บทที่ 99 ฟื้นแล้ว! สามีภรรยาร่วมมือกันจัดการ! ฆ่าไม่เลี้ยง!
กลุ่มโจรขี่ม้าต่างก็พุ่งไปหาจี้จือฮวนโดยพร้อมเพรียงกัน
หญิงสาวไม่เกรงกลัวสิ่งใด เมื่อเทียบกับการสู้กันด้วยปืนแล้ว การต่อสู้ระยะประชิดด้วยอาวุธมีคมเช่นนี้ นางเชื่อว่าไม่แพ้ใครแน่นอน
จี้จือฮวนไร้คู่ต่อสู้ โจรขี่ม้าคนแล้วคนเล่าถูกนางฟันจนล้มลงกับพื้น
การเคลื่อนไหวของนางไม่ได้ดูลีลาท่ามากแต่อย่างใด เพราะท่าที่นักฆ่าเรียนมาก็คือท่าพิฆาตในครั้งเดียว
รู้ว่าโจมตีตรงไหนจะสามารถฆ่าได้ง่ายที่สุดภายในครั้งเดียว
พวกชาวบ้านต่างตกใจจนนิ่งงันไปตั้งนานแล้ว จี้จือฮวนคนเดียวต้องสู้กับโจรขี่ม้ามากมายเพียงนั้น เมื่อเห็นพวกเขามัวแต่ยืนอึ้งกันอยู่ จึงได้ตะโกนออกไป “รีบหนีเร็วเข้า!”
บรรดาชาวบ้านต่างก็หันหลังวิ่งหนีโดยพร้อมเพรียง บางคนก็อุ้มเด็กไปด้วย
เฉินเย่าจงเองก็โชคดีที่ได้จี้จือฮวนขวางดาบให้ แต่ขณะที่เขาเตรียมที่จะหนี เขาก็เห็นเผยจี้ฉือวิ่งกลับเข้าไปเอามีดในบ้าน
เฉินเย่าจงจึงทำเรื่องที่ชั่วร้ายด้วยการตะโกนไปทางเผยจี้ฉือ “แม่เจ้าขวางพวกโจรเอาไว้ให้ เจ้ายังไม่หนีอีกหรือ ยังจะรออะไรอีก รีบกลับไปขนเงินที่บ้านพวกเจ้าและหนีไปได้แล้ว วิ่งไปทางเนินเขานั่น พ่อเจ้ายังรอเจ้าอยู่ที่บ้านนะ”
เผยจี้ฉือไม่คิดที่จะทิ้งจี้จือฮวนและหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวอยู่แล้ว แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินเย่าจงจะจงใจเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งบ้านของพวกเขาและตัวตนของเขาในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
เป็นจริงดังคาด เมื่อกลุ่มโจรขี่ม้าได้ยินที่เฉินเย่าจงพูด ก็ไม่สู้กับจี้จือฮวนต่ออีก ทั้งหมดต่างก็พุ่งมาหาเผยจี้ฉือทันที
“สารเลว!” เสียงโครมครามดังขึ้น อาอินจึงยกค้อนสองอันที่เพิ่งคว้ามาจากมือของโจรขี่ม้า และออกแรงพร้อมกันทั้งสองข้าง ทุบเฉินเย่าจงจนหมดสติไป
“เย่าจง!”
เฉินไคชุนเมื่อเห็นหลานตัวเองได้รับบาดเจ็บ ก็วิ่งย้อนกลับมา
อาชิงพุ่งเข้าไป จับเฉินไคชุนเอาไว้ก่อนจะอ้าปากกัด
“คนเลว ใครให้ครอบครัวพวกเจ้ารังแกท่านแม่ข้า!”
