บทที่ 84 จี้หมิงซูไม่ใช่คนดีจริง ๆ ด้วย
เซียวเย่เจ๋อตะคอกเสร็จ ทั้งสองต่างก็นิ่งไป เขาเอ่ยด้วยท่าทางอึกอัก “เป็นเพราะเจ้าโง่เขลา ข้าเพียงแค่แสดงความหวังดีตามประสาคนปกติทั่วไปเท่านั้น เจ้าอย่าคิดว่าเพราะข้าเป็นห่วงเจ้า”
“นี่เป็นบ้านของข้า ข้าใช้เงิน ใช้ความคิดในการซ่อมแซมตกแต่งมัน เงินทุกเหวินข้าล้วนหามาอย่างยากลำบาก เหตุใดข้าต้องหนีด้วย?” จี้จือฮวนเอ่ยเสียงเรียบ
เซียวเย่เจ๋อขมวดคิ้ว “เจ้านี่มันช่างโง่เขลาจริง ๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้น้องสาวของเจ้ามีหน้ามีตาเพียงใด บุตรีภรรยาเอกเช่นเจ้า เหตุใดถึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้?”
จี้จือฮวนไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้โมโหยิ่งกว่านางเช่นนี้ “ข้าไม่สนใจเรื่องของนาง”
นางเอกมีชีวิตสุขสบายน่าแปลกตรงไหน ต่อไปนางยังจะได้เป็นฮองเฮาอีกด้วย ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ส่วนนางก็แค่ใช้ชีวิตที่ดีของนางไปก็พอ แต่หากว่ามายุ่งกับชีวิตของนางเมื่อใดละก็ จี้จือฮวนก็จะทำให้นางได้รู้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงได้มีสีแดงเช่นนั้น
เซียวเย่เจ๋อได้ยินดังนั้นก็มองจี้จือฮวนด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่ว่านางไม่สนใจ แต่คงกลัวว่าหากฟังแล้วจะปวดใจมากกว่ากระมัง?
เฮ้อ เป็นลูกสาวของจี้กั๋วกงเหมือนกัน แต่เพราะเกิดมาขี้เหร่จึงถูกคนเหยียบย่ำเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?
เซียวเย่เจ๋อเมื่อครู่ยังรู้สึกว่าการที่แบ่งให้นางสี่ส่วนยังมากเกินไปอยู่เลย มาตอนนี้เขากลับคิดว่าจะให้นางหกส่วนตัวเองเอาสี่ส่วนก็พอ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ขาดแคลนเงินทองแค่เล็กน้อยแค่นี้อยู่แล้วมิใช่หรือ
จี้จือฮวน “?”
นี่มันสายตาอะไรของเจ้ากัน
โชคดีที่ระหว่างที่คุยกันนั้น ตู้แช่แข็งแบบแข็งเร็วในช่องว่างมิติก็ทำไอศกรีมเสร็จพอดี
จี้จือฮวนหมุนตัวไปและแสร้งทำเป็นหยิบออกมาจากโอ่ง ในชามไอศกรีมได้แข็งตัวแล้ว และมีไอเย็นสีขาวลอยออกมา จากนั้นจี้จือฮวนก็หยิบช้อนไม้ทรงกลมมาตักไอศกรีมสองสามลูกจากในชาม ก่อนแบ่งใส่ชามคริสตัลที่เซียวเย่เจ๋อเอามาให้ และโปะด้วยผลไม้และน้ำผึ้งอีกนิดหน่อย พร้อมกับเพิ่มไข่มุกที่ใส่ชานมไม่หมดลงไปด้วย
เพียงเท่านี้ไอศกรีมรวมมิตรก็เสร็จแล้ว จี้จือฮวนย่อมใจกว้างกับบ่อเงินบ่อทองของตัวเองอยู่แล้ว จากนั้นยังได้เด็ดใบสะระแหน่มาวางไว้ด้านบนเพื่อความสวยงาม แล้ววางช้อนเล็ก ๆ ที่ทำอย่างประณีตลงไป “ลองชิมดูสิ”
เซียวเย่เจ๋อรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ประจบสอพลอเก่งทีเดียว เพราะก่อนที่จะทำการค้าร่วมกัน ยังเทชานมให้สุนัขกินแทนที่จะให้เขากินอยู่เลย ทว่าตอนนี้เมื่อทำสัญญากันแล้ว เขากับได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นตามไปด้วยจริง ๆ
เขาจะลองชิมดูสิว่าไอศกรีมนี้จะอร่อยสักแค่ไหนกัน คุ้มค่ากับส่วนแบ่งที่มากเพียงนั้นหรือไม่
เซียวเย่เจ๋อตักเข้าปากไปหนึ่งคำใหญ่ กลิ่นนมที่หอมหวานและเข้มข้นก็กระจายออกมาทันที เม็ดน้ำตาลทรายแดงที่เข้มข้นและมีเนื้อละเอียดเข้ากันดีกับไอศกรีมที่หวานแต่ไม่เลี่ยน แถมยังสดชื่นและคลายร้อนได้ดีอีกด้วย ทันใดนั้นรสชาติที่หาที่เทียบไม่ได้ก็ระเบิดขึ้นในปาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออากาศร้อน ในห้องครัวก็จะยิ่งอบอ้าว เขาคุยกับจี้จือฮวนเพียงครู่เดียว เหงื่อก็ไหลออกมาตามร่างกาย เวลานี้เสื้อตัวในของเขาล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แต่เมื่อกินไอศกรีมนี้เข้าไป มันช่าง…มันช่าง…
เขาไม่รู้ว่าจะบรรยายเช่นไรดี
จี้จือฮวนเห็นเขาอ้าปากค้าง ผ่านไปนานก็ยังไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว จึงได้เอ่ยขึ้นมา “เย็นไปถึงข้างใน กินแล้วรู้สึกมีความสุขใช่หรือไม่?”
