บทที่ 86 สตรีที่ไม่รู้คุณคน
พวกเซียวเย่เจ๋ออยู่จนกระทั่งกินข้าวเย็นเสร็จแล้วจึงได้กลับ เพราะเขาต้องรีบไปจัดการเรื่องการค้าน้ำแข็ง
“ข้าไปก่อนนะ” เขาเอ่ยจบก็ดึงบังเหียนม้า และเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์ทันที
ครั้งนี้จี้จือฮวนยืนส่งบ่อเงินบ่อทองของตัวเองพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า เหลือก็แค่พูดว่า ‘โอกาสหน้าเชิญใหม่นะเจ้าคะ’ เท่านั้น
เมื่อยืนส่งทุกคนหายลับไปหมดแล้ว ทั้งครอบครัวจึงได้จับมือกันเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังเล็กอย่างมีความสุข
วันนี้มีองครักษ์มาช่วย ห้องน้ำจึงสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ข้าง ๆ ห้องโถงนั่นเอง และยังแบ่งห้องเล็ก ๆ เอาไว้ทำห้องส้วมอีกด้วย แยกเป็นส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ทั้งสะอาดทั้งเย็นสบาย
จี้จือฮวนพอใจเป็นอย่างมาก คืนนี้ก็สามารถอาบน้ำอย่างสบายใจได้แล้ว
แม้แต่ท่านป้าเองเมื่อสำรวจดูเล็กน้อยก็ยังพยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมต่อแถวอาบน้ำด้วยคน
ส่วนอาชิงเมื่อถอดเสื้อผ้าเองเสร็จแล้ว ก็วิ่งแก้ผ้าอุ้มถังไม้ใบน้อยไปที่ห้องอาบน้ำ “อาชิงอาบน้ำตัวจะได้หอม ๆ”
นับตั้งแต่ที่จี้จือฮวนเป็นคนอาบน้ำให้อาชิง เขาก็ไม่ให้เผยจี้ฉืออาบให้อีกเลย อาอินเองก็ตามใจน้องชาย “ข้าจะไปต้มน้ำร้อนก่อน”
คืนนี้ต้องอาบน้ำให้เต็มที่ไปเลย!
จี้จือฮวนมองไปทางเผยจี้ฉือ “จะอาบน้ำกับอาชิงหรือไม่?”
เผยจี้ฉือใบหน้าแดงเรื่อ พลางเดินไปที่ข้างประตู “ข้าโตแล้ว เหตุใดต้องให้คนอื่นช่วยอาบให้อีก”
ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความค่อนขอดอาชิง
แต่อาชิงหาได้สนใจไม่ เขายังหยิบเป็ดไม้แกะสลักตัวเล็กที่จี้จือฮวนสั่งให้เจิ้งต้าเฉียงทำเอาไว้ใส่ไปในถังอาบน้ำด้วย
เป็ดน้อยนั่นตรงกลางจะกลวง ความจริงแล้วมันคือขันตักน้ำอันเล็กนั่นเอง เมื่อหยิบขึ้นมายังสามารถเปลี่ยนเป็นฝักบัวใช้สระผมได้ด้วย
“ข้าชอบอาบน้ำ อาบแล้วผิวดี๊ดี โอ๊ะโอโอ~ ระวังตัวหมัดออกมา ฟองสบู่มากมาย~”
เผยจี้ฉือ “…”
ท่านแม่ก็จริง ๆ เลย วัน ๆ เอาแต่สอนเพลงประหลาดพวกนี้ให้อาชิง!
