บทที่ 108 จอมมารราตรีสีเลือด
ดวงจันทร์ที่สว่างไสวจนความมืดไม่อาจปกคลุมได้ลอยอยู่บนท้องฟ้า ลมยามค่ำคืนพัดพาความร้อนและกลิ่นหอมอบอุ่นในอากาศมาด้วย ใบหลิวบนฝั่งแกว่งไกวไปตามแรงลม สัมผัสกับผิวทะเลสาบอันเงียบสงบราวกับมันไม่อยากโดดเดี่ยว
ชายชราที่กำลังรอลูกค้าไปขึ้นเรือสำราญ กำลังงีบหลับอยู่ในห้องบนเรือ หัวของเขาตกลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเรือโงนเงนเบา ๆ จึงได้สติกลับมา
“ไปขึ้นเรือสำราญสิบห้าเหวิน” ชายชรามองเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง จึงคิดว่าเป็นคนที่จะไปหาความสุข
เผยยวนได้ยินก็นั่งยอง ๆ ลง
ชายชรามองหน้าของเขาโดยอาศัยแสงจากชายฝั่ง เขาสวมชุดสีดำทะมัดทะแมง ช่วงเอวรัดแน่น หลังตั้งตรง รูปร่างค่อนข้างแตกต่างจากชายหนุ่มทั่วไปที่มักจะมาหาความสนุกสนาน
บนหัวของเขาสวมผ้าคลุมเอาไว้ ท่าทางขณะหยิบเงินดูแข็งกร้าว ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง สีหน้าของเขากลับดูสบาย ๆ แต่มีท่าทางสูงส่งอย่างหาได้ยาก นับว่าเป็นคนหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลามากผู้หนึ่ง
หน้าตาดีเพียงนี้ ทว่าถุงเงินที่ร่วงลงมากลับทำให้ชายชราตกใจจนตาโต เพราะถุงเงินปักลายนั้นทำจากผ้าป่านธรรมดา ๆ ลายปักบนถุงเงินนั้นก็น่าเกลียดเป็นอย่างมาก ราวกับว่าคนปักมือพิการอย่างไรอย่างนั้น ขี้เหร่จนแทบจะทนมองต่อไม่ไหว
ตอนที่เผยยวนมองถุงเงินของตัวเองสายตากลับแฝงรอยยิ้มบาง ๆ เอาไว้ นี่เป็นเงินค่าขนมที่วันนี้อาอินแอบเอาให้เขา อีกทั้งยังบอกด้วยว่านี่เป็นถุงเงินใบแรกที่ท่านแม่ทำให้นาง คนตัวเล็กที่อยู่บนนั้นชื่อว่าเซเลอร์มูน โดยหวังว่าต่อไปนางก็จะสามารถเป็นคนเก่งอย่างเซเลอร์มูนได้
เผยยวนไม่เคยได้ยินชื่อเซเลอร์มูนอะไรนี่มาก่อน แต่โชคดีที่ลูกสาวให้เงินมา และเขาก็ไม่อาจจะโกงคนแก่ได้
“นี่ขอรับ สิบห้าเหวิน”
เสียงของเขากลับมามากกว่าครึ่งแล้ว ฟังแล้วจึงไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้
ชายชรามุ่ยปากก่อนเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “พ่อหนุ่มนี่ละเอียดถี่ถ้วนจริง ๆ”
ผู้ชายที่มาที่นี่ต่างก็ต้องการเที่ยวผู้หญิง พวกเขาจึงไม่สนใจเงินจำนวนเล็กน้อยเท่านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราเห็นคนที่ยากจนถึงกับต้องนับเหรียญในถุงเงินทีละเหรียญเช่นนี้
เผยยวนได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้โมโหแต่อย่างใด กลับกันเขายังยกยิ้มมุมปาก “คนที่บ้านหาเงินมาอย่างยากลำบาก จึงต้องประหยัดขอรับ”
ชายชราพยักหน้ารับรู้ “ภรรยาที่บ้านใช่หรือไม่?”