เวลานี้จี้จือฮวนถูกโจรขี่ม้าล้อมเอาไว้ โจรขี่ม้าที่เหลือจึงรีบตามไปจับกุมชาวบ้านที่กำลังหนี อาอินแรงเยอะจึงคอยอยู่ข้าง ๆ ปกป้องเผยจี้ฉือ แต่เด็กทั้งสองคนอย่างไรเสียก็ยังเป็นแค่เด็ก เมื่อเห็นโจรขี่ม้าคนหนึ่งถือดาบกำลังจะฟันลงมา อาอินก็หมุนกายกอดเผยจี้ฉือเอาไว้แน่น
“อาอิน!” จี้จือฮวนขว้างดาบออกไป
ในช่วงเวลาความเป็นความตายนั้น จู่ ๆ ก็มีร่างร่างหนึ่งกระโดดออกมาท่ามกลางความมืด ร่างสูงตระหง่านราวกับนกอินทรีที่แข็งแรงและปราดเปรียว ผมยาวของเขาปลิวไสวไปตามสายลมยามค่ำคืน เขาใช้แขนข้างหนึ่งอุ้มเด็กทั้งสองเอาไว้ในอ้อมกอด ส่วนแขนอีกข้างก็กางออกและรับดาบยาวที่จี้จือฮวนขว้างมา
ดาบยาวนั้นราวกับถูกควบคุมด้วยพลังบางอย่าง มันหมุนอยู่ในมือของชายคนนั้นหนึ่งรอบ ก่อนจะฟันไปที่ม้า
โจรขี่ม้าผู้นั้นเดิมทีก็มีรูปร่างสูงใหญ่อยู่แล้วทั้งคนทั้งม้า แต่กลับถูกชายคนนั้นบีบคอได้อย่างง่ายดาย แล้วถูกยกจนตัวลอยขึ้นไปกลางอากาศ
ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของชายผู้นั้นได้อย่างชัดเจน เห็นแค่ว่าโจรขี่ม้าที่แข็งแรงนั่นหลังจากกลิ้งไปสองตลบก็ถูกตัดหัวขาดกระเด็นทันที
และในตอนนั้นเองใบหน้าที่หล่อเหลาของชายผู้นั้นก็แจ่มชัดขึ้นภายใต้แสงไฟ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาถูกความมืดปกปิดเอาไว้ ทว่าก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรับรู้ถึงพลังและความสามารถในการต่อสู้ของเขา
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแทบจะเป็นสีแดงก่ำ เส้นเลือดตามร่างกายนับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ใต้ผิวหนังที่ขาวผ่องนั่น
เทพสังหารปรากฏอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่จี้จือฮวนรู้สึกถึงความกดดันอย่างไร้ที่เปรียบ
“ท่านพ่อ!” อาอินเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้าง
เผยจี้ฉือก็มองไปที่เผยยวนด้วยความเหลือเชื่อ จนกระทั่งเผยยวนวางพวกเขาลงบนพื้นอย่างระมัดระวังแล้ว ทว่าสองพี่น้องก็ยังคงนิ่งอึ้งอยู่
แม้แต่อาชิงที่กำลังกัดเฉินไคชุนอยู่ก็นิ่งงันไปเช่นกัน
“ท่านพ่อ ฆ่าคนเลวพวกนี้เลยเจ้าค่ะ!”
ทันทีที่เอ่ยจบ เผยยวนที่ฟื้นขึ้นมาแล้วก็พุ่งเข้าใส่พวกโจรขี่ม้าราวกับปีศาจจากขุมนรกก็มิปาน
“ไป เข้าไป ฆ่าชายผู้นั้นซะ” หัวหน้าโจรขี่ม้าออกคำสั่งด้วยความตื่นตระหนก
หากบอกว่าจี้จือฮวนเป็นคนที่น่ากลัวแล้ว ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่า การฆ่าคนได้ภายในพริบตา
ทั้ง ๆ ที่เป็นอาวุธธรรมดา แต่ราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของชายผู้นั้นก็มิปาน ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดก็ไม่มีใครหนีรอดไปได้
จี้จือฮวนเองก็หายจากการตกตะลึงแล้วเช่นกัน โจรเหล่านี้บุกมากันไม่น้อย และเผยยวนที่จู่ ๆ ก็ฟื้นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้เข้ามาสู่การต่อสู้เลย สภาวะเช่นนี้มีโอกาสสูงที่เขาจะอยู่ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น
ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเฉินที่ยังหนีไปได้ไม่ไกล มองดูจี้จือฮวนกับชายผู้หนึ่งที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใดไล่เข่นฆ่าพวกโจรขี่ม้าอยู่
เหล่าเติ้งขยี้ตาไปมา “นั่นมัน…นั่นมันสามีของแม่นางจี้ไม่ใช่หรือ?”
เขาทำงานที่บ้านของจี้จือฮวนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว บางครั้งเวลาย้ายข้าวของ ก็จะเห็นเผยยวนผ่านทางหน้าต่าง ชายที่รูปงามเพียงนั้น ต่อให้เขาจะเห็นเพียงแค่ครั้งเดียวก็ไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
เพียงแต่ใครจะช่วยอธิบายให้เขาฟังได้บ้าง ไหนบอกว่านอนเป็นผัก เป็นคนพิการไปแล้วไม่ใช่หรือ!?
แบบนี้เรียกว่าพิการอย่างนั้นหรือ!?
เจิ้งต้าเฉียงตะโกนขึ้นมา “เด็กกับผู้หญิงให้รออยู่ตรงนี้ ส่วนผู้ชายที่แข็งแรงกลับไปกับข้า หยิบอาวุธแล้วไปสู้กับพวกมัน!!!”
“ใช่ ไปกันเถอะ!”
