ตอนที่ 82 ความจริงเกี่ยวกับการแต่งงาน
ท่านหญิงน้อยเลือกด้วยตัวเอง กล่องของขวัญก็ย่อมต้องทำมาจากไม้จินสื่อหนาน*
* ไม้จินสื่อหนาน (金丝楠木) ต้นไม้ชนิดหนึ่งเนื้อไม้มีลายเหมือนดิ้นทอง นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์
คนชนบทไหนเลยจะรู้ พวกเขาเอ่ยออกมาด้วยความดีอกดีใจ “กล่องนี้ดูเหมือนจะมีค่ามาก ไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้”
เซียวเย่เจ๋อกลอกตามองบนจนแทบจะเหลือแค่ตาขาว “พวกเจ้าอย่าทำเสียหายล่ะ”
เหล่าเติ้งและพวกคนงานรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ใครอยากจะได้กัน มาเพราะอยากช่วยต่างหากเล่า
อาอินที่เช็ดมือและเดินออกมา เห็นผู้ชายหลายคนกำลังช่วยกันยกกล่องแค่ใบเดียว เมื่อถามดูแล้วจึงได้รู้ว่าเป็นของขวัญที่หย่งหนิงเอามาให้
อาอินจึงรับช่วงต่อ “ให้ข้าจัดการเองเถอะ”
จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นเด็กห้าขวบคนหนึ่ง ยกกล่องเข้าไปในห้องโถงอย่างสบาย ๆ
เซียวเย่เจ๋อ “…”
นี่มันตัวประหลาดอะไรกันล่ะนี่!
หย่งหนิงเยี่ยมชมห้องใหม่ของอาชิงเสร็จแล้ว ก็วิ่งดุกดิกเข้ามาเปิดกล่องออก ของดีมากมายด้านใน เมื่อสะท้อนกับแสงก็ส่องประกายระยิบระยับ
อาชิงอุ้มถ้วยแก้วเคลือบใบหนึ่งขึ้นมา “อันนี้ดี เมื่อวานตอนกินข้าว เมี้ยวเมี้ยวทำชามกระเบื้องแตกไปใบหนึ่ง ข้าเสียดายอยู่ตั้งนาน อันนี้สวย เอาไว้ใส่อาหารให้มัน”
เมี้ยวเมี้ยว เมี้ยวเมี้ยวเป็นใครกัน?
เซียวเย่เจ๋อมองดูอาชิงวิ่งผ่านหน้าตัวเองไป จากนั้นก็เอาถ้วยแก้วเคลือบที่เป็นของบรรณาการวางไว้บนพื้น ก่อนจะอุ้มลูกเสือตัวเล็กที่ยังเดินไม่แข็งตัวหนึ่งมา
เซียวเย่เจ๋อรู้สึกราวกับว่าเลือดได้ไหลมาจุกอยู่ที่ลำคอ
“หย่งหนิง ของพวกนี้ให้พวกเราหมดเลยอย่างนั้นหรือ?” อาอินถาม
“ใช่แล้ว พวกเจ้าชอบหรือไม่ ข้ารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ต้องโทษหลานชายที่ไม่เอาไหนของข้า ที่ใช้เงินไปวัน ๆ ไม่เห็นเขาจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์เลย” หย่งหนิงถลึงตาใส่เซียวเย่เจ๋อด้วยความรู้สึกขายหน้า
อาอินหยิบภาพหนึ่งขึ้นมา “ภาพนี้สวยมากเลย ที่ห้องครัวมีรูอยู่พอดี ข้าจะเอามันไปแขวนน่าจะปิดรูได้พอดี”
เซียวเย่เจ๋อ “พรวด”
อาอินมองไปทางเซียวเย่เจ๋อ ก่อนจะเอ่ยด้วยความรังเกียจ “อายุยังน้อยแต่กระอักเลือดเสียแล้ว ดื่มน้ำแกงโสมให้มาก ๆ สักหน่อยเล่า”
เซียวเย่เจ๋อฝืนพยุงตัวกับโต๊ะเพื่อปรับลมหายใจ จากนั้นก็เห็นเผยจี้ฉือออกมาจากห้องหนังสือ สายตาของเขาไล่มองของที่อยู่ในกล่อง ก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ แล้วเอ่ยออกมา “สิ้นเปลืองแล้ว”
ของเหล่านี้พวกน้อง ๆ อาจมองไม่เห็นค่า แต่เมื่อก่อนเผยจี้ฉือมักจะเห็นของพวกนี้ในห้องเก็บของที่จวนอยู่บ่อย ๆ เขารู้ว่าล้วนแต่เป็นของดี เพียงแต่เหตุใดเซียวเย่เจ๋อถึงต้องเอามาให้พวกเขาด้วย?