เผยยวนหลุบตาลง พยักหน้ารับพร้อมแววตาอ่อนโยน “ขอรับ”
ชายชราเริ่มเปิดประเด็นสนทนา “เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรมาที่นี่สิ ที่บ้านมีภรรยาที่ดีเช่นนี้ เหตุใดยังออกมาเที่ยวเรือสำราญเช่นนี้อีก ในนั้นไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรจะมาเลย”
เผยยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “มาแก้แค้นขอรับ”
ชายชราฟังไม่ชัด คิดแค่ว่าชายหนุ่มผู้นี้คงต้องการความตื่นเต้นและแปลกใหม่เท่านั้น
บนเรือสำราญเสียงดนตรีราวกับอยู่ในความฝัน และมีเสียงผู้ชายหัวเราะดังขึ้นมาเบา ๆ
เสียงไม้พายกระทบกับผิวน้ำ ชายชรากำลังจะบอกเขาว่าถึงแล้ว แต่เมื่อมองดูอีกครั้ง ชายหนุ่มที่เดิมทียืนอยู่ตรงหัวเรือก็ได้หายไปแล้ว
“เอ๊ะ แปลกจริง คนเล่า?!”
…
ชั้นล่างของเรือสำราญ
นางรำที่สวมชุดบางเบากำลังบิดเอวราวกับงูน้ำก็มิปาน
และเบื้องหน้าของพวกเขามีผู้ชายสภาพสะบักสะบอมสิบกว่าคนที่ถูกทำร้ายจนเกือบตายแขวนอยู่กับขื่อ เมื่อมองดูสภาพที่น่าสังเวชของพวกเขา กลุ่มคนที่นั่งอยู่ด้านบนก็หัวเราะด้วยความพึงพอใจ
“ยินดีกับพี่ใหญ่ด้วย ที่รายชื่อของพวกกากเดนในกองทัพเกราะเหล็กทั้งหมดมาอยู่ในมือแล้ว รอให้เผยยวนที่ถูกพิษทรมานจนตายแล้ว ต่อไปใต้หล้านี้ก็จะเป็นของพี่ใหญ่แล้ว”
ชายที่เป็นหัวหน้าเมื่อได้รับคำเยินยอ ก็หัวเราะออกมา “เผยยวนนับเป็นตัวอะไรกัน ข้าหมดความอดทนกับเขามาตั้งนานแล้ว เจ้าดูคนที่ติดตามเผยยวนเหล่านี้สิ เป็นถึงองครักษ์ลับแต่สุดท้ายก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือของข้าอยู่ดี เมื่อก่อนแต่ละคนยังด่าทอข้าต่าง ๆ นานา ตอนนี้ข้าจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้า!”
“ได้ยินหรือไม่ ทุบตีต่อไปแต่อย่าทำให้ถึงตาย ข้าต้องการถลกหนังตัดเส้นเอ็นพวกมัน”
นางรำที่รินเหล้าอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็ปรายตามองชายผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่อ่อนหวานปานน้ำผึ้ง “เผยยวน ใช่หย่งกวานโหวหรือไม่เจ้าคะ?”
สตรีต้าจิ้นคนไหนบ้างที่จะไม่รู้จักเผยยวน
ชายผู้นั้นเชยคางสตรีผู้นั้นด้วยความดูแคลน “ทำไม เจ้าเองก็เป็นห่วงเขาอย่างนั้นหรือ?” เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก็จิกผมของสตรีนางนั้น ก่อนจะทำลายมวยผมที่งดงามนั่นทันที
สตรีผู้นั้นเจ็บจนต้องเอ่ยขอร้องพร้อมน้ำตา แต่ชายผู้นั้นก็ยังไม่ยอมปล่อย “เผยยวนก็แค่ทหารที่พ่ายแพ้ของข้าเท่านั้น ข้าจะบอกเจ้าให้ เขาใกล้จะตายอยู่รอมร่อแล้ว เขาในตอนนี้ก็แค่ดินโคลนกองหนึ่งเท่านั้น!”
ขณะที่ชายผู้นั้นกำลังจะสังหารสตรีตรงหน้า
เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้น “ช่างปากดีจริง ๆ”
ทุกคนจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ ชายที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องและเดินออกจากความมืดผู้นั้นไม่ใช่เผยยวนแล้วจะเป็นใครไปได้
“เผย…เผยยวน เป็นไปได้อย่างไร? เจ้า!”
เขาควรจะนอนรอความตายอยู่ในบ้างพัง ๆ ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้
เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อืม ได้เจอข้าอีกครั้ง แต่ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ดีใจเลยนะ”
ภายในห้องเงียบกริบ จนกระทั่งคนที่ถูกแขวนมองไปทางเผยยวน ดวงตาก็มีน้ำตาปนเลือดไหลออกมา “นายท่าน!”