อาชิงอาบน้ำไปสะบัดน้ำใส่จี้จือฮวนไปด้วย หลังจากที่นางอาบน้ำให้เจ้าก้อนนุ่มนิ่มเสร็จ ก็ห่อเขาด้วยผ้าฝ้ายสะอาดและพาไปส่งที่ห้อง
จากนั้นก็รอให้คนทั้งบ้านอาบน้ำเสร็จหมดแล้ว จี้จือฮวนจึงได้ไปอาบเป็นคนสุดท้าย
ขณะกำลังแช่อยู่ในถังอาบน้ำ พร้อมกับทายาบนใบหน้าให้ตัวเอง และเพลิดเพลินกับการอาบน้ำที่มีกลีบดอกไม้ลอยอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงเกือกม้า
จี้จือฮวนดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาทันที ดึกดื่นป่านนี้ใครกันที่จะเข้ามาในหมู่บ้านที่ยากจนเช่นนี้?
จี้จือฮวนจึงลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า ก่อนจะเปิดประตูห้องอาบน้ำออก ส่วนคนที่อยู่นอกรั้วบ้านก็คือเซียวเย่เจ๋อที่ย้อนกลับมานั่นเอง
เห็นได้ชัดว่าเซียวเย่เจ๋อเองก็อาบน้ำเสร็จแล้วถึงได้กลับมา เพราะเสื้อที่สวมใส่ไม่ใช่ชุดเดิมกับเมื่อตอนกลางวัน
เขาลงมาจากหลังม้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้จี้จือฮวนตื่นตกใจ นางกำลังยืนถือเคียวสบตากับเขาอยู่ในลานบ้าน
เซียวเย่เจ๋อรู้สึกเย็นวาบที่ลำคอขึ้นมาทันที เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “เจ้าถือเคียวทำไมกัน?”
จี้จือฮวนวางเคียวลง “ดึก ๆ ดื่น ๆ เจ้ามาทำไมกัน?”
เซียวเย่เจ๋อเม้มปากเล็กน้อย “เอานกเหยี่ยวล่าเหยื่อมาให้เจ้าตัวหนึ่ง ต่อไปต้องทำการค้าร่วมกัน จะให้ข้าส่งคนมาที่ทุรกันดารเช่นนี้และไปกลับทุกวันก็คงไม่ได้ มีเรื่องอะไรก็ให้มันส่งข่าวไปให้ข้าก็พอ นี่เป็นเหยี่ยวที่ตระกูลเซียวของข้าฝึกเอง”
เซียวเย่เจ๋อเอานกเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวหนึ่งออกมาจากกรงบนหลังม้า ดูเหมือนมันจะอายุยังไม่มาก เรียกได้ว่าเพิ่งจะบินเป็นได้ไม่นานก็ว่าได้
จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงใจเขาเช่นกัน นางรับนกเหยี่ยวล่าเหยื่อมา ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “เจ้ามาเพราะเรื่องแค่นี้หรือ?”
ต้องมากลางดึกด้วยอย่างนั้นหรือ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาส่งก็ได้ไม่ใช่หรือ?
เซียวเย่เจ๋อสะอึกไปเล็กน้อย เขาเองก็ไม่อยากมานักหรอก ปกติเวลานี้เขามักจะพักผ่อนไปนานแล้ว
แต่เมื่อหลับตาลง ภาพที่นางทำงานอยู่ในห้องครัวอย่างเหน็ดเหนื่อยก็ผุดขึ้นมา เขาเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อไม่สบายใจย่อมไม่สามารถนอนหลับได้ลง
จึงได้หาข้ออ้างแล้วพุ่งตัวมา ทว่าสุดท้ายนางก็ยังไม่รับน้ำใจไว้อีก
เซียวเย่เจ๋อเกาหัวเบา ๆ น้ำเสียงก็แข็งกระด้างขึ้น “ข้าไปล่ะ”
“อ่อ กลับดี ๆ นะ”
“…” เซียวเย่เจ๋อเกือบจะกระอักเลือดออกมา
สตรีที่ไม่รู้คุณคนผู้นี้นี่จริง ๆ เลย
เขาเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาด้วยความโมโห “นี่ ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกมาได้เลย เห็นแก่ที่พวกเราสองครอบครัวเป็นมิตรกัน ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
“อ่อ” จี้จือฮวนกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น
คราวนี้เซียวเย่เจ๋อจึงโมโหขึ้นมาจริง ๆ แล้ว เขาโมโหมากจนตาแทบจะเหลือกขึ้นด้านบน!