เซียวเย่เจ๋อพยักหน้ารัว ๆ “ใช่ เป็นความรู้สึกแบบนั้นแหละ”
น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก สตรีผู้นี้เป็นสมบัติล้ำค่าจริง ๆ เหตุใดถึงทำของที่อร่อยเช่นนี้ออกมาได้นะ!
แม่ครัวในวังหลวงยังไม่สามารถเทียบชั้นกับนางได้เลย
จะว่าไปแล้วฝีมือการทำอาหารของจี้จือฮวนก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก แต่เป็นเพราะอาหารที่ทำออกมานั้นแปลกใหม่ สำหรับในโลกนิยายที่อาหารค่อนข้างจืดชืดและมีวิธีการทำอาหารแค่ไม่กี่อย่าง ดังนั้นจี้จือฮวนจึงได้รวบรวมประวัติศาสตร์อาหารกว่าห้าพันปีเข้าด้วยกัน เพื่อเปิดประตูสู่โลกใบใหม่
จี้จือฮวนกลัวว่าไอศกรีมจะละลาย จึงรีบตักไปให้เหล่าองครักษ์ของเซียวเย่เจ๋อ ส่วนพวกเหล่าเติ้ง พวกเขาได้กินทุกวันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องรีบร้อนที่จะกินในวันนี้
แน่นอนว่านางได้รับคำชมอย่างเป็นเอกฉันท์จากทุกคน บวกกับชานมนั่นช่างน่าทึ่งจริง ๆ
“แม่นางจี้ ของนี่ท่านคิดจะให้คุณชายของเราเอาไปขายที่เมืองหลวงใช่หรือไม่ขอรับ” องครักษ์ถาม
“ใช่แล้ว”
ในเมื่อเซียวเย่เจ๋อมีดินประสิว เช่นนั้นของตามฤดูกาลเช่นนี้ก็ให้เขาเอาไปขายจึงเหมาะสมที่สุด
ทางด้านฮวาเซียงเซียงเองก็จะสามารถหาประโยชน์จากตระกูลเซียวได้ด้วย โดยการรับน้ำแข็งมาทำไอศกรีมและชานมแบบเย็นขายที่ภัตตาคาร
มีตระกูลเซียวเป็นผู้หนุนหลังรายใหญ่ การค้าน้ำแข็งนี้จึงจะสามารถอยู่ได้นาน มิฉะนั้นวัดเล็กแค่ถูกลมพัดก็ปลิว เรือเล็กเจอคลื่นซัดก็จมหาย สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย
“ข้าว่าต้องทำเงินได้มากแน่นอนขอรับ!”
“พวกเจ้ารู้สึกว่ามีตรงไหนต้องปรับปรุงก็เรียกอาฉือได้เลย บอกความคิดเห็นให้เขารู้ แล้วข้าจะลองปรับปรุงดู”
มีอาหารหลากหลายประเภทหลากหลายรูปแบบ จึงจะสามารถมัดใจลูกค้าได้
เซียวเย่เจ๋อกินไม่กี่คำไอศกรีมก็หมดแล้ว น่าเสียดายที่เขาอยากกินอีก แต่พบว่าที่เหลือเหล่าองครักษ์ของเขาได้กินไปหมดแล้ว!