แต่เซียวเย่เจ๋อเองก็ไม่ได้ขาดของพวกนี้ เมื่อเห็นเผยจี้ฉือพูดเช่นนี้ จึงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ท่านอาน้อยของข้ามาเป็นแขกก็ต้องเอาของขวัญติดไม้ติดมือมาบ้าง เจ้าเลือกของที่ชอบและเอาไปใช้เถอะ จริงสิ ชานมนั่นช่วยเอามาให้ข้าสักหน่อย”
เขายอมสละของดีมากมายเพียงนี้ หากไม่ได้ดื่มชานมคงจะไม่ได้หรอกนะ
เผยจี้ฉือจึงตอบกลับไปว่า “ที่ห้องครัวยังมีอยู่”
เซียวเย่เจ๋อเองก็ไม่เกรงใจ เขาต้องกินของที่สดใหม่ และต้องได้ชิมทุกรสชาติ ดังนั้นเขาจึงเลี้ยวและเดินตรงไปที่ห้องครัวทันที เมื่อไปถึงก็เจอเข้ากับฟางจวิ่นเหมย
ฟางจวิ่นเหมยจ้องเซียวเย่เจ๋อเขม็ง สวรรค์ บุรุษรูปหล่อมาจากที่ใดกัน สะอาดสะอ้านเพียงนี้ ที่หมู่บ้านรอบ ๆ คงหาไม่เจอแน่
เซียวเย่เจ๋อขมวดคิ้ว “จี้จือฮวนเล่า?”
“หาข้าหรือ?” เสียงอันเย็นชาดังมาจากด้านใน สายตาของเซียวเย่เจ๋อมองข้ามฟางจวิ่นเหมยไป ก็เห็นว่ามีสตรีอีกคนที่ยืนอยู่หน้าเตา
นางสวมชุดกระโปรงสีเขียว รูปร่างเพรียวบาง เผยให้เห็นข้อมือที่บอบบาง ทว่าเมื่อมองไล่ขึ้นไปด้านบน ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของเซียวเย่เจ๋อก็นิ่งงัน
นาง ๆ ๆ ๆ เหตุใด…เหตุใดบนหน้าก็มีรอยสีเขียวคล้ำ ทั้งยังมีรอยแผลด้วยเล่า!
วันนี้จี้จือฮวนอยู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่ได้สวมผ้าปิดหน้า
ฟางจวิ่นเหมยเดิมเห็นว่าเจ้าเด็กคนนี้หน้าตาดี ก็คิดว่าเป็นสหายของครอบครัวเผย ไหนเลยจะรู้ว่าเขาจะไร้มารยาทเช่นนี้ มาจ้องหน้าสตรีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
“นี่ เจ้ามองหน้าน้องสาวข้าเช่นนี้ทำไมกัน?” ฟางจวิ่นเหมยถามเสียงดุ
เซียวเย่เจ๋อจึงได้สติขึ้นมา ก่อนรีบก้าวเข้าไปในห้องครัว “จี้จือฮวน เจ้า…”
เขาหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะเลียริมฝีปากและเอ่ยออกมา “เจ้าตามข้าออกมา!”
น้ำเสียงนี้ราวกับรู้จักกันมาหลายปีอย่างไรอย่างนั้น
จี้จือฮวนนึกสงสัย นางจึงวางทัพพีลงและเอ่ยกับฟางจวิ่นเหมย “พี่สะใภ้ ช่วยดูชานมให้ข้าทีนะเจ้าคะ”
“ได้เลย” ฟางจวิ่นเหมยเดินกลับเข้าไป แต่ตอนที่เดินผ่านจี้จือฮวนก็ได้เอ่ยเตือนขึ้นเล็กน้อย “เจ้าเด็กนั่นท่าทางแปลก ๆ เจ้าระวังตัวด้วยล่ะ มีอะไรก็ตะโกนขึ้นมาได้เลย”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
เซียวเย่เจ๋อหาที่สงบ ๆ ที่หนึ่ง เวลานี้ทุกคนต่างก็ล้อมวงกันอยู่ในลานบ้าน จึงไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา
เขาหันกลับมาจ้องหน้าของจี้จือฮวน พลางชี้หน้านางและเอ่ยขึ้นมา “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ คนของจวนจี้กั๋วกงบอกว่าเจ้าแต่งงานไปอยู่ที่อื่นแล้ว การที่เจ้าเข้าใกล้ข้ามีจุดประสงค์อะไร?”
