จี้จือฮวนก็เอ่ยเตือนขึ้นมาเสียก่อน “ต่อให้เจ้าจะฉลาดเพียงใด ความรู้ก็เป็นสิ่งที่เรียนได้ไม่สิ้นสุด แม้ในใจจะมีเรื่องที่ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่เราก็ต้องมีความสามารถที่จะไปเอาคืนเสียก่อน”
เผยจี้ฉือเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ในใจของเขากลับหวั่นไหวขึ้นมา
ใช่แล้ว ศัตรูของเขายิ่งใหญ่จนตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถสั่นคลอนได้
จี้จือฮวนห่มผ้าให้เขาเรียบร้อยแล้ว ก็ลูบหลังของเขาเบา ๆ กล่อมจนเขาหลับไป
แสงจันทร์ที่สว่างไสวส่องเข้ามาภายในห้อง ส่องให้เห็นใบหน้าที่คล้ายกันของเผยยวนและเผยจี้ฉือราวกับคัดสำเนามาก็มิปาน
จี้จือฮวนจ้องมองทั้งคู่อยู่สักพัก นางแทบจะมั่นใจว่าอาฉือกับเผยยวนต้องมีความเกี่ยวพันทางสายเลือดอย่างแน่นอน เช่นนั้นพ่อแม่แท้ ๆ ของเขาเป็นใครกัน
เผยยวนมีชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดา เช่นนั้นพ่อแม่ของอาฉือก็ไม่น่าจะมีฐานะที่ต่ำต้อย
จี้จือฮวนเริ่มคิดว่าเผยยวนจะมีพี่ชายที่เกิดจากอนุที่ตายไปหรือไม่ คิดอยู่สักพักก็ฝืนหนังตาเอาไว้ไม่ไหวอีก จึงได้นอนหลับไปตรงกลางระหว่างทั้งสองคน
อย่างไรเสียไม่ว่าภายหน้าจะเป็นอย่างไร นางมาที่นี่เพื่อพวกเขา ดังนั้นไม่มีทางมองดูพวกเขามีจุดจบที่น่าอนาถเหมือนในนิยายอย่างแน่นอน
.
.
.