เจ้าเด็กพวกนี้นี่
เซียวเย่เจ๋อเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ก็ยังปลดป้ายของตัวเองให้ “นี่เป็นป้ายของจวนอู่อันโหวของข้า ต่อไปทำการค้าร่วมกันแล้ว มีสิ่งนี้ทำอะไรจะได้สะดวก”
จี้จือฮวนเองก็ไม่เกรงใจ ตอนนี้นางกำลังเป็นที่สนใจในตำบลฉาซู่ ไม่แน่เจ้าฉือชางไห่ผู้นั้นอาจคิดมิดีมิร้ายขึ้นมา มีคนคอยช่วยเช่นนี้จะไม่เกาะเอาไว้ได้อย่างไร นางไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย
“ขอบใจมาก” จี้จือฮวนยัดเข้าไปในถุงเงิน
ท่านหญิงน้อยกินน้ำแข็งไสเสร็จ ก็เดินจูงมือกับอาชิงไปเล่นของเล่น ส่วนพวกเหล่าเติ้งกินเสร็จแล้วก็ไปทำงานต่อ เหล่าองครักษ์เองเมื่อกินของของคนอื่นไปแล้วก็ไม่อาจมองดูอยู่เฉย ๆ ได้ จึงเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าไปช่วยงานเสียเอง
ทันใดเซียวเย่เจ๋อก็ว่ารู้สึกไม่มีอะไรทำ จึงได้ไปเดินเล่นในลานบ้านของครอบครัวเผย
เห็นจี้จือฮวนไปรองน้ำจากท่อ จากนั้นก็ไปให้อาหารหมู ไปรดน้ำดอกไม้ ทันใดนั้นในใจของเขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เกรงว่าชีวิตนี้จี้หมิงซูคงจะไม่รู้กระมัง ว่าคอกหมูหน้าตาเป็นเช่นไร?
มีสิทธิ์อันใดกัน ก่อนที่จี้จือฮวนจะถอนหมั้น นางก็เป็นถึงว่าที่ฉายาซื่อจื่อของจวนอู่อันโหวเชียวนะ แต่จวนจี้กั๋วกงกับปฏิบัติต่อนางเช่นนี้อย่างนั้นหรือ แสดงว่าไม่เห็นตระกูลเซียวของพวกเขาอยู่ในสายตาเลย
เฮอะ จี้กั๋วกงตัวดี!
เซียวเย่เจ๋อตัดสินใจจะคิดบัญชีกับพวกเขา
ยังมีจี้หมิงซูผู้นั้นอีกคน วัน ๆ เอาแต่จัดงานกวี จัดงานชมดอกไม้อยู่แต่ในเมืองหลวง จนฉายาอัจฉริยะหญิงโด่งดังไปทั่ว ถ้ามีเวลาว่างขนาดนั้น เหตุใดถึงไม่มาดูบ้างว่าพี่สาวตัวเองใช้ชีวิตเช่นไร!?
“อย่ามาขวางทาง” เสียงใส ๆ ของเด็กผู้หญิงดังขึ้น
“อ่อ” เซียวเย่เจ๋อขยับเท้าเล็กน้อย เห็นอาอินที่ทำความสะอาดขี้ไก่เสร็จแล้ว และกำลังจะไปผ่าฟืน
เซียวเย่เจ๋อจึงตามไปด้วย “เจ้าหนู”
อาอินจึงหันไปเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “มีอะไร?”
“อย่างไรซะข้าก็เป็นแขกของครอบครัวเจ้า เจ้าช่วยสุภาพกับข้าหน่อยจะไม่ได้เลยหรือ”
“อ่อ เช่นนั้นเจ้าจะทำอะไร?”
“…” เซียวเย่เจ๋อหลับตาลง
ข้าจะอดทนเอาไว้
“อะแฮ่ม พ่อเจ้าอยู่ที่ใด?” เซียวเย่เจ๋อถามออกมา
เขาต้องไปดูว่าบุรุษที่แต่งงานกับจี้จือฮวนแท้จริงแล้วพิการเช่นไรกันแน่
อาอินมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย”
“เฮอะ เจ้าเด็กบ้านี่”
อาอินจึงสะบัดหน้าหนีทันที
เผยยวนคือคนที่ครอบครัวนี้ต้องปกป้อง ช่วงเวลานี้ในบ้านมีคนงานอยู่เยอะ จึงไม่ได้อุ้มเขาออกมาตากแดด แต่ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าไปดูได้
โดยเฉพาะเศรษฐีอย่างพวกเซียวเย่เจ๋อ ไม่แน่อาจจะเกี่ยวข้องกับคนในราชสำนัก อาอินไม่ได้โง่ยอมให้เขาไปเจอเผยยวนเด็ดขาด
ชีวิตในตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นมา ใครก็ตามที่มีอันตรายต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
“หยาบคาย ป่าเถื่อน” เดิมนางเป็นถึงว่าที่ภรรยาของเขา ทว่าตอนนี้กลับต้องมาเป็นแม่เลี้ยงให้ลูกคนอื่น เซียวเย่เจ๋อจึงรู้สึกคลื่นไส้ราวกับกินขี้ไก่ไปหนึ่งคำอย่างไรอย่างนั้น แต่จี้จือฮวนผู้นั้นกลับดูมีความสุข ดูจากความมุ่งมั่นในการสร้างบ้านของนาง ราวกับได้อยู่ในเรือนหลังใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
เซียวเย่เจ๋อจึงตัดสินใจลงไปเดินเล่นด้านล่าง จะได้ไม่โมโหจนตายอยู่ในบ้านของพวกเขาไปเสียก่อน!