เขาดึงสายบังเหียนและโหนตัวขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนจะถลึงตาใส่จี้จือฮวน คำด่าทั้งหลายผุดขึ้นมาในสมองของเขาหมดแล้ว
จี้จือฮวนครุ่นคิดสักพัก เจ้าเด็กคนนี้ทำหน้าตาเหมือนต้องการคำขอบคุณนี่มันเรื่องอะไรกัน แต่ในที่สุดนางก็ตัดสินใจเอ่ยออกไป “ขอบคุณ?”
ใช่แล้ว เซียวเย่เจ๋อมีท่าทางร่าเริงขึ้นแล้ว
“ขอบคุณอะไรกัน นี่เป็นเรื่องที่ชายชาตรีทุกคนล้วนทำกันอยู่แล้ว”
เซียวซื่อจื่อเมื่อมีความสุขแล้ว จึงส่ายหัวและขี่ม้าจากไป พลางครุ่นคิดไปด้วย สตรีผู้นี้แม้ว่าจะขี้เหร่ไปหน่อย แต่ทำอาหารอร่อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดี!
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้านั่นก็ไม่ได้น่าเกลียดมากเท่าไรแล้ว อย่างมากเขาก็แค่หาหมอฝีมือดีมารักษาให้นางก็ได้นี่นา ใช่แล้ว เขานี่สมกับเป็นชายชาตรีที่กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องจริง ๆ!
จี้จือฮวนสบตากับนกเหยี่ยวล่าเหยื่อบนแขน นกตัวใหญ่ขนาดนี้จะเอาไปแขวนไว้ที่ใดกันล่ะนี่?
จี้จือฮวนคิดไปคิดมา ก่อนจะมัดมันเอาไว้ใต้ชายคาแล้วกลับไปอาบน้ำต่อ
…
เช้าวันต่อมา เสียงร้องของอาชิงน้อยทำให้จี้จือฮวนต้องตื่นขึ้นมา
ทันทีที่นางลืมตา ก็เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของอาชิงอยู่ใกล้ ๆ “ท่านแม่ นกตัวนี้ให้ข้าใช่หรือไม่ขอรับ!”
จี้จือฮวนเห็นเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวใหญ่นั่นตกอยู่ในมือของอาชิงอย่างไร้ทางรอด มุมปากก็กระตุกขึ้นเบา ๆ “อืม ยกให้เจ้าเลี้ยง เจ้าต้องดูแลมันดี ๆ ล่ะ”
เหยี่ยวล่าเหยื่อได้ยินคำตัดสินเช่นนี้ ขนก็ลู่ลงทันที!
“ได้เลยขอรับ เช่นนั้นตั้งชื่อให้มันว่า พญาครุฑต้าเผิง ก็แล้วกันขอรับ!”
กรุณาอย่าตั้งชื่อเลียนแบบปีศาจในเรื่องไซอิ๋วเช่นนี้เลย!
จี้จือฮวนมองดูอาชิงดึงนกเหยี่ยวล่าเหยื่อที่ไร้ชีวิตชีวาออกไปอย่างมีความสุข จากนั้นจึงได้รูดผ้าห่มออกมา ตอนนั้นเองนางก็ต้องตื่นตระหนกเมื่อพบว่ามือข้างหนึ่งของเผยยวน กำลังจับข้อมือของนางอยู่
!!!
เมื่อคืนก่อนเข้านอน เขายังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ อยู่เลยนี่นา?!