ชายผู้เป็นหัวหน้าเห็นดังนั้นก็ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน “กลัวอะไร คนผู้นี้ถูกพิษมานานแล้ว ใต้หล้าไร้ยารักษา แค่แรงเฮือกสุดท้ายก่อนตายก็เท่านั้น!
เผยยวน ในเมื่อวันนี้เจ้ากล้าบุกมาถึงที่นี่ ข้าจะบอกเจ้าเพื่อเอาบุญ เจ้าน่ะตกต่ำไปตั้งนานแล้ว หากตอนนี้เจ้ายอมจำนนเสีย ข้าจะทำให้ศพของเจ้ายังอยู่ครบก็ได้”
เผยยวนหันหน้าไปมองอย่างเย็นชา ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “เจ้าน่ะหรือ?”
แม้แต่ถือรองเท้าให้เขาก็ยังไม่คู่ควรด้วยซ้ำ
“บัดซบ พวกเราลงมือพร้อมกัน!” ชายผู้นั้นเดือดดาลเป็นอย่างมาก เขาหยิบอาวุธขึ้นมา พร้อมกับเตะสตรีที่อยู่ข้างกายไปให้พ้นทาง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไป
เมื่อเขาเข้าใกล้เผยยวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เห็นว่ารอยยิ้มของเผยยวนนั้นกลับดูน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่น้องหลายคนพุ่งมาจากทุกทิศทุกทางหมายที่จะฆ่าเผยยวน ต่อให้จะเป็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจหลบพ้นได้
ทว่าเมื่อปลายกระบี่อยู่ห่างจากเผยยวนเพียงหนึ่งนิ้วมือ ในที่สุดเผยยวนก็เริ่มขยับ
แต่ไม่มีใครเห็นว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างไร! ร่างที่เหมือนกับภูตผี เพียงพริบตาเดียวเผยยวนที่อยู่ตรงหน้าก็หายวับไปแล้ว
ก่อนที่ข้างหูของเขาจะมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ของชายผู้หนึ่งดังขึ้น “ดูท่าว่าช่วงที่ข้าไม่อยู่ เจ้าไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยสินะ”
“เผยยวน! วันนี้เจ้าต้องตาย!” ชายผู้นั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ก่อนจะหมุนกายไปแทง ก็พบว่าเหลือเพียงความว่างเปล่า
“เจ้ายังไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า” น้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามของเผยยวนดังขึ้น เขาจับตัวคนที่อยู่ข้าง ๆ และใช้กระบี่แทงชายคนนั้นจนทะลุ
“กรี๊ดดด!” ภายในห้องพลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น บรรดาหญิงงามต่างตกใจและพลันสลบไสลไป
“ตอนนี้ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”
เมื่อเสียงทอดถอนใจของเผยยวนดังขึ้น ศีรษะของคนหลายคนก็ร่วงลงบนพื้นโดยพร้อมเพรียงกัน ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะขัดขืน
คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ถอยหนีด้วยความตกใจ มือที่ถือกระบี่อยู่สั่นเทา
เผยยวน……เหตุใด เหตุใดถึงได้น่ากลัวกว่าก่อนที่จะนอนเป็นผักไปเสียอีก วรยุทธ์ก็ก้าวหน้าถึงระดับนี้แล้ว!
เผยยวนหลุบตาลงมองเขา ร่างสูงใหญ่และตั้งตรงตอนนี้แม้จะผอมลงกว่าเดิม แต่ไม่มีใครกล้าดูแคลนไอสังหารที่แข็งแกร่งบนกายของเขา
เหมือนกับจอมมารที่กลับขึ้นมาจากขุมนรกเพื่อล้างแค้น และกำลังหยอกล้อกับผีชั้นต่ำอยู่
“ข้าเคยสอนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เวลาที่ถือกระบี่มืออย่าสั่น”
เคร้ง
เสียงกระบี่ตกลงบนพื้น คนผู้นั้นใช้สองมือกุมหัวเอาไว้ “ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”
เผยยวนยืนอยู่ตรงหน้าเขา “เอารายชื่อที่พวกเจ้าพูดถึงเมื่อครู่มาให้ข้า”