เซียวเย่เจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ “ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ ในเมื่อยกเลิกการหมั้นหมายแล้ว เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้แต่งกับข้าอีก”
จี้จือฮวนเมื่อได้ยินเขาเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าของร่างเดิมเคยมีคู่หมั้นอยู่คนหนึ่งจริง ๆ ด้วย
นั่นก็คือเซียวซื่อจื่อของจวนอู่อันโหว นางคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเซียวเย่เจ๋อ อีกทั้งในนิยาย เซียวซื่อจื่อผู้นี้ยังเป็นแหล่งรายได้หลักของนางเอกอีกด้วย
ในนิยายเขียนเอาไว้ว่า ตระกูลเซียวเคยแต่งงานกับลูกสาวของพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดของต้าจิ้น ต่อมาภายใต้การดูแลของลูกหลานตระกูลเซียว ความมั่งคั่งของพวกเขาก็เกินกว่าจินตนาการของทุกคนไปมาก การค้าขยายไปหลากหลายกลุ่ม ไม่มีกิจการร้านค้าใดที่ตระกูลเซียวไม่มี
และสุดท้ายเซียวซื่อจื่อก็มอบทรัพย์สมบัติของครอบครัวทั้งหมดให้กับนางเอก และเงินเหล่านี้ก็กลายเป็นคลังเล็ก ๆ ที่นางเอกเอาไว้ช่วยพระเอกให้ขึ้นครองบัลลังก์
สรุปแล้วก็คือ เป็นตัวประกอบที่สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย น่าอนาถยิ่งนัก
“เหตุใดเจ้าถึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้ ข้าบอกเจ้าเอาไว้เลยนะ เจ้าอย่าคิดว่าทำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นไม่กี่อย่าง แล้วข้าจะเอาเจ้า”
“พูดจบหรือยัง?” จี้จือฮวนเอ่ยขัดคำพูดของเขา
เซียวเย่เจ๋อสะอึกขึ้นมาทันที “เจ้าทำท่าทางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ใครบอกว่าข้าเป็นฝ่ายเข้าใกล้เจ้า เจ้าเป็นคนมาหาเองไม่ใช่หรือ ไม่อยากอยู่ เจ้าก็ไสหัวไปได้เลย” จี้จือฮวนหันหน้าหนีและเดินจากไป
ดูจากท่าทีของเซียวเย่เจ๋อก็รู้ได้ทันที ว่าตอนที่เจ้าของร่างเดิมอยู่ที่ตระกูลจี้ หากมีคนของจวนอู่อันโหวมาถามไถ่ยามเทศกาลบ้าง นางก็คงไม่มีชีวิตที่น่าอนาถเช่นนั้น
เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไว้หน้าเขาอีก
เซียวเย่เจ๋อโมโหเป็นอย่างมาก สตรีอัปลักษณ์นั่นกล้าไล่เขาอย่างนั้นหรือ?
“นี่ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
จี้จือฮวนหันไปเอ่ย “จวนจี้กั๋วกงบอกเจ้าว่าอย่างไร?”
“บอกว่าเจ้าไม่คู่ควรกับข้า จึงให้เจ้าแต่งกับลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ของเจ้าแทน คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้เรื่องนี้ ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าคงไม่ใช่คนที่นี่หรอกกระมัง?”
เซียวเย่เจ๋อรู้สึกยากที่จะเชื่อ เพราะจี้จือฮวนผู้นี้อย่างไรเสียก็เป็นถึงคุณหนูลูกภรรยาเอกของจวนกั๋วกง เหตุใดถึงถูกจับให้แต่งงานกับผู้ชายบ้านนอกได้!
“ข้าถูกคนบังคับยัดขึ้นเกี้ยวมา ลูกพี่ลูกน้องอะไรข้าไม่รู้ และไม่คิดที่จะเข้าใกล้เจ้าด้วย เจ้ามีทางเลือกสองทาง ไม่ไสหัวไปก็หุบปากซะ” จี้จือฮวนเอ่ยจบก็กลับไปที่ห้องครัวทันที
“เจ้า…นี่มันท่าทีเช่นไรกัน?” เมื่อเซียวเย่เจ๋อเห็นว่านางไม่หันกลับมาจริง ๆ ก็เดินไปที่ลานบ้านด้วยความโมโห เตรียมให้คนไปจากที่อัปมงคลเช่นนี้ทันที
แต่จนใจที่หย่งหนิงไม่เล่นด้วย พูดอย่างไรก็ไม่ยอมไป
จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้สนใจเขา นางเข้าไปในห้องครัวเอาน้ำแข็งไสที่โปะด้วยผลไม้ที่ทำเสร็จแล้วออกมา
นี่เป็นเครื่องดื่มเย็นสำหรับเด็ก ๆ กินตอนที่อากาศร้อน ๆ ดีที่สุด
“แต่กินได้นิดหน่อยเท่านั้นนะ” จี้จือฮวนเอ่ยเตือน
บนชั้นของน้ำแข็งไสถูกปกคลุมไปด้วยถั่วแดงและถั่วเขียว ผลไม้ต่าง ๆ ที่หั่นบาง ๆ และเสิร์ฟพร้อมนม เนื่องจากหย่งหนิงแพ้นมจึงกินไม่ได้ แต่ก็ยังมีขนมน้ำตาลไอซิ่งที่ทำเสร็จแล้ว ตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่ให้กินด้วย เมื่อเด็กน้อยได้กินแล้วก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นจี้จือฮวนทำน้ำแข็งไสให้ทุกคน แต่ตัวเองแม้แต่ชานมก็ไม่ได้กิน อดีตคู่หมั้นอย่างเซียวเย่เจ๋อจึงเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ “ของข้าเล่า?”
.
.
.