จี้จือฮวนตรวจสอบร่างกายของเขา ตอนที่ทำการทดสอบปฏิกิริยาทางประสาทร่างกายของเผยยวนก็มีการตอบสนองด้วย
แต่จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าจะก้าวหน้าขึ้นมากเพียงนี้
นางยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยกับเผยยวน “ตอนนี้ร่างกายของเจ้าฟื้นฟูได้ดีมาก พวกเด็ก ๆ ต่างก็กำลังรอวันที่เจ้าแข็งแรงอยู่ หากเจ้ารีบฟื้นขึ้นมาก็ยังพอมีความหวังที่จะชิงตำแหน่งเดิมของเจ้าคืนกลับมา”
แม้นางจะไม่แน่ใจว่าหลังจากเผยยวนฟื้นขึ้นมาแล้วเป็นเช่นไร แต่ในที่สุดนางก็ได้เห็นถึงผลของความพยายามในช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว
ข่าวนี้จี้จือฮวนยังไม่บอกเด็ก ๆ ทั้งสามคน เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเอาแต่คอยวนเวียนอยู่รอบตัวเผยยวนทั้งวัน อีกอย่างหากว่าอาการไม่ได้ดีขึ้นไปมากกว่านี้ นางกลัวว่าจะทำให้พวกเขาผิดหวัง
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว จี้จือฮวนก็ได้เตรียมรถม้า เพื่อจะพาท่านป้าไปที่ว่าการของตำบลฉาซู่ เพื่อสอบถามดูว่ามีใครมาแจ้งเรื่องคนหายหรือไม่
สตรีสูงวัยไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่อย่างไรเสียก็รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นแค่ถูกเก็บมา จึงทำได้เพียงขึ้นรถม้าไปอย่างเชื่อฟัง นางเปิดหน้าต่างรถม้ามองเด็กทั้งสามคนด้วยท่าทางน่าสงสาร
เผยจี้ฉือจึงเอ่ยขึ้นพร้อมท่าทางประดักประเดิด “ท่านป้า หากว่าเจอครอบครัวแล้ว ต่อไปพวกเราจะไปเยี่ยมท่านนะขอรับ”
ท่านป้าเบ้ปาก นางไม่อยากไป
ทว่าแค่จ้านอิ่งสะบัดเท้า รถม้าก็แล่นฉิวเหลือทิ้งไว้เพียงฝุ่นที่ตลบอบอวล
ที่ว่าการของตำบลฉาซู่ตั้งอยู่ที่ทางเข้าตลาดฝั่งตะวันออก จี้จือฮวนเดินนำท่านป้าลงจากรถม้า ก่อนจะเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่หน้าประตู ว่าหากมารายงานเรื่องคนหายต้องทำอย่างไรบ้าง
“ระยะนี้ไม่มีคนมารายงานเรื่องคนหาย พวกเราเองก็ไม่ได้รับข่าว ท่านจู่ปู้ก็ไม่อยู่ นายอำเภอเจียงก็ไปงานเลี้ยงของท่านจือโจว” เจ้าหน้าที่เห็นจี้จือฮวนเป็นสาวชาวบ้าน จึงแสดงท่าทีไม่ดีนัก และไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ให้พวกนางเข้าไป
จี้จือฮวนไม่ยอมแพ้ นางยัดเงินเล็กน้อยให้กับเจ้าหน้าที่ “พี่ชาย ข้ามีเรื่องด่วนจริง ๆ รอจู่ปู้มาแล้วท่านช่วยถามให้ข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ หากทราบข่าวแล้วช่วยให้คนไปแจ้งที่ภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลทีได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เจ้าหน้าที่เห็นว่าจี้จือฮวนยังพอรู้เรื่องอยู่บ้าง จึงยัดเงินเข้าไปในเสื้อ ก่อนจะพยักหน้าให้และเอ่ยขึ้นมา “ได้ มีข่าวแล้วข้าจะไปบอกเจ้า”
ทว่าหลังจากที่จี้จือฮวนจากไปได้ไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหน้าประตูของที่ว่าการพอดี