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งย้อนกลับมาอีกครั้ง พวกเขาต่างหยิบก้อนหินและก้อนดินบนพื้นปาใส่โจรขี่ม้า
แม้ว่าจะไร้ประโยชน์ แต่การก่อกวนเช่นนี้ก็ทำให้โจรขี่ม้าได้รับบาดเจ็บไปหลายคน
ฆ่าไม่เลี้ยง ฆ่าไม่เลี้ยงจริง ๆ
จี้จือฮวนเองก็เคยทำงานเป็นทีมมาก่อน แต่ไม่มีเพื่อนร่วมทีมคนไหนที่มีฝีมือระดับเดียวกับนาง หรือเก่งกว่านางเลย
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเผยยวนแทบจะทำให้คนมองไม่ทัน โจรขี่ม้าล้มตายมากขึ้นเรื่อย ๆ เลือดที่เปรอะเปื้อนตามร่างกายของเผยยวนก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน แต่จี้จือฮวนมั่นใจว่าเลือดนั่นล้วนมาจากโจรขี่ม้า
เพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้าใกล้ได้เลย
เป็นครั้งแรกที่จี้จือฮวนตระหนักได้ถึงคำว่า ผู้แข็งแกร่งที่ไร้พ่าย
เทพสงครามแห่งต้าจิ้นตัวจริง แม่ทัพหนุ่มผู้กลับมาจากการต่อสู้ในสนามรบ อยู่ตรงหน้าของนางนี่เอง
มีโจรนอนกองอยู่แทบเท้าของเผยยวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาราวกับกำลังปกป้องเมืองและดินแดนของตัวเองอยู่ก็มิปาน เขาไม่ก้าวไปข้างหน้าต่อ แต่กลับยืนตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าและดิน ราวกับหลักเขตแดน
ผู้ที่บุกรุก มันต้องตาย!
ในที่สุดโจรขี่ม้าก็ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปอีก พวกเขาเริ่มมีความคิดที่จะล่าถอย มีบางคนถึงกับวางอาวุธลง หวังแค่ว่าทั้งสองคนจะไว้ชีวิตพวกเขา
แต่ตรงหน้ามีเผยยวน ข้างหลังมีจี้จือฮวน พวกเขาถูกคนทั้งสองบีบจนไม่มีทางให้หนีได้อีก!
ทว่าเผยยวนกลับไม่คิดที่จะหยุด เมื่อพบว่าพวกเขาไม่เดินเข้ามาอีก เขาก็กระโดดลงมาจากกองศพและตรงเข้าสังหารพวกเขาต่อทันที
จี้จือฮวนเองก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นด้วย!
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าท่านพ่อเหมือนไม่รับรู้ถึงผู้คนเช่นนั้นเล่า?” เผยจี้ฉือเอ่ยอย่างเป็นกังวล
อาอินตกใจขึ้นมาทันที
จี้จือฮวนเองก็รับรู้ได้เช่นกัน เวลาที่เผยยวนมองมาที่นาง ไม่แตกต่างจากมองโจรขี่ม้าพวกนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าเขามองนางเป็นโจรขี่ม้าไปด้วย
ต้องบอกว่า…ในความคิดของเขามีเพียงลูกทั้งสามคนเท่านั้น แต่ไม่มีนาง
จี้จือฮวนกัดฟันแน่น ขณะที่เตรียมจะเผชิญหน้ากับเผยยวน เพื่อให้ความคลุ้มคลั่งของเขาสงบลงก่อนนั้น เผยยวนก็หยุดฝีเท้าลง และสูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยในอากาศเบา ๆ
จากนั้นดวงตาสีแดงคู่นั้นก็ราวกับจับอะไรบางอย่างได้ก็มิปาน ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง
จี้จือฮวนมีความรู้สึกแปลกใจอย่างมาก ความรู้สึกเช่นนี้ราวกับว่าเผยยวนจำนางได้ ดังนั้นจึงไม่ทำร้ายนางอย่างไรอย่างนั้น
แต่เป็นเช่นนี้ก็ถือว่าดีแล้ว หากเผยยวนอยู่ในสภาวะที่ไม่รู้สึกตัว ก็เป็นไปได้ที่จะฆ่าคนทั้งหมู่บ้านทิ้ง
เมื่อเห็นเผยยวนหยุดลง จี้จือฮวนก็มองโจรขี่ม้าที่ร่างกายสั่นเทาพวกนั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงดุดันออกมา “วางอาวุธของพวกเจ้าลงซะ เอามือทั้งสองข้ากุมหัวไว้และนั่งยอง ๆ กับพื้น!”
เหล่าโจรขี่ม้าต่างก็มองหน้ากัน จากนั้นก็โยนอาวุธลงกับพื้น ก่อนจะมีคนนั่งยอง ๆ ลงกับพื้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหัวหน้าโจรขี่ม้าที่คิดจะหนีก็หนีไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงลงมาจากหลังม้าแต่โดยดี
บรรดาชาวบ้านเองก็ฉลาดไม่น้อย รีบไปหยิบเชือกป่านจากที่บ้านมามัดโจรกลุ่มนี้เอาไว้